บันทึก PYT100 / 2019 : ใครอกหักที่ A12 มากองกันตรงนี้

PYT100 - 2019 bib

มาครับ บันทึก PYT 100 / 2019 ฉบับเขียนใหม่ เพราะเวอร์ชั่นแรกเขียนไปอ่านไปแล้วแม่งหล่อเกิ๊น ไม่ใช่ตัวเอง เอาใหม่ ต้องเขียนใหม่

เรา (หมายถึงพี่กับคุณแม่พดด้วง) คุยกันตั้งแต่ช่วงปลายปีที่แล้วว่า ถ้าเราจบฟูลแรกที่จอมบึงมาราธอนแล้วเราจะย้ายค่ายเปลี่ยนไปวิ่งเทรลกันบ้าง พอจบฟูลที่จอมบึงได้เรียบร้อยเมื่อเดือนมกราคมก็เลยมาตั้งเป้ากันว่า ถ้ามาสายเทรลก็อยากจะจบร้อยโลสักครั้งในชีวิต

หลังจากหาข้อมูลแล้วก็ฟันธงว่า โป่งร้อยนี่ล่ะวะที่จะเป็นเป้าหมายของเรา ด้วยเหตุผลว่าเป็นเทรลร้อยโลที่เหมาะกับมือใหม่ที่สุด ผู้จัดดี สนามไม่ยากเกินไป เวลาที่ให้อยู่ในวิสัยที่จะจบได้ ถึงขนาดมีคนบอกว่า เดินยังจบ!!

ระยะที่เราเคยวิ่งจบไกลที่สุดอยู่ที่ ๕๐ โล มาครั้งนี้โดดพรวดขึ้นมาเป็นร้อยโลทำให้เราต้องเตรียมตัวมากกว่างานอื่นก่อนหน้านี้

PYT100 - 2019 running plan
แผนการวิ่งหนีตาย หนีคัตออฟ ที่ทำไว้ มีข้อมูลเสร็จสรรพว่าแต่ละจุดต้องเพซเท่าไหร่ เข้าสเตชั่นเวลาไหน ออกเวลาไหน ถือไว้คนละชุดกับแม่พดด้วง

ซึ่งเรื่องเตรียมตัวนี่ไม่ใช่ปัญหาเพราะแม่พดด้วงทุบโต๊ะเปรี้ยง!! ออกนโยบาย ชิม ช็อป ใช้ เฮ้ยยย นโยบาย “ใช้เงินแก้ปัญหา” อะไรที่ใช้เงินแล้วจบได้ก็จ่ายไป ทั้งอุปกรณ์ รองเท้า เสื้อผ้า ฯลฯ และอะไรที่ใช้เงินแล้วช่วยลดเวลาให้เราได้ เราก็จ่ายไป ส่วนเรื่องการซ้อม บอกเลยว่างานนี้ซ้อมมากที่สุดตั้งแต่เริ่มวิ่งเทรลมา (เหรอออออออออ…)

PYT100 2019 bib registration
วันมารับ bib ระยะร้อยโล รับพร้อมกับระยะอื่น ยกเว้น ๑๖๖ กับ ๑๒๐ ที่รับไปในวันก่อนหน้าแล้ว

งานนี้ระยะร้อยโลกับ ๗๐ โลปล่อยตัวที่ Botanic Resort ส่วนเส้นชัยอยู่ที่ Flora Creek เราเลือกที่พักอยู่ใกล้จุดสตาร์ตตามคำแนะนำของผู้จัด และโชคดีที่ในเกสต์เฮาส์ที่เราพักมีนักวิ่งระยะร้อยโลพักอยู่ด้วยอีกคน พี่เจ้าของเกสต์เฮาส์เลยอาสาขับรถพาไปส่งที่จุดสตาร์ต ก่อนที่ตัวเองจะต่อไป Flora Creek เพื่อลงวิ่งระยะ ๕๐ โล

PYT100 2019 tattoo
tattoo โป่งร้อย ไม่มี tattoo นี้เข้าจุดสตาร์ตไม่ได้นะจ๊ะ

ลงจากรถที่หน้าสวนพฤกษศาสตร์ตอนตีสี่ (เพราะผู้จัดไม่ให้รถขึ้นไปที่ Botanic) ฝากกระเป๋าสัมภาระกับเจ้าหน้าที่แล้วเดินหอบหิ้วข้าวของบรรดามีกับถุง drop bag ขึ้นเนินไปที่ Botanic เหมือนเป็นการวอร์มเล็ก ๆ ก่อนสตาร์ต ระยะทางประมาณ ๙๐๐ เมตรกับความสูงร้อยกว่าเมตร ดีที่อากาศเย็น ไม่งั้นเหงื่อซึมตั้งแต่ยังไม่สตาร์ต

พี่กับคุณแม่พดด้วงตกลงกันว่าภาคกลางวันนี่ใครเร็วกว่าไปก่อนได้เลย แล้วไปรอเจอกันที่สเตชั่นข้างหน้าเป็นจุด ๆ ไป แต่พอเข้าช่วงมืดตอนเย็นต้องมาวิ่งเป็นบัดดี้ไปด้วยกัน เพราะมือใหม่กลางคืนด้วยกันทั้งคู่ เกิดอะไรขึ้นมาจะได้ช่วยกันได้

ปล่อยตัวตอนตีห้า เรามันพวกมือใหม่สายหนีคัตออฟเราไม่รีบ ให้ขาแรงเขาออกไปก่อน ไม่อยากไปเกะกะ

PYT100 2019 start line
บรรยากาศหน้าเส้นสตาร์ตก่อนปล่อยตัว

ออกจากจุดสตาร์ตสักพักเริ่มขึ้นเนิน ได้ใช้ไม้โพลตั้งแต่เริ่มเลยงานนี้ (แล้วไม่ได้เก็บเลยจนจบเรซ) วิ่งตามกันไปพักใหญ่ ๆ เกิดช่วงรถติด เพราะทางข้างหน้าเป็น single track แถมยังต้องมุดลอดค้างไม้ไผ่ที่ใช้ปลูกผักของชาวบ้าน ทำให้เสียเวลาช่วงนี้ไปร่วม ๆ ครึ่งชั่วโมง

พอหลุดมาได้แต่ละคนก็เริ่มสับกันล่ะ บวกกับฟ้าเริ่มสว่างให้เห็นทางง่ายขึ้น ก็อัปฮิลตามกันไป ช่วงนี้อากาศเย็นสบาย จนโผล่มาถึงทางแยกที่จะต้องเลี้ยวไป A7 ม่อนล่อง ก็เจอกลุ่มนักวิ่งวิ่งสวนลงมาเป็นระยะเพื่อไป A8 อารมณ์ช่วงนี้เหมือนตอนไป CM3 ช่วงจะขึ้นผานกกกเปี๊ยบเลย แม่ง ชันก็ชัน แถมยังใจเสียจากการที่เห็นคนวิ่งสวนกันลงมาเยอะจังเว้ยเฮ้ย แล้วเมื่อไหร่กูจะถึงซักทีวะ

ขึ้นมาถึง A7 ม่อนล่อง มีเวลาตุนไว้ ๔๐ นาที เช็กอินเรียบร้อย ฉีดสเปรย์ที่น่องทั้งสองข้าง หยิบกล้วยน้ำว้ามากินแล้วตุนใส่เป้มาอีกใบเผื่อไว้กลางทาง เติมน้ำเย็น เสร็จเรียบร้อยแม่พดด้วงตามมาถึงพอดี รออยู่จนแม่พดด้วงจัดการตัวเองเรียบร้อยวิ่งออกไปพร้อมกัน

จากขามาที่เป็นขาขึ้น พอขากลับก็กลายเป็นขาลง เป็นช่วงทำเวลาเก็บมาร์จิ้น ก็ดาวน์ฮิลลงมายาว ๆ แต่ก็ระวังตัว ไม่ห้าวมาก เพราะข้างหน้ายังมีช่วงดาวน์ฮิลแบบชัน ๆ โหดสัสรัสเซียรออยู่ ยังไม่อยากเจ็บเข่าตั้งแต่ตอนนี้

PYT100 2019 view
วิวสวย ๆ ที่ม่อนวิวงามยามสาย

ระหว่างทางไป A8 ปงไคร้ ต้องไต่เขาขึ้นไปหนึ่งลูก ไปเจอม่อนวิวงาม เป็นแหล่งที่พักนักท่องเที่ยว มีจุดให้บริการกางเตนต์กางกระโจมนอนเต็มไปหมด ถึงตรงนี้นักวิ่งหลายคนแวะเข้าร้านค้าไปทำทีซื้อโค้กเพื่อขอใช้ห้องน้ำส่งแฟกซ์ที่อั้นมาตั้งแต่สตาร์ต ส่วนพี่เองอาการมาตั้งแต่ตอนช่วงรถติดก่อนขึ้น A7 แล้ว แต่ยังอั้นได้ ตั้งใจไว้ว่า ขอทำเวลาก่อน ถ้าไม่ไหวจริง ๆ จะปล่อยแม่งกลางป่านั่นล่ะ ฮึ่ยยยยย

ผ่านจุดกางเตนต์มาได้หน่อยนึงเจอจุดเซอร์วิส kak oasis ของเพจนักวิ่งกากๆ กำลังจะวิ่งผ่านไปแต่เห็นมีกาแฟต้ม moka pot เลยแวะเข้าไปขอมาสองอึก ช่วยเพิ่มความดีด (ขอขอบคุณทีมงาน kak oasis มา ณ ที่นี้)

ก่อนเข้า A8 สวนทางกับขบวนกฐินพ่อผู้ใหญ่บ้านผานกกก ที่ลงระยะ ๑๖๖ โล วิ่งต่อไปอีกนิดเจอแอดลุงเบนซ์ เพจ Dnf6+ ที่ลงร้อยโลเหมือนกัน ก้มลงดูนาฬิกา ประเมินคร่าว ๆ แอดลุงน่าจะนำหน้าอยู่ประมาณชั่วโมงนึง

มาถึง A8 ปงไคร้ ตุนเวลามาร์จิ้นเพิ่มเป็นชั่วโมงครึ่ง เดินเข้าไป ทำไมคนยั้วเยี้ยจังวะ? สักพักถึงรู้ว่านี่เป็นสเตชั่นใหญ่ เป็นแหล่งรวมตั้งแต่ระยะ ๑๖๖ / ๑๒๐ / ๑๐๐ และ ๗๐ คนมันถึงเยอะขนาดนี้ ก็เริ่มหวั่นใจว่าตอนแม่พดด้วงมาถึงจะเจอกันมั้ย ระหว่างนั้นไปกินข้าวก่อน เป็นก๋วยจั๊บญวน ซึ่งโชคดีที่เคยกินมาก่อนหนนึง ไม่งั้นท่าจะแย่ รีบกินแล้วออกไปกินแตงโม หยิบกินไปเกือบครึ่งลูกได้มั้ง 5555 นอกจากแตงโมก็มีกล้วย มีส้ม ซึ่งไม่กล้ากินเพราะกลัวจะไปเร่งไอ้ที่อั้นอยู่ให้ออกมาเร็วขึ้น

ระหว่างยืนกินแตงโมอยู่ แม่พดด้วงเข้ามาพอดี ระหว่างรอแม่พดด้วงก็ไปเติมน้ำ เจอคนยืนข้างหน้าใส่เสื้อ GEO CMU Running Club ก็เลยสะกิดถาม จบจีออเหรอ? ปรากฏว่าเป็นรุ่นน้องรหัส ๓๘ พอบอกว่าพี่รุ่นอะไร น้องมันทำปาก โอ้ววววว เฮ้ย ใจเย็น กูไม่ได้แก่ขนาดนั้น 5555

พอแม่พดด้วงพร้อมก็ออกวิ่งต่อ พี่มุ่งหน้าจะไป A9 ตามเส้นทางของระยะร้อยโล ปรากฏว่าแม่พดด้วงเลี้ยวขวับตามคนข้างหน้า ซึ่งเค้าเป็นระยะ ๑๒๐ โล ต้องเรียกให้กลับมา เกือบไปแล้ว

จาก A8 ไป A9 แม่ขิ อันนี้แปลกมาก พี่จำไม่ได้เลย ไม่มีภาพอยู่ในหัวเลยว่าแม่งเป็นยังไง พยายามนึกยังไงก็นึกไม่ออก รูปก็ไม่ได้ถ่ายไว้ จนเหวอว่า เฮ้ย ตกลงกูไป A9 มารึเปล่า แต่หยิบพาสปอร์ตมาดูก็มีตราปั๊มอยู่นะ แสดงว่าพี่ไปมาแน่นอน แต่นึกไม่ออกขอข้ามไปละกัน

จาก A9 ไป A10 แม่ปะ อันนี้ล่ะจำได้แม่น เพราะหลังจากเหนื่อยกับการตะกายเขาขึ้นไปแล้วก็ปล่อยดาวน์ฮิลทางเทรลลงมายาว ๆ ชัน ๆ ตอนเริ่มดาวน์ฮิลก็มีกันอยู่หลายคน พอไหลมาสักพักเริ่มหลุดไปทีละคน พี่เองได้พี่ผู้หญิงคนนึงเป็นหัวลากนำมา วิ่งกันมาสองคนตามพี่เค้ามาเรื่อย ๆ (บอกเลยว่ารองเท้า altra king mt นี่แม่งดีจริง กระชับเท้าดีมาก ดาวน์ฮิลโคตรสนุก เดี๋ยวคราวหน้ามารีวิวกันอีกที)

จนจังหวะเผลอ สะดุดรากไม้ที่โผล่ขึ้นมานิดเดียวมองไม่เห็น พุ่งไปข้างหน้าเป็นซูเปอร์แมนเลยกู ฝ่ามือเป็นแผล เข่าเป็นแผลเหมือนตอนงาน PET เป๊ะเลย ก็ได้พี่ผู้หญิงคนนี้แหละเอายามาให้ อันนี้ก็ความรู้ใหม่ มียาจากญี่ปุ่นที่พอป้ายไปแล้วมันเป็นฟิล์มกันน้ำได้ด้วยว่ะ ถามพี่เค้าว่าซื้อจากที่ไหน ตั้งใจจะซื้อมาใช้มั่ง (ขอบคุณคุณพี่ไว้ที่นี่อีกครั้งครับ)

fresh wounds from PYT100 2019
ได้แผลอีกแล้ว มือข้างเดิม จุดเดิม ซ้ำรอยงาน PET

ก่อนเข้า A10 เจอจุด kak oasis อีกที แต่ครั้งนี้ไม่แวะ ขอไปเข้าที่ A10 เลย ถึงจุดนี้ได้มาร์จิ้นเพิ่มมาเป็นชั่วโมงห้าสิบนาที ความมั่นใจมากขึ้น กูนี่น่าจะจบนะร้อยโลแรก

กินข้าวหมูกระเทียมเสร็จนั่งชาร์จนาฬิการอแม่พดด้วง เห็นนักวิ่งนั่งท้ายรถกะบะมา ดูทรงแล้วคงล้มคางไปกระแทกหินจนคางแตก ต้องหยุดไปเลย เออ กูนี่ยังโชคดี แค่มือเป็นแผลเท่าจิ๋มมด

ออกจาก A10 ไป W1 ที่นั่นไม่มีคัตออฟแต่เราก็คำนวนเวลาไว้ว่าควรไปถึงไม่เกินกี่โมง จุดนี้ดีงามมากเหมือนเรซไดเรกเตอร์อ่านใจคนออก เพราะวิ่งมาเหนื่อย ๆ ร้อน ๆ มาเจอโค้กเย็น ๆ ใส่น้ำแข็งให้กิน น้องคนเทเทให้ไม่อั้น กินแล้วอยากเติมพี่เติมได้อีก เห็นนักวิ่งหลายคนเอาใส่ขวดใส่ถุงน้ำติดตัวไปกินระหว่างทางกันเลย

กินโค้ก กินข้าวต้มมัด ฉีดสเปรย์ที่น่องทั้งสองข้างแล้วเดินไปให้น้องเจ้าหน้าที่ทำแผลให้เป็นเรื่องเป็นราวก่อนออกวิ่งต่อไป A11 สะเมิง

เส้นทางช่วงนี้เราหวั่นใจอยู่นิดหน่อย เพราะโปรหนำเตือนไว้ว่าต้องข้ามน้ำหลายจุด และดูจากเวลาแล้วน่าจะมืดก่อนที่จะไปถึง A11

ช่วงโพล้เพล้มีจังหวะทิ้งช่วงจากคนข้างหน้าข้างหลังนิดหน่อย ตอนที่วิ่งอยู่คนเดียวมีความตื่นเต้นเล็กน้อย ไอ้ประเภทที่ว่าวิ่ง ๆ อยู่มีเสียงเหมือนคนวิ่งมาข้างหลัง พอหันไปดูแล้วไม่มีใครนั่นชักจะธรรมดา คราวนี้เป็นเสียงเหมือนใครมาตีบิบที่ติดไว้ด้านหลังที่เป้น้ำ เสียงชัดมากเพราะอยู่ที่หลังนี่เอง จนต้องหันไปดู เออ ไม่มีใครนะ ไม่เอาสิ ไม่ซน คนกำลังรีบ พยายามไม่คิดอะไร แล้ววิ่งไปต่อ ตอนแม่พดด้วงตามมาทันก็ไม่ได้เล่าให้ฟัง พยายามลืม ๆ ไป 5555

ก่อนถึง A11 ต้องข้ามน้ำหลายจุด โชคดีที่มีคนเอาท่อนไม้ ก้อนหินมาวางให้เหยียบข้ามไปได้ ก็เลยไม่เปียก มาเสียท่าที่จุดสุดท้าย เหยียบแล้วไม้แม่งพลิก ก้าวพรวดลงไปสองขาเลยจ้า ได้ประสบการณ์ใหม่วิ่งแม่งทั้งรองเท้าเปียกนี่แหละจ้า

มาถึง A11 สะเมิง มาร์จิ้นเหลืออยู่ชั่วโมงสิบสี่นาที จุดนี้เป็นจุดดร็อปแบ็ก เราพลาดที่จุดนี้เพราะใช้เวลาอยู่ที่นี่ชั่วโมงนึง ซึ่งนานเกินไป มีกินข้าวไข่พะโล้ อันนี้ไม่นาน แต่ตอนเปลี่ยนเสื้อผ้า เปลี่ยนรองเท้านี่นานอยู่ เสร็จแล้วออกวิ่งต่อ ตอนที่ออกมามากันสองคน แต่มีนักวิ่งอีกคนวิ่งตามมาบอกขอติดไปด้วย ซึ่งเรายินดีมาก เพราะมือใหม่ภาคกลางคืนด้วยกันทั้งคู่ มีคนไปด้วยกันจะได้ไปได้ไกล 5555

จาก A11 ไป W2 จุดนี้เพื่อนยุพราชฯ เจ้าถิ่นบรีฟเส้นทางมาให้ล่วงหน้า แต่มาถึงตรงนี้พี่จำอะไรไม่ได้เลย จำได้อย่างเดียวว่า ทางช่วงนี้เป็นเส้นเก่าที่ไม่ค่อยมีคนใช้แล้วและเคยมีเคสเอาศพไปทิ้ง ชิ_หาย ขอบคุณมาก เส้นทางพอเลยปั๊ม PT มาแล้วแม่งโคตรมืด ไฟไม่มีเลย ทางเป็นถนนดินอัด เหมือนเตรียมจะทำถนน เดินขึ้นเนินไปยาว ๆ ตอนแรกใจเสียเหมือนกัน อารมณ์ประมาณว่าคนอื่นเค้าออกกันไปหมดแล้วหรือเปล่าวะ เหลือกูนี่รั้งท้าย เดินมาเริ่มเจอนักวิ่งคนอื่น แซงมาบ้าง เดินตามกันไปบ้าง ช่วงนี้ยังไม่โหดเท่าไหร่ จนมาเจอพี่เจ้าหน้าที่ป่าไม้นั่งเฝ้าระวังอยู่ พี่บอกว่า ทางข้างหน้าชันหน่อยนะครับ ปกติพวกผมไม่ได้เดินกันทางนี้ ซึ่งประโยคนี้ตีความได้ว่า แม่งต้องไม่ธรรมดาแน่

ซึ่งก็จริง ทำไมกูซื้อหวยไม่ถูกแบบนี้มั่ง ทางแม่งเป็น single track แถมเป็นร่องน้ำมีน้ำไหลมาตลอด เวลาเดินต้องเดินขาถ่างเหยียบสองข้างของร่องน้ำ อย่าว่าแต่จะทำเวลาเลย จะเดินธรรมดายังลำบาก ช่วงนี้เดินอยู่กับแม่พดด้วงสองคน (หมายถึงพี่กับแม่พดด้วงรวมกันเป็นสองคน ไม่ใช่พี่แล้วก็แม่พดด้วงอีกสองคน เข้าใจนะ) เพราะคนที่มาด้วยเขาล่วงหน้าขึ้นไปก่อนแล้ว จนโผล่พ้นทางเทรลขึ้นมาทางถนน เดิน ๆ อยู่ เจอตัวอะไรวะตาเรืองแสงสีเขียว อย่านะมึง ดูดี ๆ อีกที อ่อ หมา 5555

ไปอีกหน่อยมาเจอ W2 มีโค้กอีกแล้ว ดีงาม เราเปลี่ยนแบตเฮดแลมป์ หยิบเสื้อกันลมออกมาใส่เผื่อไว้เลย แล้วออกเดินต่อ ไป A12 กองแหะ ช่วงนี้เริ่มใจชื้น เพราะดูจากแผนที่เส้นทางเราผ่านช่วงขาขึ้นที่เรากังวลที่สุดมาแล้ว เหลือขึ้นอีกนิดเดียวแล้วก็เป็นทางลงแล้วเว้ย มีเวลาสามชั่วโมงกับระยะทางแค่แปดโล คิดในใจว่า สบายยยยยย แม่งไม่ได้รู้ตัวเลยว่านรกรออยู่

เดินมาเรื่อย ๆ จนถึงป้ายบอกทางไป A12 เดินตามไปเจอนักวิ่งสวนทางมา กำลังงง เอ๊ะ มาถูกทางหรือเปล่า ผู้หญิงคนที่สวนมาบอกว่า ถูกทางแล้ว เข้าไปทางนี้แหละ เข้าทางไหน ออกทางนั้น แม่งฟังน้ำเสียงแล้วแปลก ๆ กูว่าต้องมีอะไร

ช่วงนี้เริ่มวิ่งได้ มีนักวิ่งสวนทางมาตลอด วิ่งไปสักพัก มีหมาเหมือนหมาไซบีเรียนวิ่งสวนมาพร้อมกับนักวิ่ง เป็นหมาไม่ได้ใส่ปลอกคอ แต่สภาพขนดูสะอาดสะอ้านเหมือนหมามีเจ้าของ กำลังนึกว่า นี่หมาจริงหรือกูหลอน ก็พอดีแม่พดด้วงทักขึ้นมาว่า เอ้า น้องหมา มาจากไหน เออ ยังอุ่นใจ กูไม่ได้เห็นคนเดียว 5555

วิ่งต่อไปเริ่มเข้าใจล่ะ ทำไมเขาถึงบอกว่า เข้าทางไหน ออกทางนั้น ทางแม่งทั้งขึ้นทั้งลง แถมเป็นทางดินชัน ๆ ขึ้นก็ชัน ลงก็ชัน พอกำลังใจเริ่มมาคนสวนมาแม่งบอก ข้างหน้าโหดกว่านี้ ขอบคุณมาก 5555

เส้นทางช่วงนี้เหมือนไม่สุดซักที ทั้งที่ระยะแค่สี่โลกว่า ขึ้นลง ขึ้นลง อยู่นั่น บางช่วงมองไปข้างหน้าเห็นไฟเฮดแลมป์ยาวเป็นสายลงมา คิดในใจว่า นี่แม่งยกภูเขาทองมาไว้ตรงนี้เหรอ ช่วงนี้แม่พดด้วงบอกว่า ให้วิ่งไปก่อนเลย เพราะถ้ารอกันอยู่อาจไม่ทันคัตออฟ

นั่นแหละ กัดฟันมาเรื่อย ๆ จนโผล่ทางเทรลมาขึ้นทางถนน วิ่งมาสักพักเจอทางดาวน์ฮิลถนนลาดยาง ซึ่งจริง ๆ ไม่ชอบเลย แม่งชวนให้เจ็บเข่า แต่ชั่วโมงนี้แล้ว ปล่อยไหลดาวน์ฮิลลงมายาว ๆ สวนกับนักวิ่งที่ค่อย ๆ เดินขึ้นมา ตอนนั้นใจยังไม่ได้คิดว่า เดี๋ยวกูต้องกลับทางนี้อีกนะ

เข้า A12 กองแหะ ก่อนเวลาคัตออฟ ๒๙ นาที เจอน้องที่วิ่งด้วยกันช่วงนึงนั่งอยู่ก่อนแล้ว น้องตัดสินใจ dnf เรียบร้อยเพราะเจ็บเข่า ตอนนั้นยังคิดอยู่ว่าจะไปต่อแต่ขอพักเอาแรงก่อน กินข้าวต้ม กินกาแฟ สักพักแม่พดด้วงเข้ามาถึง แม่พดด้วงตัดสินใจไม่ไปต่อ ส่วนพี่นั่งรีรออยู่ เอาไงดีวะ ตอนนี้เริ่มคิดถึงทางที่เพิ่งผ่านมา ที่จะต้องกลับไป สเตชั่นต่อไป A13 ต้องต่อไป ๑๕ โลกว่ามีเวลาสามชั่วโมงครึ่ง ทางแม่งก็โหดใช้ได้ หัวแม่เท้าก็เริ่มเจ็บแล้วจากที่เปลี่ยนรองเท้ามาเป็น speedgoat

สุดท้ายตัดสินใจเป็นไงเป็นกันวะ คว้าไม้โพลวิ่งออกไปตอนประมาณตีหนึ่ง พอเริ่มขึ้นเนินทางลาดยางไปได้สักโลนึง คำนวณเพซแล้วไม่ทันนี่หว่า ใจคิดต่อว่าถ้าไปซักครึ่งทางแล้วกูไม่ไหวนี่ชิ_หายแน่ จากพี่บวกกลายเป็นพี่เบิร์ดเลยมึง กลับตัวก็ไม่ได้ ไปต่อก็ไม่ถึง จะกลายเป็นภาระของผู้จัดหรือเปล่าวะ ขอหยุดคิดก่อน

ก็หยุดนั่งคิดแม่งบนถนนนั่นล่ะ สักพักมีแสงไฟตามมาเป็นนักวิ่งผู้หญิงพอเห็นพี่นั่งคิดอยู่ก็มานั่งคิดด้วยอีกคน กำลังถกกันว่าเอาไงดี ก็มีนักวิ่งเดินสวนลงมาบอกว่า ผมลองขึ้นไปแล้ว เปลี่ยนใจ ถ้าไปมากกว่านี้เดี๋ยวจะกลับไม่ได้ ก็มานั่งคุยกันอีกคน รวมเป็นสามล่ะ

สักพักน้องผู้หญิงบอกว่าจะไปต่อ ก็อวยพรให้สำเร็จ ส่วนพี่กับอีกคนก็เดินย้อนลงมาที่ A12 แจ้ง dnf ไป พอเจอหน้า แม่พดด้วงร้อง อ้าว แล้วก็หัวเราะ 5555

สรุปรวมระยะได้ ๗๕ โล รวมเวลาวิ่ง ๒๐ ชั่วโมง ๑๘ นาที

Garmin 235 data after PYT100 2019

PYT100 - 2019 running route for 75 km

อีกวันถัดมามาเจอโปรหนำกับอาจารย์นทีผู้จัดแถว ๆ ร้าน Basecamp หลังม.ช. อาจารย์นทีบอกว่า A12 เป็นจุดที่นักวิ่ง dnf มากที่สุด คือ ๒๐๐ กว่าคน ตามมาด้วย A13 (ซึ่งเป็นจุดถัดไป) dnf ที่จุดนั้นอีก ๒๐๐ กว่าคนเหมือนกัน ยังคิดในใจว่า นี่กูควรจะดีใจมั้ยที่มา dnf ที่จุดมหาชนเลยนะ 5555

จากสถิติที่แจ้งมา คนที่ลงโป่งร้อยมีอยู่ ๕๙๖ คน dnf ไป ๒๘๑ คน คิดเป็นสัดส่วน dnf ๔๗% เพราะฉะนั้น โป่งเปี๊ยนไป๋ โป่งแม่งไม่เหมือนเดิมแล้วนะครับ อย่าคิดว่า โป่งร้อยเดินยังจบ!! นี่กูวิ่งด้วยยังไม่จบจ้า

PYT100 - 2019 passport
พาสปอร์ตของโป่งร้อย ที่โปรหนำผู้จัดบอกว่า ให้นักวิ่งรักษาไว้ให้ดีประหนึ่งเป็นอวัยวะ 5555

สรุปบทเรียนสำหรับครั้งต่อไป (และเผื่อคนที่จะไปปีหน้า)

– ช่วงแรกหลังสตาร์ตสปีดมาก่อนเลย เพื่อหนีช่วงรถติด

– ใช้เวลาในแต่ละสเตชั่นให้น้อยที่สุด

– ฝึกฉี่ / อึ ในป่า เพื่อลดเวลารอเข้าห้องน้ำ

– ฝึกกินมาด้วย อะไรกินได้ อะไรกินไม่ได้ งานนี้แม่พดด้วงกิน real food แทบไม่ได้เลย กินได้แต่เจล

– ใช้เวลาที่จุดดร็อปแบ็กให้น้อยที่สุด

– รองเท้าสำคัญมาก ของพี่คู่แรกที่ใช้ดีมาก ดาวน์ฮิลไม่มีปัญหา ไม่เจ็บเลย พอเปลี่ยนเป็นคู่สอง แป๊บเดียวเจ็บแล้ว แถมยังฝากรอยเล็บม่วงเอาไว้ด้วยจ้า

– ถ้าจะให้ดีหานาฬิกาที่แบตอึด จะได้ไม่เสียเวลาชาร์จ แถมไม่ต้องแบกเพาเวอร์แบงก์มาด้วย

– สควอตมาเยอะ ๆ

– ซ้อมเนิน ซ้อมเขามาด้วยนะ

– จิตใจต้องเข้มแข็งกว่านี้

สรุปของสรุปอีกที โป่งร้อยครั้งนี้เสียดายแต่ไม่เสียใจ ปีหน้าไปใหม่ ให้มันรู้กันไปสิวะ อ้อ เรื่องที่น่ายินดีก็คือ จบงานนี้มีเปิดฤดูกาลช็อปปิ้งใหม่อีกรอบจ้า เพราะข้าวของอุปกรณ์เครื่องใช้หลายอย่างต้องเปลี่ยนใหม่ให้เหมาะกับการวิ่งระยะไกลขนาดนี้

สุดท้ายนี้ ขอขอบคุณคุณแม่พดด้วงผู้ซึ่งใจถึง พึ่งได้ สายเปย์ อนุมัติงบประมาณทุกบาททุกสตางค์ที่ต้องใช้เพื่อโปรเจ็กต์นี้ และยังเป็นกำลังใจในยามที่พี่เดี้ยงด้วยจ้ะ… ❤

my feet after PYT100 2019
สภาพเล็บหลังวิ่งจบ เป็นร่องรอยที่ Speedgoat ฝากเอาไว้ ข้างขวานั่นเต็มเล็บแล้ว ส่วนข้างซ้ายกำลังตามมา

รีวิว Altra King MT 2.0 สั้น ๆ หลังการวิ่งครั้งแรก

Altra King MT 2.0 Men & Women

รองเท้าคู่นี้ซื้อมาเพราะตั้งใจเอาไปงานโป่งแยง ใส่ไว้ใน drop bag เพราะเห็น race director บอกว่า โป่งแยงปีนี้ลุยน้ำเยอะ หลายจุดมาก มีรองเท้าไปเปลี่ยนที่ drop bag ก็น่าจะดี (ถ้าพี่ลากสังขารไปถึงได้นะ 5555)

ผลจากการใส่วิ่งครั้งแรกที่เขาฉลาก ชอบมาก กระชับเท้า น่าจะเพราะมี velcro ช่วยรัดช่วงกลางเท้า ดาวน์ฮิลไม่ลื่นนิ้วไม่ชน หน้ากว้างตามธรรมชาติของ altra พื้นหนึบจากพื้น vibram แต่ซัพพอร์ตน้อยกว่า speedgoat คู่เดิม ทำให้วิ่ง ๆ ไปรู้สึกถึงสภาพพื้นผิวมากกว่า เหยียบหินลงไปนี่รู้เลย คนละฟีลกับ speedgoat ที่พื้นหนากว่า แต่แลกกับโอกาสขาพลิกน้อยกว่า speedgoat ดีไปคนละอย่าง

Altra King MT 2.0 Men

ลองไปลองมา ชอบมากอย่างที่บอก เลยเปลี่ยนใจจะใส่คู่นี้เป็นคู่แรกแล้วเอา speedgoat ไปใส่ drop bag แทน

เพิ่มเติมจากคุณภรรยาซึ่งเดิมใส่ altra อยู่แล้ว แต่เป็นรุ่น lonepeak พอมาลองคู่นี้ก็ชอบมากเหมือนกัน

จบการรีวิวจ้ะ ถ้ามีอะไรมากกว่านี้จะมาอัปเดตอีกทีนะ ❤

Altra King MT 2.0 Men

น้องเหี้ยพลอดรักที่สวนรถไฟ

วันก่อนไปวิ่งที่สวนรถไฟ เจอน้องเหี้ย ซึ่งไปทุกครั้งก็เจอทุกครั้ง แต่ครั้งนี้ไม่เหมือนเดิม เพราะเจอน้องกำลังพลอดรัก กอดรัดฟัดเหวี่ยงกันสนุกสนาน พอดีมีกล้องอยู่ในมือก็เลยบันทึกเป็นคลิปกลับมาด้วยตามที่เห็นนี่ล่ะจ้ะ…

ประสบการณ์วิ่งงานดงมะไฟเทรล ๒๐๑๙

Dongmafai 2019 running gearจัดของครับ งานนี้ของน้อย แต่ที่ขาดไม่ได้คือ ยาดมครับ 5555

มาครับ ประสบการณ์ลงงานวิ่งเทรลครั้งล่าสุด ดงมะไฟเทรล ๒๐๑๙ ระยะ ๔๔ กิโลเมตร ที่บ้านดงมะไฟ อำเภอสีคิ้ว นครราชสีมา ขับรถไปไกลที่สุดและนานที่สุดตั้งแต่ลงงานวิ่งมา เจอรถติดจากการก่อสร้างระหว่างทางเป็นระยะ ไปห้าชั่วโมงกว่า กลับอีกห้าชั่วโมง แต่ที่ลงสมัครงานนี้เพราะเห็นว่าเป็นงานชุมชน รายได้หักค่าใช้จ่ายจะเอาไปลงในชุมชน

ก่อนสมัครก็เช็กฟีดแบ็กงานปีก่อน ที่ชมก็มี แต่ที่ติกันก็เรื่องเดียวเลยคือ เส้นทางวิ่งหลังออกจากจุดสตาร์ตที่เป็น single track ขึ้นเขาทำให้เสียเวลาต้องรอกันเป็นชั่วโมง ซึ่งทางผู้จัดก็ออกมาบอกว่า ปีนี้เปลี่ยนเส้นทางใหม่แล้ว ไม่เจอรถติด (จริง ๆ คือ คนติด) แน่นอน เอา ลองดู

Dongmafai 2019 running planกราฟความสูงของเส้นทางและแผนการวิ่งที่ทำไว้เผื่อหนีคัตออฟ

ตอนที่กราฟความสูงของเส้นทางออกมานี่เล่นเอาร้องซี้ด สตาร์ตเสร็จพี่ให้ดาวน์ฮิลกันยาว ๆ สิบโล ก่อนจะสลับขึ้นลงเนิน (แบบนี้เรียก เนิน ใช่มั้ย 5555) แล้วขึ้นกันยาว ๆ ตั้งแต่โลที่ ๒๐ แล้วไปชันชิ_หายวายป่วงกันที่โล ๔๐ จนถึงเส้นชัย

เรียกว่า นวดมาแล้ว ๔๐ โล แล้วมารีดให้หมดที่สี่โลสุดท้ายครับพี่น้องครับ

งานนี้สรุปกันเป็นข้อดีกว่า เอาข้อดีก่อน

๑. เส้นทางดี มีครบ อัปฮิล ดาวน์ฮิล เข้าป่า ทางโล่ง ปิ้งย่าง ไม่ยากเกินไป ไม่อันตราย แต่ก็ไม่ง่าย วิ่งกำลังสนุก

๒. อากาศดีมาก ตอนเข้าจุดให้น้ำที่โลที่ห้า อากาศเย็นจนควันออกปาก ทีแรกไม่แน่ใจ ต้องลองใหม่ เฮ้ย ใช่จริง ๆ

๓. น้ำท่าบริบูรณ์ดี เครื่องดื่มเกลือแร่มีเพียบ ไปงานอื่นสเปรย์ขาดแต่งานนี้สเปรย์เยอะมาก และที่เจอเป็นครั้งแรกในงานวิ่งคือ อ็อกซิเจนกระป๋องครับ วิ่งมาเหนื่อย ๆ สูดปื้ดยาว ๆ อาห์…

๔. พี่ป้าน้าอาในชุมชนอัธยาศัยดี เข้ามามีส่วนร่วมในงานพอสมควร

Dongmafai 2019 wristband

ทีนี้มาว่าเรื่องที่ควรปรับปรุงกันบ้าง

๑. เรื่องแรกเรื่องใหญ่สุด หลงกันเช็ดเม็ดครับพี่น้องครับ ระยะอื่นไม่รู้ แต่ ๔๔ นี่หลงกันชิ_หาย เนื่องจากริบบิ้นบอกทางติดห่างกันเยอะ แถมไม่สะท้อนแสงด้วย วิ่งมามืด ๆ ไม่เห็นครับ

อีกอย่างคือ บอกทางด้วยการพ่นสีสเปรย์บนก้อนหินบ้าง บนพื้นถนนบ้าง ซึ่งปกตินักวิ่งจะดูทางจากริบบิ้น ไม่ก้มหน้าดูพื้นกัน แต่โชคดีที่พี่ไม่หลง ไม่ใช่เก่งหรืออะไร วิ่งช้าครับ ตามรอยชาวบ้านแม่งไป รอด!! 5555

๒. ที่พักมีน้อย บริเวณงานมีพื้นที่ให้กางเต๊นต์นอนได้กับพักโฮมสเตย์ของชาวบ้าน แต่เราไม่ถนัดทั้งสองทาง ก็เลยไปพักห่างจุดจัดงานไป ๓๐ โลโน่น

แล้วงานนี้สตาร์ตตีสี่ ต้องตื่นตั้งแต่ตีหนึ่งกว่า ๆ กะเวลาให้อาบน้ำเตรียมของเสร็จขับรถมาถึงงานประมาณตีสาม จะได้ไม่วุ่นวายเรื่องหาที่จอดรถ ซึ่งระหว่างทางที่ขับมาแม่งอย่างมืด แม่พดด้วงมาบอกตอนมาถึงที่งานแล้วว่า ถ้าระหว่างทางมีใครมาโบกให้จอดจะไม่ให้จอดเด็ดขาด กลัวโดนดักปล้น!! 5555

๓. ในขณะที่น้ำท่าบริบูรณ์ดีตามข้อดีข้อ ๓ แต่แม่งไม่เย็นครับ วิ่งมาเหนื่อย ๆ เจอจุดให้น้ำเราก็อยากได้น้ำเย็นให้สดชื่นหน่อย แหม่ ไม่เย็นซะนี่

๔. ต่อเนื่องจากข้อ ๓ นอกจากน้ำท่าจะไม่เย็นแล้ว ผลไม้พวกแตงโม กล้วย สับปะรดอะไรก็ไม่มีให้เลย ขนมเล็ก ๆ น้อย ๆ อะไรก็ไม่มี นักวิ่งต้องพึ่งตัวเองล้วน ๆ ยังดีที่มีข้าวเหนียวหมูทอดให้ตรงกิโลฯ ที่ ๑๘ ที่เป็นจุดใหญ่

๕. ไม่เห็นทีมแพทย์พยาบาลเลยนะ ไม่แน่ใจว่ามีหรือเปล่า ซึ่งก็โชคดีที่ไม่มีใครเป็นอะไรที่ต้องใช้บุคลากรทางการแพทย์

ใครสนใจอยากลองไปปีหน้า ลองดูละกันว่า ข้อดีกับข้อควรปรับปรุงที่เล่ามามีอันไหนที่โอเค อันไหนที่ซีเรียส ซึ่งจริง ๆ ก็น่าเสียดาย เพราะสนามสวยมากและข้อควรปรับปรุงที่ว่ามาทั้งหมดเป็นเรื่องของการจัดการที่แก้ไขได้ อยากให้แก้ไขจริงจัง เพราะเชื่อว่าสนามเส้นทางแบบนี้ไปต่อได้แน่นอน

สู้ ๆ นะ…

Dongmafai 2019 running route

นักวิ่งเทรลไทยมีตังค์นะจะบอกให้

PET A1 view

โพสต์นี้สาระล้วน ๆ บอกเลย

เมื่อเช้า fb โชว์โพสต์นึงในกลุ่มวิ่งเทรลขึ้นมา คนโพสต์มาถามถึงเสื้อกันลมกันฝนที่จะใส่ไปงานวิ่งช่วงปลายปีนี้ ด้วยความที่เป็นงานเดียวกับที่พี่จะไปก็เลยกดดูคอมเมนต์เก็บเป็นความรู้เอาไว้หน่อย

มีเมนต์นึงมาแนะนำเสื้อกันลมกันฝนบอกรุ่นบอกยี่ห้อ เล่าสรรพคุณมาเรื่อย ๆ อ่านแล้วก็ร้องเหยดดดด แม่งระดับใส่ไป UTMB ได้เลยว่ะ ทั้งกันลม กันฝน ระบายความร้อน จนกระทั่งมาเห็นราคา

๖,๔๐๐ บาทครับ

เชี่_ กูนี่เตรียมเสื้อกันฝน 7-11 เอาไว้ ตัวละ ๓๕ บาทครับพี่น้องครับ

พูดถึงเรื่องนี้แล้ว วันก่อนมีคนมาโพสต์ขายจุกเสียบปลายไม้โพล ยี่ห้อ Vibram (ยี่ห้อนี้ดังมากเรื่องทำพื้นรองเท้าว่าเหนียวหนึบ รองเท้ายี่ห้อไหนเอาพื้นเจ้านี้ไปต้องยกมาเป็นจุดขาย) อีจุกไม้โพลที่ว่านี่ นึกถึงจุกยางรองขาเก้าอี้นะครับ ขนาดประมาณหัวแม่เท้า ใส่ยี่ห้อ Vibram เข้าไป คู่ละ ๔๙๐ บาทครับ

ตอนเห็นราคายังคิดอยู่ว่า ใครจะมาซื้อของมึ้งงงงงงง ที่ไหนได้ เมนต์มากันอย่างเร็ว รับครับ รับค่ะ รับครับ คู่นึงค่ะ

นี่แค่ตัวอย่างนะ ยังมีของอย่างอื่นในแวดวงอีกมาก ระหว่างที่พิมพ์อยู่นี่ก็มีประโยค วิ่งเป็นกีฬาที่ใช้เงินน้อย ก้องอยู่ในหัวนะครับ

เพราะฉะนั้นแล้วไม่แปลกใจเลยว่าทำไมตามงานวิ่งเทรลถึงมี มาม่า เข้าไปเป็นสปอนเซอร์หลัก เพราะนอกจากจะค่าอุปกรณ์แล้ว ยังมีค่าอุปกรณ์สำรอง ค่าสมัครงานวิ่ง ค่าเดินทาง ค่าที่พัก ค่าเดินทางไปซ้อมอีกสารพัด กระเป๋าฉีกนะครับ เรียกว่ามาม่าแม่งเข้าใจ insight ของลูกค้ากลุ่มนี้ดีมาก

วกกลับมาเรื่องสาระที่เกริ่นไว้ตอนต้น

จากที่เล่ามาจะเห็นว่ากลุ่มนักวิ่งเทรลส่วนมากเป็นกลุ่มคนที่มีกำลังซื้อ (ยกเว้นพี่คนนึงนะ) และตัดสินใจซื้อเร็ว ด้วยเหตุว่าถ้าช้าของแม่งจะหมด

เพราะฉะนั้นเพื่อน ๆ ที่ดูแลสินค้าและบริการ แบรนด์ต่าง ๆ รวมทั้งเอเจนซี่ ถ้าสนใจลูกค้ากลุ่มนี้ลองหาวิธีเจาะตลาดดูนะครับ ถ้าเจาะได้รับรองว่า สุขสวัสดีความมั่งมีจะมาสู่ท่านแน่นอน… เลิฟ เลิฟ ❤

หมายเหตุ ภาพประกอบไม่เกี่ยวกับเนื้อหาแต่อย่างใด 5555

ประสบการณ์วิ่งงาน PET : อาถรรพ์คัตออฟที่ ๓๐ โล

PET gearข้าวของและอุปกรณ์ส่วนหนึ่งที่แบกไปวิ่งงานนี้

มาจ้ะ death note เอ๊ย race note งานวิ่งล่าสุด พริบพรีอีโคเทรล Pribpree Eco Trail เรียกสั้น ๆ ว่า PET แต่คนไปงานเรียกง่าย ๆ ว่า งานเป็ด

งานนี้จัดที่บ้านลาด เพชรบุรี เป็นงานวิ่งที่จัดขึ้นครั้งแรก โดยชุมชนในพื้นที่ และทีมงานร้าน Pathwild ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของทีม TET ผู้จัดงานเทรลมากประสบการณ์และทุกงานล้วนได้รับคำชม แต่ผมมาไม่ทัน ทีม TET เลิกจัดงานวิ่งไปก่อน เสียดายมาก

พอมีแจ้งว่าจะจัดงาน PET โดยทีมงานส่วนหนึ่งของทีม TET เลยไม่รอช้า กดสมัครเอาระยะไกลสุด ๕๐ โลแม่งเลย ทั้ง ๆ ที่ยังไม่มีข้อมูลอะไรออกมา รู้แค่ระยะกับสถานที่ ส่วนว่าความชันเป็นยังไง สนามโหดแค่ไหน คัตออฟเท่าไหร่ ไม่มีครับ งานนี้อาศัยเครดิตเดิมของผู้จัดล้วน ๆ แต่ขนาดไม่มีข้อมูลอะไรอย่างนี้ อย่าคิดว่าสมัครง่ายนะครับ แม่งแย่งกันสมัครยังกะวิ่งฟรี เต็มภายในไม่กี่นาที แล้วที่เต็มก่อนก็ระยะไกลสุด ๕๐ โลนี่แหละ ซึ่งแน่นอน ถึงเรื่องวิ่งพี่จะกาก แต่เน็ตพี่ไม่กากนะครับ เรื่องสมัครเร็วเนี่ยขอให้บอก ไม่เคยพลาดครับ

คืนวันศุกร์ทีมผู้จัดมา live facebook เพื่อบรีฟเส้นทางและเปิดให้นักวิ่งได้ถามข้อสงสัย พอเปิดรูปมาพร้อมกับบอกว่า เส้นทางวิ่งเป็นหินลอยเกือบตลอดทาง คนอื่นแม่งเมนต์กันกระจาย ส่วนพี่เฉยมาก บอกเลย ไม่ใช่อะไร ไม่รู้เรื่องว่าหินลอยแม่งโหดแค่ไหน 5555 ส่วนตัวที่อยากรู้มีสองเรื่อง

PET running planแผนการวิ่ง คิดไว้แค่ ๓๐ โลแรก เพซเท่าไหร่ กินอะไรตรงไหน เข้า/ออกสเตชั่นกี่โมง

เรื่องแรก ฝนจะตกมั้ย เพราะดูจากความชันแล้วถ้าตกก็น่าจะได้เล่นสไลเดอร์สวนสยาม ทะเลกรุงเทพฯ กันแน่มึง ผู้จัดบอกว่า ฝนตกทุกวัน แต่บอกไม่ได้ว่าวันวิ่งจะตกมั้ย ส่วนเรื่องที่สอง คือ ทางวิ่งในป่ามีทากุซังมั้ย อันนี้ยังไม่เคยเจอ แต่ไม่อยากเจอ เลือดพี่มีน้อยอยู่แล้ว อย่ามาแบ่งเอาไปเลยนะ ซึ่งผู้จัดก็ตอบให้สบายใจว่า ไม่มี (เว้ย)

PET running planดูกราฟความสูงนั่นสิจ๊ะ

ตัดฉับมาวันงาน ปล่อยตัวตีห้าครึ่ง ออกจากโรงเรียนบ้านพุตุม วิ่งบนถนนลาดยางมาสักสองโลเลี้ยวซ้ายเข้าทางเทรล หินเริ่มมาเลยจ้ะ วิ่งไปเนินเริ่มมา จนกระทั่งเลี้ยวขวาเข้าทาง single track อัปฮิลไปเรื่อย ๆ จนมาถึง A1 ลานเครื่องร่อน ตอน ๖.๓๖ น. เร็วกว่าที่วางแผนไว้นิดหน่อย ซึ่งถือว่าดี ได้มาร์จิ้นมา ๑๒ นาที กำลังใจมา ถ่ายรูปเป็นที่ระลึกแล้วรีบออก

PET A1 viewวิวที่ลานเครื่องร่อน ต้องบอกว่า nice view ไม่แพ้ดอยปุยเลย

ออกจาก A1 เป็นทางดาวน์ฮิลลงไป วิ่ง ๆ อยู่ น้องผู้หญิงคนข้างหน้าสะดุดล้มคว่ำคะมำหงาย เข้าไปช่วยดึงให้ลุกขึ้น อ้าว เป็นน้องที่เคยเจอกันในแคมป์เทรลอาทิตย์ที่แล้วนี่เอง ยังไม่ทันได้ทักทายกันมีเพื่อนน้องวิ่งตามมาพอดี น้องมีคนดูแลแล้วเราก็ไปต่อ เพราะทางข้างหน้าจะเริ่มอัปฮิลยาว ๆ ล่ะ

อัปฮิล หรือเรียกว่าตะกายเขาจะตรงกว่า ขึ้นมาที่ยอดเขาแด่น จุดสูงที่สุดของสนามนี้ที่ระดับ ๕๓๘ เมตรจากระดับน้ำทะเล นั่งรอแม่พดด้วงตามขึ้นมา ให้พักแป๊บนึงพับไม้โพลเก็บแล้วเริ่มดาวน์ฮิลยาว ๆ ได้เวลาทดสอบเทคนิคที่เรียนมาจากแคมป์แล้วตอนนี้ ปล่อยไหลลงมาเรื่อย ๆ เฮ้ย ได้เว้ยกู ไอ้สัส!! ดาวน์ฮิลมาจนถึงลานลั่นทม หยุดพักเหนื่อยแป๊บ หยิบมือถือมาถ่ายรูป แม่พดด้วงตามมาพอดี กำลังจะไปต่อ อ้าว แม่พดด้วงล้มมา เข่าเป็นแผลเลือดไหลมาเลย บอกเพิ่งล้มตอนก่อนจะถึงลานลั่นทมนี่เอง ดีที่ไม่เป็นอะไรมาก ทำแผลใส่ยาแล้วก็ไปกันต่อ

ตลอดทางมีทั้งหินลอย หินไม่ลอย รากไม้ ตอไม้ วิ่งมาจนโลที่ ๑๗ ตากูมั่งล่ะทีนี้ ขาหลังสะดุดก้อนหินโผไปข้างหน้า แปลกมาก ความรู้สึกตอนนั้นเป็นภาพสโลว์โมชั่นเลยนะ พอตัวถึงพื้น มือไปฟาดใส่คมก้อนหินเป็นแผลฉีก ต้องหยิบเอาชุด first aid ใช้แอลกอฮอล์ล้างแผลใส่เบตาดีน แล้ววิ่งต่อ

PET handอยู่ดี ๆ มือก็มีแผล

วิ่งมาได้อีกแป๊บนึง เหยยยย เลือดแม่งไหลออกมาอีกจนหยดมาตามทาง ต้องหยุดแปะพลาสเตอร์ปิดปากแผลเอาไว้ก่อน ตอนนี้กูรีบ เดี๋ยวค่อยว่ากันนะ

ลงมาจนถึง A2 อ่างเก็บน้ำผาน้ำหยด เวลาที่ตุนไว้ ๑๒ นาทีจากสเตชั่นแรกตอนนี้เหลือแค่ ๗ นาที รีบกินแตงโม น้ำตาลสด อาลัว ขนมชั้นชิ้นนึง เติมน้ำเย็นใส่ขวด แล้วออกเลย จุดหน้า ๑๑ โลมีคัตออฟด้วย ต้องขึ้นลงเขาคอแดง มีเวลาอยู่ ๒ ชั่วโมง ๔๐ นาที

จาก A2 วิ่งมาช่วงแรกยังเป็นทางราบ เพซยังได้ พอเริ่มขึ้นเขาเท่านั้นล่ะมึงเอ๊ยยยยยย มึงจะชันไปไหน!! อัปฮิลขึ้นไปเรื่อย ๆ ตอนนี้เริ่มคุยกับเพื่อนร่วมทางเยอะขึ้นแล้ว เพราะมีจังหวะต้องพักเหนื่อย เดินไปเช็คเวลาไป ค่อย ๆ ดูเพซเฉลี่ยตัวเองใกล้เพซเฉลี่ยคัตออฟไปทีละนิด จนกระทั่งแม่งหลุดจนได้ แต่ก็ยังมีความหวังว่าเดี๋ยวตอนดาวน์ฮิลอาจจะทำเวลาคืนมาได้บ้าง ยังมีลุ้น

พอถึงช่วงดาวน์ฮิลก็ซัดลงมาเลยจ้ะ ปล่อยไหลมายาว ๆ แซงใครได้ก็แซง วิ่งไปวิ่งมา บางช่วงวิ่งอยู่คนเดียวมาจนถึงโล ๒๕ กว่า ๆ เจอแอดวิดนุ เพจ Dnf6+ กำลังนั่งพักอยู่ วิ่งไปต่อ จนโลที่ ๒๖ ไอ้ชิบหาย ยังมีขาขึ้นให้กูตะกายขึ้นไปอีกเหรอ เงยหน้ามองลูกนี้แม่งแทบจะถอดใจเลย กัดฟันไต่ขึ้นไป พอถึงยอดก็รู้แล้วว่าหมดสิทธิ์ ไปไม่ทันคัตออฟแล้ว เกมตั้งแต่ตรงนี้ แต่ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้ว ซ้อมดาวน์ฮิลแม่งเลยแล้วกัน ค่อย ๆ ปล่อยไหลไปเรื่อย ๆ แต่ไม่เร่ง เดี๋ยวเจ็บจะไปกันใหญ่

ช่วงนี้วิ่งอยู่คนเดียว เป็นป่าไผ่ ข้างหน้าไม่มีใคร ข้างหลังไม่มีใคร วิ่ง ๆ ไปได้ยินเสียงเหมือนฝีเท้าใครตามหลังมา หันกลับไปดู เผื่อเพื่อนนักวิ่งจะทำเวลาจะได้หลบทางให้ แต่อ้าว เฮ้ย ไม่มีใครว่ะ ครั้งแรกไม่คิดอะไร ครั้งต่อไปก็ยังไม่มีใครเหมือนเดิม ไอ้สัส!! ทีนี้กูเริ่มคิดล่ะ วิ่งไปเหลียวหลังไป ทางแม่งก็ดาวน์ฮิลเป็นไหล่ทางอยู่ริมเขา แถมทางเอียง ๆ ถ้าพลาดขึ้นมาก็กลิ้งหลุน ๆ ลงไปนอนยิ้มอยู่เชิงเขาโน่นเลยนะ เลยตั้งสติ เอาใหม่ คิดว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่บ้านที่ไหว้ขอพรเอาไว้ก่อนจะออกจากบ้านคงตามมาดูแลคุ้มครองน่ะ ก็สบายใจขึ้น แต่ตีนนี่ไม่หยุดเลยนะ ขอกูวิ่งจนเจอใครซักคนก่อน

ลงมาถึงทางราบวิ่ง ๆ เดิน ๆ ไม่รีบแล้วทีนี้ โผล่มาถึงเจอวัวตัวเบ่อเร่อยืนอยู่ตรงลานกว้าง ยังคิดอยู่ว่าสวยดี แม่งน่าถ่ายรูป พอมองไปข้างหน้า เห็นป้าย A3 เจ็ดโกรก ไม่ถ่งไม่ถ่ายแล้วโว้ยยยย หมดกรรมแล้วกู กูจะแดกข้าววววว

สรุปว่ามาไม่ทันคัตออฟไปเกือบครึ่งชั่วโมง ซ้ำรอยงาน CM3 ที่ไม่ทันคัตออฟ ๓๐ โลตรงบ้านผานกกก แต่งานนั้นหลุดเวลาไปแค่สามนาที เดินไปที่เต๊นต์ เจอผู้ประสบภัย A3 อยู่กันเพียบ สนุกสนานเฮฮากันดี พี่สต๊าฟบอกว่า ไอ้ภูเขาสองลูกที่เจอมาน่ะยังไม่เท่าไอ้ลูกที่รออยู่เลยนะ ลูกนั้นน่ะของจริง เยสเข้!! นี่พี่ขู่หรือพูดให้พวกผมรู้สึกดี ที่ไม่ได้ไปต่อครับ

PET handมาถึง A3 มีรถพยาบาลก็เลยได้ทำแผลเป็นเรื่องเป็นราว

ระหว่างนั่งกินข้าวกินขนม เพื่อนนักวิ่งบางคนบอกว่า สนามนี้แม่งโหดกว่า Navy Frog อีก บางคนก็บอก ใครยกเขาแหลมมาไว้ที่นี่ อีกคนบอกโหดกว่างานเกาะช้าง ส่วนเรามันประสบการณ์น้อย เขาแหลมไม่เคยไป งาน Navy Frog ไม่เคยไป งานเกาะช้างยิ่งไม่เคยไป ฟังแล้วก็นึกในใจ ชิบหาย!! นี่กูมาตีบอสโดยไม่รู้สี่รู้แปดอะไรเลย 5555

จะยังไงก็แล้วแต่ คนที่เขาจบก็ยังมี มีเยอะด้วย เพราะฉะนั้นเราไม่อ้างโน่นอ้างนี่ ที่ไม่จบนี่สรุปได้ข้อเดียวว่า กูกาก นะครับ

PET cupงานนี้เป็นงาน eco trail ผู้จัดให้เอาแก้วเอาช้อนไปเอง แต่อยากได้แก้วนิ่มที่ระลึกของงาน

สรุป งานนี้ข้อดีมีเพียบสุดจะสาธยาย ผู้จัดดี พี่น้องชาวบ้านในชุมชนให้ความร่วมมือดี เส้นทางดี (ปีหน้าจะมาแก้มือนะครับ) ริบบิ้นถี่ยิบไม่ต้องกลัวหลง ใครหลงมึงโทษตัวเองเถอะ อาหาร ผลไม้ น้ำดื่มมีพร้อม ใครเป็นเบาหวานอย่ามาวิ่งงานนี้ กูเตือนไว้ก่อน กลับไปมึงโดนตัดขาไม่ก็เบาหวานขึ้นตาแน่นอน หม้อแกง ทองหยอด เม็ดขนุน อาลัว ขนมชั้น พอนะ รับรองปีหน้าแม่งแย่งกันสมัครจนไฟลุกแน่ ๆ

หมายเหตุอีกที ใครอ่านมาถึงตรงนี้ ขอกราบขอบพระคุณเป็นอย่างสูงที่ทนอ่านมาได้ขนาดนี้ แล้วเจอกันใหม่ สวัสดีจ้ะ ❤

ประสบการณ์เข้าแคมป์เทรล Hilltop Trail Running Camp

Hilltop Trail Running Camp #7ผู้ร่วมชะตากรรม เอ๊ย ผู้เข้าร่วมกิจกรรมถ่ายภาพร่วมกับโค้ชและผู้ช่วยโค้ชหลังผ่านมาสามเขา

เสาร์อาทิตย์ที่ผ่านมาไปเป็นนักเรียนมาครับ เข้าแคมป์เทรลที่ชื่อว่า Hilltop Trail Running Camp ที่รีสอร์ต Hilltop Chalet ปากช่อง สาเหตุมาจากลงงานวิ่งเทรลครั้งล่าสุด (งาน CM6 ระยะ CM3) แล้วโดนคัตออฟอันเนื่องมาจากวิ่งดาวน์ฮิลไม่ได้ ทำให้ช่วงที่ควรจะเร่งเวลากลับทำไม่ได้ โดนตัดตัวเพราะเวลาเกินไปสามนาที พอรู้จุดอ่อนของตัวเองยังงี้ กลับมาก็เลยมาหาที่ซ้อมเนินเพื่อฝึกอัปฮิลดาวน์ฮิล แต่ก็ยังไม่ค่อยมั่นใจ

พอ fb เด้งโพสต์รับสมัครแคมป์นี้ขึ้นมาก็เลยกดไปดู เห็นสอนมาแล้วหกรุ่น กำลังจะเปิดรุ่นที่เจ็ด โค้ชที่มาสอนเป็นอดีตนักกีฬาทีมชาติ ชื่อ โค้ชเดี่ยว ปฏิการ เพชรศรีชา ซึ่งก็มีเพจสอนวิ่งที่ follow อยู่แล้ว ดูราคาก็ไม่แพง ตัดสินใจง่ายเลย

ใช้เงิน (ที่ไม่ค่อยมี) แก้ปัญหาสิวะงานนี้

สำหรับเครดิตโค้ชเดี่ยวเผื่อใครที่ยังไม่รู้จัก นอกจากจะได้เหรียญทองแดงซีเกมส์มาแล้ว แกยังเข้าที่หนึ่งจอมบึงมาราธอน ๒๐๑๕ เป็นแชมป์ตะนาวศรี ๖๐ ปี ๒๐๑๘ และแชมป์โคลัมเบีย ๕๐ ปี ๒๐๑๘ มาด้วย (นี่แค่ส่วนหนึ่ง) เรียกว่ามีดีกรีแชมป์ทั้งงานถนนงานเทรล คิดว่างานนี้ต้องได้ทางสว่างกลับมาแน่นอน อย่างน้อยก็เรื่องดาวน์ฮิลที่เป็นปัญหาอยู่นี่ล่ะ

Hilltop Trail Running Camp #7โค้ชอาร์ตสอนการวอร์มในวันแรก

ไปถึงแคมป์วันแรกนอกจากโค้ชเดี่ยวก็ยังมีโค้ชอาร์ต มโนชา มาเป็นผู้ช่วยโค้ชเดี่ยวอีกคน รวมกับพี่หมึก เจ้าของโปรเจ็กต์แคมป์นี้มาช่วยดูแล สอนกันตั้งแต่การวอร์ม (สอนโคตรละเอียด วอร์มเสร็จก็เหนื่อยแล้ว หัวใจขึ้นโซนสามแล้วมั้ง 5555) แล้วออกไปวิ่งเบา ๆ ดูสถานที่จริง ประเดิมกันก่อน ได้ทดลองอัปฮิลดาวน์ฮิลในพื้นที่จริงกันทุกคน คนละสองสามรอบ เสร็จแล้วกลับมาเรียนการดริล (Drills – ภาษาไทยเรียกอะไรไม่รู้)

Hilltop Trail Running Camp #7วอร์มกันแบบจัดเต็ม วอร์มเสร็จแม่งเหนื่อย 5555

จบจากดริล โค้ชสอนยืดเหยียดต่อ เรียกว่าเอาให้ครบ มีทั้งวอร์ม ทั้งวิ่ง วิ่งเสร็จต้องยืดเหยียดด้วย

Hilltop Trail Running Camp #7โค้ชสอนดริลท่าโน้นท่านี้จ้ะ

วันที่สองโค้ชนัดพร้อมกันตีห้าครึ่ง ออกมาวอร์ม (เหมือนเมื่อวาน) เสร็จแล้วพาวิ่งออกไปตามเส้นทาง เอาเทคนิคที่โค้ชสอนเมื่อวานมาลองของจริง ตามโปรแกรมบอกว่า ๑๓ โล แต่วิ่งเสร็จดูนาฬิกาปาเข้าไป ๑๔ โลกว่า มีแถมด้วย 5555 ขึ้นเขาลงเขาไปสามลูก เริ่มจากลูกเมื่อวาน ซึ่งนั่นง่ายสุด แล้วขยับยากขึ้น ชันขึ้น ใช้เทคนิคมากขึ้น ลูกสุดท้ายนี่ ถ้าโค้ชไม่ลงให้ดูก่อนยังคิดไม่ออกว่ากูจะลงยังไงไม่ให้กลิ้งลงมา ตอนที่โค้ชทำให้ดูนี่ก็เหมือนง่ายเลยนะ

Hilltop Trail Running Camp #7ดูวิวสิ ต้นข้าวโพดมันสูงขนาดนี้เลยเหรอ

วันนี้ ๑๔ โลกว่าเบ็ดเสร็จใช้เวลาไปเกินสี่ชั่วโมง กลับมาถึงแคมป์มียืดเหยียดอีกรอบด้วยท่าที่ไม่ซ้ำกับเมื่อวาน

สรุปสั้น ๆ มาแคมป์นี้โคตรคุ้ม โค้ชสอนแบบไม่มีกั๊ก สงสัยอะไรถาม ตอบได้!! อยากรู้อะไรถาม ตอบได้!! อับดุล!! ผู้ช่วยโค้ชดี ทีมงานดูแลดี ตอนออกวิ่งระหว่างทางมีรถเซอร์วิส น้ำเย็น โค้ก เกลือแร่ น้ำมะพร้าวมาครบ เรียกว่า น้ำท่าบริบูรณ์ดี ได้วิ่งพื้นที่จริง ลองของจริง อัปฮิลเป็นอัปฮิล ดาวน์ฮิลเป็นดาวน์ฮิล ลื่นเป็นล้ม 5555

แคมป์นี้เหมาะกับใคร?

เหมาะกับนักวิ่งเทรลขั้นเริ่มต้น อาจจะวิ่งถนนมาระยะนึงแล้วอยากจะขยับมาวิ่งเทรล หรือเคยวิ่งเทรลบ้างแล้วและอยากจะเก็บพื้นฐานที่ถูกต้องก่อนจะขยับอัปเลเวลต่อไป ส่วนนักวิ่งเทรลที่ช่ำชองแล้วถ้าสนใจแคมป์แบบนี้ พี่หมึกเจ้าของโปรเจ็กต์บอกว่าปีหน้าจะเปิดแคมป์สำหรับรุ่นแอดวานซ์ขึ้นไป ใครสนใจอัปร่างรอกันไว้ได้เลยนะฮะ

หมายเหตุ ภาพประกอบเครดิตทีมงาน Hilltop Trail Running Camp ยกเว้นคลิปนะครับ

ประสบการณ์วิ่งงาน Bangkok Midnight Marathon 2019

Bangkok Midnight Marathon 2019 medal

มาครับ ร่างฟื้นแล้ว ทั้งกายหยาบกายละเอียด เขียน race note งาน Bangkok Midnight Marathon 2019 เสร็จแล้วครับ

งานนี้ทีแรกไม่ได้ตั้งใจจะลง เพราะไปทางเทรลแล้ว แต่มาเปลี่ยนใจเพราะจะใช้งานนี้เป็นการซ้อม long run เนื่องจากซ้อมเองแม่งซ้อมไม่ได้ (อ่านแล้วอย่าเพิ่งหมั่นไส้ ถุย!! ลงงานฟูลเพื่อซ้อม อะไรงี้)

ทำใจล่วงหน้าไว้เลยว่าวิ่งได้แค่ไหนก็แค่นั้น (เพราะซ้อมไกลที่สุดแค่สิบโลเอง อันนี้ไม่ดี ไม่ควรทำเป็นอย่างยิ่ง) แล้วก็ดูสภาพตัวเอง ไม่ฝืน ต้องไม่เจ็บ จะ dnf ก็ช่างมัน ซึ่งพอคิดแบบนี้แล้วแม่งไม่เครียดเว้ย สบาย ๆ ไม่กดดัน

อีกอย่างที่ทำให้พร้อมจะ dnf ก็คือ แพลนไว้ว่าวันเสาร์จะนอนกลางวันเพื่อออมแรงเอาไว้ แต่ปรากฎว่ามีงานเข้า ต้องออกไปสัมภาษณ์คุณลูกค้าช่วงบ่าย เสร็จเย็น กลับถึงบ้านค่ำ กินข้าว อาบน้ำนอนได้ไม่ถึงสองชั่วโมงก็ต้องตื่นขึ้นมาเตรียมตัวแล้ว

ภารกิจแฝงอีกประการของงานนี้คือ จะเอา apple watch ไปทดสอบว่า แบตจะอยู่ได้กี่ชั่วโมง จะอยู่จนจบฟูลได้มั้ย? สงสัยเรื่องนี้มาตั้งแต่ตอนที่ซื้อ แล้วก็เห็นคนโพสต์ถามในกลุ่มวิ่งเรื่อย ๆ ทีนี้คนมาตอบก็พวกขาแรงไง จบฟูลสี่ชั่วโมงงี้ พวกนักวิ่งกาก ๆ นักวิ่งแนวหลังอย่างเราก็อยากรู้ว่าเวลาแบบเรานี่แบตจะอยู่ถึงมั้ยวะ

เรื่องนี้เคยเอาไปลองที่งานจอมบึงเมื่อตอนต้นปีมาแล้วครั้งนึง แต่ตอนนั้นดันเฟอะฟะ ไม่ได้ล็อกทัชสกรีนเอาไว้ พอยกแขนขึ้นปาดเหงื่อก็ไปโดนหน้าจออิท่าไหนกลายเป็น pause ไปเลย หลังจากนั้นก็ยังไม่ได้ลงงานฟูลอีกจนงานนี้นี่แหละ

งานนี้สตาร์ตตอน ๐๐.๕๙ น. วันอาทิตย์ (พูดง่าย ๆ คือ เกือบตีหนึ่งของคืนวันเสาร์ นี่ถ้ามึน ๆ ได้มีออกมาวิ่งผิดวันกันมั่งล่ะ) เส้นทางวิ่งของระยะฟูลน่าสนใจมาก ส่วนตัวยกให้เป็นเส้นทางวิ่งฟูลในกรุงเทพฯ ที่ดีเป็นอันดับสอง รองจาก Amazing Thailand Marathon นะ

เริ่มจากจุดสตาร์ตที่บริเวณหอกลอง ถนนสนามไชย วิ่งเลียบข้างวัดพระแก้ว ผ่านกระทรวงกลาโหม ศาลหลักเมือง ศาลฎีกา เลี้ยวขวาเข้าถนนราชดำเนินกลางมาถึงอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย (อ้อ ตอนที่ผ่านบริเวณกองสลากเก่าได้ยินเสียงเพลงลอยมาจากถนนข้าวสารยังคิดในใจว่า ชาวบ้านแถวนี้เขาอยู่กันยังไงวะเนี่ย เสียงขนาดนี้)

มาถึงสะพานผ่านฟ้าเลี้ยวซ้ายเข้าถนนราชดำเนินนอกผ่านหน้ากระทรวงเกษตรฯ เลี้ยวซ้ายวิ่งขึ้นสะพานพระราม ๘ แล้ววิ่งยาวอยู่บนทางคู่ขนานลอยฟ้าบรมราชชนนีจนถึงจุดกลับตัว (กิโลเมตรที่ ๑๘) วิ่งย้อนกลับทางเดิมจนลงสะพาน เลี้ยวซ้ายไปพระบรมรูปทรงม้า เลี้ยวขวาผ่านวัดเบญฯ เลี้ยวซ้ายวิ่งไปถึงแยกสุโขทัยแล้วเลี้ยวขวาวิ่งรอบสวนจิตรฯ

กลับมาพระบรมรูปทรงม้าเลี้ยวซ้ายวิ่งผ่านสนามมวยราชดำเนิน ตรงมาผ่านฟ้า มองเห็นภูเขาทองอยู่ตรงหน้า ข้ามมาโลหะปราสาท มาถึงอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เลี้ยวซ้ายตรงไปเข้าเส้นชัยที่ห้นาศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร โดยที่มีเสาชิงช้าตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่ใกล้ ๆ

จริง ๆ เส้นทางที่เล่ามานี่มีแผนที่ให้ดูนะ แต่ที่ให้อ่านมายืดยาวนี่เพื่อให้เห็นภาพว่าผ่านแลนด์มาร์กอะไรบ้าง ถามว่าตลอดเวลาที่วิ่งอยู่น่ะ ได้ชื่นชมความงามอะไรมั้ย? ไม่เลย เพราะแม่งเหนื่อย 5555

ถึงเวลาสตาร์ต ปล่อยตัวเหล่าอิลิตออกไปก่อน แล้วอีกห้านาทีถึงปล่อยตัวนักวิ่งทั่วไป (ผู้จัดงานคงกลัวนักวิ่งไปเกะกะอิลิตจนทำเวลาได้ไม่ดี) งานนี้มีคัตออฟแรกที่โล ๓๔ คำนวณแล้วต้องวิ่งไม่เกินเพซ ๘.๓๐ คัตออฟสองที่โล ๓๙ ต้องไม่เกินเพซ ๘ หลังจากนั้นคัตออฟที่เส้นชัย ตัดที่เวลารวมหกชั่วโมง ก็พยายามวิ่งคุมเพซตามแผนที่วางไว้ คือ ไม่เกินเพซ ๗ กะว่าตุนเวลาเก็บเอาไว้หน่อย ถ้าช่วงท้ายแรงหมดหรือมีเหตุต้องผ่อนต้องเดินก็ยังไม่ต้องลุ้นมาก

วิ่งระวังตัวมาจนถึงสิบโลนิด ๆ ยังรู้สึกดี อาการเจ็บเข่าที่เจอมาตลอดสี่งานหลังสุดยังไม่มีอาการเลย มาถึงจุดกลับตัวโลที่ ๑๘ วิ่งวนกลับมาเจอ pacer ห้าชั่วโมงวิ่งตามมาถึงเพิ่งรู้สึกตัว เฮ้ย ถ้าวิ่งได้ประมาณนี้ไปเรื่อย ๆ จนจบนี่ได้ sub 5 nicely เลยนะมึง ทีนี้ก็ตั้งเป้าเลย จะเอา sub 5 กลับไปฝากท่านประธานพดด้วงที่นอนยิ้มอยู่ในหลุมซะหน่อย

ถึงโลที่ ๒๐ เติมเจลครั้งแรกตามที่วางแผนไว้ ไม่อยากชนกำแพงหมดสภาพเหมือนที่นักวิ่งหลายคนเคยเจอ แม่งเป็นไงก็ไม่รู้ แต่ขออย่าเจอเป็นดีที่สุด มาถึงโลที่ ๒๒ เริ่มมีอาการขาตึง ๆ เลยหยุดพักเหยียดน่องนิดนึง ดูเวลาแล้วยังสบาย ๆ

พอมาถึงโล ๒๖ – ๒๗ แม่งเริ่มไม่สบายแล้ว ต้องแวะหยุดยืดเหยียดทุกจุดให้น้ำ จนถึงโลที่ ๓๐ อยู่บนทางคู่ขนานลอยฟ้าหน้าห้างพาต้าเติมเจลครั้งที่สอง ดูเวลา เริ่มช้าลงแต่ยังทัน sub 5 และมั่นใจว่าวันนี้กูจบแน่ ๆ เหลืออีกแค่ ๑๒ โล จากจุดนี้เดินไปจนถึงเส้นชัยยังทันเลย ขอแค่อย่าเจ็บ อย่าชนกำแพงเท่านั้นเอง

วิ่งมาถึงสะพานพระราม ๘ ขาลง โอ้โห ผลจากการฝึกดาวน์ฮิลมาแม่งช่วยได้จริงว่ะ มั่นใจขึ้นมาก ดาวน์ฮิลลงสะพานมาสวย ๆ เลย แล้วเลี้ยวซ้ายไปเข้าจุด check point แรกโลที่ ๓๔ ตรงบริเวณอนุสาวรีย์พระบรมรูปทรงม้า ดูเวลาแล้ว กำลังใจมา

แต่ก็นั่นแหละครับพี่น้องครับ ชีวิตนี้ถ้าอะไรมันเป็นอย่างที่คิดเสมอไป Murphy’s Law แม่งก็คงไม่โด่งดังทั่วโลกมาจนถึงทุกวันนี้นะครับ จากที่กลัวว่าจะเจ็บ จะชนกำแพง ไม่เลยครับ วิ่งมาถึงโลที่ ๓๖ เจอตะคริวครับ วิ่งมาหลายปี ไม่เคยเป็นตะคริว มาเป็นเอาวันที่จะทำเวลาไปฝากพดด้วงนี่แหละ จังหวะที่มานี่วางเท้าซ้ายลงไปจี๊ดมาที่น่องซ้ายเลย ตัวนี่เกือบทรุด ยังดีที่นักวิ่งที่ตามมาเขาหยุดทัน

จากที่คิดว่ายังมีลุ้น sub 5 พอตะคริวมานี่เกมเปลี่ยนเลย ดีที่ตุนเวลาเอาไว้เยอะ คำนวณใหม่เหลืออยู่หกโล เดินไป check point สอง ที่โล ๓๙ ก็ยังทัน จากนั้นถ้าต้องเดินเข้าเส้นชัยก็ยังได้อยู่ ก็เลยอุ่นใจหน่อย ก็เดินสลับวิ่งมาเรื่อย ๆ วิ่ง ๆ ไปพอตะคริวจะมาก็หยุดเดิน เดินไปสักพักอาการดีขึ้นก็วิ่งต่อ มาอย่างนี้จนถึงสะพานผ่านฟ้า ข้ามถนนมาหน้าโลหะปราสาท โอ้โห ช่างภาพเรียงกันเป็นตับ ยิงกันรัว ๆ ไม่ได้ จะมีรูปกูเดินหมดสภาพไม่ได้ กัดฟันวิ่งเหยาะมาตลอดทาง กะว่าพอช่างภาพซาแล้วค่อยเดิน ที่ไหนได้ แม่งนั่งเรียงกันยาวไปจนเข้าเส้นชัยโน่น ดีที่ไม่หมดสภาพไปซะก่อน

Bangkok Midnight Marathon 2019 route

งาน Bangkok Midnight Marathon 2019 มีทั้งข้อดีและข้อไม่ดี แต่ถ้าอ่านจากใน fb นึกว่าไปกันคนละงาน เพราะนักวิ่งถล่มกันยับ!! แต่หลายเรื่องตัวเองไม่โดน หลายเรื่องเจอแต่ไม่ได้รู้สึกว่าเป็นเรื่องใหญ่อะไร และบางเรื่องที่เจอแม่งไม่ดีจริง ๆ ก็มี

งานนี้สิ่งที่พอใจมากนอกเหนือจากการเข้าเส้นชัยได้ทันเวลาก็คือ ไม่เจ็บเข่าเลย แสดงว่าการบอดี้เวตที่ผ่านมาแม่งได้ผลเว้ย รวมถึงการซ้อมดาวน์ฮิลก็ได้ผลอีกเหมือนกัน นี่ค่อยเป็นกำลังใจให้ขยันซ้อมได้หน่อย

สุดท้าย สำหรับภารกิจทดสอบ apple watch series 3 ในที่สุดก็หายคาใจซะทีว่า ใส่ apple watch วิ่งฟูลได้มั้ย?

สรุปว่า ได้ครับ ตอนออกสตาร์ตมีแบตอยู่ ๙๔% เปิดโนติฯ ตามปกติทุกอย่าง แต่ไม่ได้ฟังเพลงระหว่างวิ่งนะ วิ่งเสร็จห้าชั่วโมงกว่าแบตเหลืออยู่ ๕๔% ตามภาพ เพราะฉะนั้นใครที่สนใจ apple watch แต่ยังลังเล ก็สบายใจได้เลย แบตอยู่ถึงแน่นอน และถ้าอยากได้ข้อมูลเพิ่มเติมเรื่องอะไร เดี๋ยวมารีวิวกันอีกที

สวัสดีครับ… ❤

Apple Watch battery after running a marathon

ประสบการณ์งานวิ่งจอมบึงมาราธอน ครั้งที่ ๓๔

เหรียญและเสื้อ Finisher งานจอมบึง ครั้งที่ ๓๔

เพิ่งไปวิ่งฟูลมาราธอนแรกที่จอมบึงมาราธอนมาเมื่อวันอาทิตย์ นั่งไล่เรียงสิ่งที่ข้าพเจ้าพบเห็นและสิ่งได้ยินได้ฟังจากผู้ประสบเหตุเอามาสรุปให้กัน เผื่อเป็นข้อมูลสำหรับใครที่จะไปปีหน้า (รวมทั้งคณะผู้จัดงานถ้าเกิดผ่านมาเห็น) ไม่รู้ว่าแบบนี้จะเรียกรีวิวมั้ย

๑. เริ่มที่การสมัครก่อนเลย งานจอมบึงถือเป็นงานใหญ่ระดับประเทศ มีนักวิ่งสนใจไปวิ่งจำนวนมากและมากขึ้นทุกปี (ได้ยินว่าปีนี้ปาเข้าไปถึงหมื่นห้าพันคน) แต่คนสมัครเยอะกว่านั้นอีกมาก แต่ไม่ต้องรีบ เพราะไม่ได้ใช้วิธีมาก่อนได้ก่อนแต่ใช้การสุ่มเลือก หรือที่เรียกสั้น ๆ ว่า ล็อตโต้ (Lotto) ซึ่งถ้าไม่มีเส้น หรือไม่ได้เป็นแวดวงสปอนเซอร์ก็หมั่นสะสมแต้มบุญเก็บไว้เยอะ ๆ ทำบุญบริจาคอะไรบ้างเพื่อว่าเวลาสุ่มขึ้นมาจะได้มีชื่อเราติดกลุ่มไปด้วย

แต่เพื่อความไม่ประมาท ใครที่รู้ตัวว่าไม่ค่อยมีดวงด้านนี้ก็ยังมีอีกวิธี (ซึ่งก็ไม่รู้ว่าปีหน้าจะยังมีอยู่มั้ยนะ ต้องคอยติดตามข่าวเอา) คือ หลังจากที่สมัครงานจอมบึงไปแล้วและยังไม่ประกาศผลล็อตโต้ จะมีงานวิ่งอีกงานของจอมบึง ชื่อว่า งานวิ่งฮาล์ฟมาราธอนโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช จอมบึง ซึ่งในปีที่ผ่านมาจัดเป็นครั้งแรกและก็คงมีคนสมัครน้อย ก็เลยมาจัดโปรโมชั่น ใครที่สมัครฟูลฯ งานจอมบึงเอาไว้ถ้ามาวิ่งฮาล์ฟงานนี้จบภายใน ๒:๔๕ ชั่วโมง ได้โควต้าไปฟูลฯ จอมบึงแน่นอน

นั่นแหละ แต่ด้วยความที่งานนี้ปีที่แล้วจัดได้ดีมาก (อ่านรีวิวได้ที่นี่นะ ประสบการณ์งานวิ่งฮาล์ฟมาราธอนโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช จอมบึง ราชบุรี ๒๕๖๑ ) กระแสตอบรับดีสุด ๆ ก็เลยไม่รู้ว่าปีนี้จะมีโปรฯ อย่างปีที่แล้วอีกรึเปล่า ต้องคอยติดตาม facebook ของงานดูนะ

๒. ที่พัก บอกเลยหายากสัส ๆ เพราะคนไปเป็นหมื่นอย่างที่บอก เพราะงั้นใครที่ฟันธงว่าจะไปแน่ ๆ พอรู้วันจัดงานแล้วรีบจองรีบจ่ายมัดจำเลย ไม่ต้องกลัว ถ้าไม่ได้ล็อตโต้มีคนรับต่อแน่นอน แต่ปีนี้เห็นคนมาให้ข้อมูลว่ามีคนในพื้นที่ชิงเหมาห้องเก็บไว้ก่อนแล้วมาปล่อยทำกำไรกันด้วย ถ้าเป็นงานบุรีรัมย์ กูจะฟ้องลุงเน แต่งานนี้ไม่รู้จะฟ้องใคร เพราะฉะนั้นก็เล็งกันดี ๆ ส่วนใครที่กะไปนอนเต๊นต์ก็เผื่อใจไว้นิดนึง คนมันเยอะ ร้อยพ่อพันแม่ มีเสียงดัง มีกินเหล้า อาจทำให้นอนไม่หลับได้ ต้องประเมินตัวเองดู

๓. การรับบิบ เลือกได้ว่าจะให้ส่งไปรษณีย์หรือมารับเอง จากประสบการณ์แนะนำว่า ถ้ามีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง ไม่เคยมีประวัติของที่ส่งมาหาย ก็ให้เขาส่งไปรษณีย์มาเถอะ ยอมเสียค่าส่งไป เพราะบรรยากาศวันรับบิบวุ่นวายชิบหาย ต้องไปเข้าคิวเอาเลขก่อนแล้วมารอเรียกอีกที เสียงก็ดังฟังไม่รู้เรื่อง ยอมเสียเงินค่าส่งไปรษณีย์ไปเหอะ อย่ามาปวดหัว ใช้เงินแก้ปัญหา สวย ๆ

๔. ที่จอดรถ ปีนี้มีที่จอดรถ ๑๕ จุด แต่ที่จอดในราชภัฏจอมบึงขนาดไม่ใหญ่ จุได้ไม่มากและส่วนมากก็เต็มเร็ว เพราะคนที่นอนเต๊นต์ก็จะรีบมาจองที่จอดกัน การจอดรถในราชภัฏต้องระวัง “ลิง” แม่งอย่างเยอะ แล้วมันไม่อยู่นิ่ง มีขึ้นไปนั่งบนหลังคาบนฝากระโปรงรถ มีบางตัวแม่งซนไปดึงเสาอากาศ ที่ปัดน้ำฝนเล่นด้วย ใครจะจอดตรงไหนก็ระวังด้วย

ส่วนใครที่เล็งจุดจอดนอกราชภัฏ ต้องระวังเรื่องรถรับส่งที่จะพาไปจุดสตาร์ต เพราะปีนี้มีนักวิ่งหลายคนที่มาจุดสตาร์ตไม่ทันเวลาปล่อยตัวอันเนื่องมาจากรถรับส่งมาช้า บางคนรออยู่เกินครึ่งชั่วโมงก็มี เพราะฉะนั้นถ้าจะให้ดี หาที่พักใกล้ ๆ งานแล้วเดินมาก็จะลดความเสี่ยงไปได้ แค่วิ่งก็เหนื่อยแล้ว อย่ามาเหนื่อยลุ้นไปให้ทันวิ่งอีกเลย

๕. การปล่อยตัว ระยะฟูลฯ ตรงเวลา ไม่เลต มีแยกบล็อกนักวิ่ง A B C D E แต่ก็นั่นแหละ เขากั้นไว้แล้วก็ยังมีแทรก มีมุด ขยับมาอยู่หน้า ๆ กัน

๖. อุโมงค์น้ำ ปล่อยตัวมาได้ไม่เกิน ๒๐๐ เมตร มีอุโมงค์น้ำ ไม่รู้จะรีบไปไหน เพิ่งปล่อยตัว เวลาตีสี่ ยังไม่ร้อน แต่ตอนจะเข้าเส้นชัยแม่งวิ่งปิ้งย่างมาตั้งนาน น่าจะเอาอุโมงค์น้ำมาไว้ตรงนี้

๗. เส้นทางวิ่ง วิ่งถนนลาดยาง มีบางจุดอาจจะขรุขระบ้างตามสภาพถนนเมืองไทยอ่ะนะ อันนี้เข้าใจไม่ว่ากัน บางจุดอาจจะมีไฟสลัว ๆ เห็นมีบางคนติเรื่องนี้ แต่โดยส่วนตัวไม่ติดใจ วิ่งไปมีเนินซึม ๆ ยาว ๆ พอให้ได้ออกกำลังขาเปลี่ยนบรรยากาศ แต่พอช่วงสายแดดออกนี่ปิ้งย่างกันยาวเลย ใครกลัวแดดเตรียมทากันแดดหรือปลอกแขน ผ้าบัฟไปด้วย

๘. จุดให้น้ำ เกลือแร่ ผลไม้ ถี่ยิบ นี่ต้องชม ปกติงานอื่นเขามีทุกสองกิโลฯ นี่บางช่วงแทบจะทุกกิโลฯ เพราะนอกจากของงานแล้วยังมีของพี่ป้าน้าอา ของผู้ใหญ่บ้านมาตั้งจุดแจกด้วย มีพี่ผู้หญิงมาตั้งโต๊ะแจกกล้วยแขกมันทอดด้วย ขอบคุณมากครับพี่ ๆ

๙. กองเชียร์ เรื่องนี้เป็นจุดเด่น จุดขายของงานจอมบึงมาตลอด ที่อยากไปจอมบึงส่วนนึงก็เพราะเสียงร่ำลือเรื่องนี้แหละ แต่ไปเจอจริง ๆ แล้วไม่รู้เหมือนกันแฮะ แล้วแต่ความคิดแต่ละคนก็แล้วกันนะ แต่ขอบคุณน้อง ๆ กองเชียร์มาก ๆ ครับ

๑๐. ทีมเจ้าหน้าที่การแพทย์ จัดเต็มมาก มีสเปรย์ มีครีมพร้อม มีทีมช่วยนวดเยอะมาก ที่จบมาได้นี่ต้องขอบคุณทีมนวดเป็นพิเศษ ขอบคุณทีมนวดทุกจุดมากครับ

๑๑. คัตออฟ งานปีนี้ขยับเวลาคัตออฟเป็น ๗ ชั่วโมง เป็นดราม่าในโลกออนไลน์ทั้งก่อนแข่งและหลังแข่ง ส่วนตัวไม่เห็นด้วยกับกรณีที่ทีมงานผู้จัดขนนักวิ่งขึ้นรถมาปล่อยให้วิ่งต่อให้ทันคัตออฟ และได้รับเหรียญรับเสื้อ Finisher อยากให้เป็นงานที่ได้มาตรฐานจริง ๆ คัตออฟก็คัตออฟสิวะ วิ่งไม่จบ โดน DNF มันก็เป็นเสน่ห์ เป็นความท้าทายให้กลับมาใหม่นะ

๑๒. การรับเหรียญรับเสื้อ Finisher หลังเข้าเส้นชัย โอเค แต่คูปองอาหารไม่โอเค ไม่มีป้ายหรือสัญลักษณ์บอก แทบไม่เห็น

๑๓. อาหารหลังงาน มีเยอะ อันนี้ดี ไม่มีปัญหา แต่สลัดหมด เอาคูปองไปแลกอย่างอื่นก็ไม่ได้ เลยไม่ได้ใช้ไปหนึ่งใบ แต่สถานที่ตรงซุ้มอาหารเล็กไปนิดเมื่อเทียบกับจำนวนนักวิ่งและร้อน

๑๔. ไม่มีป้ายบอกจุดปริ้นต์ผลการแข่งขัน นึกว่าต้องไปปริ้นต์จากเน็ต จนเห็นคนเดินถือมาต้องถามถึงรู้ว่ามี

๑๕. เรื่องความสวยงามของเสื้อและเหรียญ อันนี้นานาจิตตัง ไม่ได้ซีเรียสกับเรื่องนี้ แต่เจอปัญหาเสื้อวิ่งบาดหัวนมเลือดซิบ พลาดเองที่ลืมป้ายวาสลีนมา

๑๖. ขอจบด้วยเรื่องไฮไลต์ส่วนตัวที่เป็นสาเหตุให้อยากไปฟูลที่จอมบึง คือ มีหลวงพ่อมาพรมน้ำมนต์ให้นักวิ่งที่ระยะ ๒๑ โล ตอนแรกฟังคุณภรรยาเล่าถึงงานจอมบึงก็เฉย ๆ พอเล่ามาถึงว่ามีหลวงพ่อมาพรมน้ำมนต์ด้วยนะ กูซื้อเลย!! ปักธงเลยว่า ฟูลแรกกูต้องที่นี่ ตอนวิ่งมาเจอหลวงพ่อนี่ขอสองรอบเลย รับรอบแรกก่อนแล้วย้อนกลับมาให้น้องนวดเข่า แล้วกลับไปรับน้ำมนต์อีกรอบ สบายใจ

พอล่ะนะ ยาวเกินไปแล้ว ถ้านึกอะไรออกค่อยมาเติมเพิ่มอีกทีละกัน เลิฟ เลิฟ ❤

ประสบการณ์วิ่งงานเขาชะโงกซูเปอร์ฮาล์ฟมาราธอน ๒๕๖๑

เขาชะโงก ซูเปอร์ฮาล์ฟ มาราธอน ๒๕๖๑

วันอาทิตย์ที่ ๔ พฤศจิกายนที่ผ่านมาไปวิ่งงานเขาชะโงกซูเปอร์ฮาล์ฟมาราธอนมาครับ งานนี้จัดที่โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า (นายร้อยจ.ป.ร.) ที่เขาชะโงก นครนายก

งานนี้เป็นงานอินดี้มาก เริ่มตั้งแต่ระยะทาง มี ๑๐ ๑๖ และ ๓๒ กิโลเมตร นอกจากระยะแรกแล้ว ระยะที่เหลือจะฮาล์ฟก็ไม่ฮาล์ฟ จะฟูลก็ไม่ฟูล ก้ำกึ่งมันหยั่งงี้แหละ ต่อมาก็คือ วิธีการสมัคร งานอื่นเขาสมัครผ่านเว็บบ้าง สมัครตามสถานที่ที่กำหนดบ้าง งานนี้สมัครทาง inbox ของ facebook 5555 เอากับเขาดิ (จริง ๆ ก็มีให้สมัครตามสถานที่นะ แต่ถ้าช่วงแรกสมัครทาง inbox อย่างเดียว) แล้วในเพจไม่มีอะไรบอกทั้งนั้น ต้องไล่อ่านเอา คลำทางเอาเอง ประมาณว่าถ้าอยากมาพี่ต้องพยายาม 5555

จุดเด่นของงานนี้ที่น่าจะเป็นที่สุด ยังไม่เห็นที่งานไหน (ถ้ามีก็ขออภัย ฝากแจ้งมาด้วยนะครับ) คือ เป็นงานเดียวที่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พระราชทานถ้วยรางวัลและมาพระราชทานถ้วยรางวัลด้วยพระองค์เอง และได้มีการอัญเชิญพระบรมฉายาลักษณ์ของท่านไว้ที่เหรียญที่มอบให้กับนักวิ่งที่เข้าเส้นชัยทุกคน และที่เสื้อนักวิ่งยังมีภาพลายเส้นฝีพระหัตถ์ นอกจากนี้ นักวิ่งยังสามารถเฝ้ารับเสด็จพระองค์ได้อย่างใกล้ชิดอีกด้วย

เขาชะโงก ซูเปอร์ฮาล์ฟ มาราธอน ๒๕๖๑

ในขณะที่เส้นทางวิ่งระยะ ๓๒ กิโลเมตรของงานนี้ก็ขึ้นชื่อเลื่องลือกันมากว่า หากผ่านเนินที่งานนาวิกฯ มาแล้ว ก็สมควรมาลองเนินเขาชะโงกดูบ้าง

ด้วยเหตุผลหลายประการที่ว่ามา ทำให้มีนักวิ่งมาเข้าร่วมงานนี้กว่า ๑๕,๐๐๐ คน มากที่สุดตั้งแต่ที่เคยจัดมา แม้จะจัดชนกันกับงานบางแสน ๔๒ ซึ่งเป็นงานใหญ่ระดับประเทศอีกงานนึงก็ตาม

จากที่ได้ไปวิ่งมา ขอคอนเฟิร์มว่า เส้นทางวิ่งของงานนี้ดีจริง ปล่อยตัวมาได้สองกิโลฯ ก็เจอเนินแรก เนินชัน ๆ ยาว ๆ พอขึ้นสุดขาลงก็ลงกันยาว ๆ ติดเบรคกันน่าดู แต่เนินแรกนี่ยังไม่เท่าเนินสอง ตรงก่อนถึงจุดให้น้ำกิโลฯ ที่ ๑๔ เป็นช่วงวิ่งขึ้นเขาฝาละมี (ในแผนที่ชื่อนี้จริง ๆ ไม่ได้ตั้งเอง) จุดนี้แรงดึงดูดเป็นศัตรูกับเรามาก ออกแรงมากแต่ทำไมตัวมันเหมือนไม่ไปข้างหน้าเลยวะ? พอพ้นเนินก็ถึงจุดให้น้ำพอดี ขอบคุณพี่ ๆ มาก (ดูกราฟความชันได้จากภาพประกอบนะครับ)

เขาชะโงก ซูเปอร์ฮาล์ฟ มาราธอน ๒๕๖๑

พูดถึงจุดให้น้ำ นี่เป็นอีกเรื่องที่ต้องชมเพราะมีอยู่ตลอดทาง ไม่ขาด หลายจุดมีแตงโมให้บริการด้วย

การปิดถนนของงานนี้ ยิ่งกว่า ๑๐๐% อีก ปีอื่นเป็นแบบนี้หรือเปล่าไม่รู้ แต่ปีนี้อาจจะเป็นเพราะมีเจ้านายมาร่วมวิ่งด้วย เลยมีอาสาสมัคร เจ้าหน้าที่มูลนิธิ ตำรวจ นักเรียนนายร้อย ยืนคุมตลอดเส้นทาง ยืนคุมหน้าบ้านทุกบ้านเลย ปลอดภัยแน่นอน

งานนี้เนื่องจากผู้จัดไม่ใช่บริษัทมืออาชีพ หลายอย่างในงานก็อาจจะไม่ครบถ้วนหรือตกหล่นไปบ้าง ก็อยู่ที่ว่าใครจะซีเรียสกับเรื่องไหน เช่น งานนี้ไม่มีชิปจับเวลานะครับ นักวิ่งต้องจับเวลาเอาเอง จะใช้นาฬิกาหรือโทรศัพท์มือถือก็ตามสะดวก pacer ก็ไม่มีนะครับ อยากจบเวลาเท่าไหร่นักวิ่งคุมเพซเอาเอง ต้องกระตุ้นตัวเอง

ใครที่อยากมีภาพเยอะ ๆ วิวสวย ๆ งานนี้อาจผิดหวัง เพราะช่างภาพส่วนมากมาตั้งกล้องรออยู่ในบริเวณโรงเรียนนายร้อยที่กิโลฯ ๒๗ – ๒๘ (ของระยะ ๓๒ โล) ไปแล้ว ทำให้วิวถ่ายกับภูเขา ท้องนา พวกนี้ไม่น่าจะมี ยกเว้นจะถ่ายกันเอง

อีกเรื่องคือ อาหารหลังงานเหมือนจะมีน้อยไปหน่อย นักวิ่งระยะ ๓๒ โลเข้าเส้นชัยมาก็แทบไม่เหลืออะไรแล้ว

อย่างที่บอกข้างต้นว่า เรื่องพวกนี้อยู่ที่ว่าใครจะซีเรียสกับเรื่องอะไร ถ้าดูแล้วว่าประเด็นพวกนี้เราไม่ซีเรียส ก็ถือเป็นงานที่อยากแนะนำให้มาวิ่งกันครับ

คำแนะนำสำหรับคนที่จะมาก็คือ ซ้อมให้ถึง ถ้าเป็นไปได้ก็ซ้อมเนินมาด้วยครับ จะดีมาก

เขาชะโงก ซูเปอร์ฮาล์ฟ มาราธอน ๒๕๖๑

คำแนะนำนี้ได้มาด้วยประสบการณ์ตรงของผมเอง ก่อนมางานนี้ก็ซ้อมลองรันระยะนี้มาแล้วมั่นใจว่าเอาอยู่แน่นอน แต่ไม่ได้ซ้อมเนินมาเลย เพราะไม่รู้จะไปซ้อมที่ไหน

ตอนวิ่งจริงเวลาถือว่าใช้ได้ (สำหรับตัวเอง) ๒๔ โลแรกเพซเฉลี่ยอยู่ที่หกต้น ๆ แต่พอขึ้นเนินสุดท้ายช่วงปลายโล ๒๔ เกิดเจ็บเข่าขวาแปล๊บบบบบขึ้นมาอยู่ก่อนถึงจุดให้น้ำนิดเดียว ถามถึงสเปรย์ที่จุดให้น้ำ ไม่มี ชี้ไปที่จุดแพทย์พยาบาลที่อยู่ถัดไปอีกนิด ค่อย ๆ เดินไปปรากฏว่า สเปรย์หมด ได้ครีมมาแทน เอาก็เอาวะ ทาครีมแล้วนวดต่ออาการเหมือนจะดีขึ้น ลองจ็อกเบา ๆ ก็ไม่ไหว อาการแปล๊บมาทุกครั้งที่ลงเท้าขวา

เหลืออีกเจ็ดโลจะถึงเส้นชัย เอาไงดี กูมาขนาดนี้แล้ว ไม่ DNF แน่นอน เดินเอาก็ได้วะ ช่วงแรก ๆ ที่เดินปวดใจมากที่เห็นเพื่อนนักวิ่งแซงเราไปทีละคน ทีละคน แต่แค่แป๊บเดียวก็เปลี่ยนมาโฟกัสกับการเดินของตัวเอง

เดิน ๆ อยู่เหมือนอาการจะดีขึ้น ลองจ็อกดูก็ไม่ไหว ต้องเดินต่อ แม่งเริ่มสายแล้วด้วย แดดก็แรง ไปเร็วก็ไม่ได้ เดินจนมาเข้าประตูโรงเรียนนายร้อย โอ้โห รถติดกันยาววววว นักวิ่งที่เข้าเส้นชัยแล้วเริ่มทยอยกลับ เราก็เดินเขยก ๆ ไป เพื่อนนักวิ่งก็แซงไป หลายคนให้กำลังใจ บอกอีกนิดเดียว (มีหลายคนที่ผมขอบคุณไม่ทัน ขออนุญาตขอบคุณไว้ตรงนี้นะครับ) แล้วพวกช่างภาพก็มาอยู่กันแต่ตรงนี้นะ ตอนกูวิ่งดี ๆ นี่ไม่มีเลย พอกูเดี้ยงล่ะมีเพียบ

เดินต่อมาจนเข้าเส้นชัย ดูเวลาแล้วก็เสียดาย ถ้าไม่เดี้ยงคงสนุกกว่านี้ แต่ถ้ามองในแง่ดี นี่เป็นเจ็ดกิโลฯ ที่ได้อยู่กับตัวเองล้วน ๆ โฟกัสอยู่กับการเดินทีละก้าว ไม่ได้คิดถึงอะไรอย่างอื่นเลย ไม่มีความรู้สึกท้อ ไม่ได้เร่งอยากจะให้ถึงเร็ว ๆ แปลกดี

ถ้าให้สรุปประสบการณ์ครั้งนี้ น่าจะเป็น “เหมือนจะชนะแต่แพ้ เหมือนจะแพ้แต่ชนะ”

เจอกันงานหน้าครับ… ❤

เขาชะโงก ซูเปอร์ฮาล์ฟ มาราธอน ๒๕๖๑