ประสบการณ์วิ่งงาน Bangkok Midnight Marathon 2019

Bangkok Midnight Marathon 2019 medal

มาครับ ร่างฟื้นแล้ว ทั้งกายหยาบกายละเอียด เขียน race note งาน Bangkok Midnight Marathon 2019 เสร็จแล้วครับ

งานนี้ทีแรกไม่ได้ตั้งใจจะลง เพราะไปทางเทรลแล้ว แต่มาเปลี่ยนใจเพราะจะใช้งานนี้เป็นการซ้อม long run เนื่องจากซ้อมเองแม่งซ้อมไม่ได้ (อ่านแล้วอย่าเพิ่งหมั่นไส้ ถุย!! ลงงานฟูลเพื่อซ้อม อะไรงี้)

ทำใจล่วงหน้าไว้เลยว่าวิ่งได้แค่ไหนก็แค่นั้น (เพราะซ้อมไกลที่สุดแค่สิบโลเอง อันนี้ไม่ดี ไม่ควรทำเป็นอย่างยิ่ง) แล้วก็ดูสภาพตัวเอง ไม่ฝืน ต้องไม่เจ็บ จะ dnf ก็ช่างมัน ซึ่งพอคิดแบบนี้แล้วแม่งไม่เครียดเว้ย สบาย ๆ ไม่กดดัน

อีกอย่างที่ทำให้พร้อมจะ dnf ก็คือ แพลนไว้ว่าวันเสาร์จะนอนกลางวันเพื่อออมแรงเอาไว้ แต่ปรากฎว่ามีงานเข้า ต้องออกไปสัมภาษณ์คุณลูกค้าช่วงบ่าย เสร็จเย็น กลับถึงบ้านค่ำ กินข้าว อาบน้ำนอนได้ไม่ถึงสองชั่วโมงก็ต้องตื่นขึ้นมาเตรียมตัวแล้ว

ภารกิจแฝงอีกประการของงานนี้คือ จะเอา apple watch ไปทดสอบว่า แบตจะอยู่ได้กี่ชั่วโมง จะอยู่จนจบฟูลได้มั้ย? สงสัยเรื่องนี้มาตั้งแต่ตอนที่ซื้อ แล้วก็เห็นคนโพสต์ถามในกลุ่มวิ่งเรื่อย ๆ ทีนี้คนมาตอบก็พวกขาแรงไง จบฟูลสี่ชั่วโมงงี้ พวกนักวิ่งกาก ๆ นักวิ่งแนวหลังอย่างเราก็อยากรู้ว่าเวลาแบบเรานี่แบตจะอยู่ถึงมั้ยวะ

เรื่องนี้เคยเอาไปลองที่งานจอมบึงเมื่อตอนต้นปีมาแล้วครั้งนึง แต่ตอนนั้นดันเฟอะฟะ ไม่ได้ล็อกทัชสกรีนเอาไว้ พอยกแขนขึ้นปาดเหงื่อก็ไปโดนหน้าจออิท่าไหนกลายเป็น pause ไปเลย หลังจากนั้นก็ยังไม่ได้ลงงานฟูลอีกจนงานนี้นี่แหละ

งานนี้สตาร์ตตอน ๐๐.๕๙ น. วันอาทิตย์ (พูดง่าย ๆ คือ เกือบตีหนึ่งของคืนวันเสาร์ นี่ถ้ามึน ๆ ได้มีออกมาวิ่งผิดวันกันมั่งล่ะ) เส้นทางวิ่งของระยะฟูลน่าสนใจมาก ส่วนตัวยกให้เป็นเส้นทางวิ่งฟูลในกรุงเทพฯ ที่ดีเป็นอันดับสอง รองจาก Amazing Thailand Marathon นะ

เริ่มจากจุดสตาร์ตที่บริเวณหอกลอง ถนนสนามไชย วิ่งเลียบข้างวัดพระแก้ว ผ่านกระทรวงกลาโหม ศาลหลักเมือง ศาลฎีกา เลี้ยวขวาเข้าถนนราชดำเนินกลางมาถึงอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย (อ้อ ตอนที่ผ่านบริเวณกองสลากเก่าได้ยินเสียงเพลงลอยมาจากถนนข้าวสารยังคิดในใจว่า ชาวบ้านแถวนี้เขาอยู่กันยังไงวะเนี่ย เสียงขนาดนี้)

มาถึงสะพานผ่านฟ้าเลี้ยวซ้ายเข้าถนนราชดำเนินนอกผ่านหน้ากระทรวงเกษตรฯ เลี้ยวซ้ายวิ่งขึ้นสะพานพระราม ๘ แล้ววิ่งยาวอยู่บนทางคู่ขนานลอยฟ้าบรมราชชนนีจนถึงจุดกลับตัว (กิโลเมตรที่ ๑๘) วิ่งย้อนกลับทางเดิมจนลงสะพาน เลี้ยวซ้ายไปพระบรมรูปทรงม้า เลี้ยวขวาผ่านวัดเบญฯ เลี้ยวซ้ายวิ่งไปถึงแยกสุโขทัยแล้วเลี้ยวขวาวิ่งรอบสวนจิตรฯ

กลับมาพระบรมรูปทรงม้าเลี้ยวซ้ายวิ่งผ่านสนามมวยราชดำเนิน ตรงมาผ่านฟ้า มองเห็นภูเขาทองอยู่ตรงหน้า ข้ามมาโลหะปราสาท มาถึงอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เลี้ยวซ้ายตรงไปเข้าเส้นชัยที่ห้นาศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร โดยที่มีเสาชิงช้าตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่ใกล้ ๆ

จริง ๆ เส้นทางที่เล่ามานี่มีแผนที่ให้ดูนะ แต่ที่ให้อ่านมายืดยาวนี่เพื่อให้เห็นภาพว่าผ่านแลนด์มาร์กอะไรบ้าง ถามว่าตลอดเวลาที่วิ่งอยู่น่ะ ได้ชื่นชมความงามอะไรมั้ย? ไม่เลย เพราะแม่งเหนื่อย 5555

ถึงเวลาสตาร์ต ปล่อยตัวเหล่าอิลิตออกไปก่อน แล้วอีกห้านาทีถึงปล่อยตัวนักวิ่งทั่วไป (ผู้จัดงานคงกลัวนักวิ่งไปเกะกะอิลิตจนทำเวลาได้ไม่ดี) งานนี้มีคัตออฟแรกที่โล ๓๔ คำนวณแล้วต้องวิ่งไม่เกินเพซ ๘.๓๐ คัตออฟสองที่โล ๓๙ ต้องไม่เกินเพซ ๘ หลังจากนั้นคัตออฟที่เส้นชัย ตัดที่เวลารวมหกชั่วโมง ก็พยายามวิ่งคุมเพซตามแผนที่วางไว้ คือ ไม่เกินเพซ ๗ กะว่าตุนเวลาเก็บเอาไว้หน่อย ถ้าช่วงท้ายแรงหมดหรือมีเหตุต้องผ่อนต้องเดินก็ยังไม่ต้องลุ้นมาก

วิ่งระวังตัวมาจนถึงสิบโลนิด ๆ ยังรู้สึกดี อาการเจ็บเข่าที่เจอมาตลอดสี่งานหลังสุดยังไม่มีอาการเลย มาถึงจุดกลับตัวโลที่ ๑๘ วิ่งวนกลับมาเจอ pacer ห้าชั่วโมงวิ่งตามมาถึงเพิ่งรู้สึกตัว เฮ้ย ถ้าวิ่งได้ประมาณนี้ไปเรื่อย ๆ จนจบนี่ได้ sub 5 nicely เลยนะมึง ทีนี้ก็ตั้งเป้าเลย จะเอา sub 5 กลับไปฝากท่านประธานพดด้วงที่นอนยิ้มอยู่ในหลุมซะหน่อย

ถึงโลที่ ๒๐ เติมเจลครั้งแรกตามที่วางแผนไว้ ไม่อยากชนกำแพงหมดสภาพเหมือนที่นักวิ่งหลายคนเคยเจอ แม่งเป็นไงก็ไม่รู้ แต่ขออย่าเจอเป็นดีที่สุด มาถึงโลที่ ๒๒ เริ่มมีอาการขาตึง ๆ เลยหยุดพักเหยียดน่องนิดนึง ดูเวลาแล้วยังสบาย ๆ

พอมาถึงโล ๒๖ – ๒๗ แม่งเริ่มไม่สบายแล้ว ต้องแวะหยุดยืดเหยียดทุกจุดให้น้ำ จนถึงโลที่ ๓๐ อยู่บนทางคู่ขนานลอยฟ้าหน้าห้างพาต้าเติมเจลครั้งที่สอง ดูเวลา เริ่มช้าลงแต่ยังทัน sub 5 และมั่นใจว่าวันนี้กูจบแน่ ๆ เหลืออีกแค่ ๑๒ โล จากจุดนี้เดินไปจนถึงเส้นชัยยังทันเลย ขอแค่อย่าเจ็บ อย่าชนกำแพงเท่านั้นเอง

วิ่งมาถึงสะพานพระราม ๘ ขาลง โอ้โห ผลจากการฝึกดาวน์ฮิลมาแม่งช่วยได้จริงว่ะ มั่นใจขึ้นมาก ดาวน์ฮิลลงสะพานมาสวย ๆ เลย แล้วเลี้ยวซ้ายไปเข้าจุด check point แรกโลที่ ๓๔ ตรงบริเวณอนุสาวรีย์พระบรมรูปทรงม้า ดูเวลาแล้ว กำลังใจมา

แต่ก็นั่นแหละครับพี่น้องครับ ชีวิตนี้ถ้าอะไรมันเป็นอย่างที่คิดเสมอไป Murphy’s Law แม่งก็คงไม่โด่งดังทั่วโลกมาจนถึงทุกวันนี้นะครับ จากที่กลัวว่าจะเจ็บ จะชนกำแพง ไม่เลยครับ วิ่งมาถึงโลที่ ๓๖ เจอตะคริวครับ วิ่งมาหลายปี ไม่เคยเป็นตะคริว มาเป็นเอาวันที่จะทำเวลาไปฝากพดด้วงนี่แหละ จังหวะที่มานี่วางเท้าซ้ายลงไปจี๊ดมาที่น่องซ้ายเลย ตัวนี่เกือบทรุด ยังดีที่นักวิ่งที่ตามมาเขาหยุดทัน

จากที่คิดว่ายังมีลุ้น sub 5 พอตะคริวมานี่เกมเปลี่ยนเลย ดีที่ตุนเวลาเอาไว้เยอะ คำนวณใหม่เหลืออยู่หกโล เดินไป check point สอง ที่โล ๓๙ ก็ยังทัน จากนั้นถ้าต้องเดินเข้าเส้นชัยก็ยังได้อยู่ ก็เลยอุ่นใจหน่อย ก็เดินสลับวิ่งมาเรื่อย ๆ วิ่ง ๆ ไปพอตะคริวจะมาก็หยุดเดิน เดินไปสักพักอาการดีขึ้นก็วิ่งต่อ มาอย่างนี้จนถึงสะพานผ่านฟ้า ข้ามถนนมาหน้าโลหะปราสาท โอ้โห ช่างภาพเรียงกันเป็นตับ ยิงกันรัว ๆ ไม่ได้ จะมีรูปกูเดินหมดสภาพไม่ได้ กัดฟันวิ่งเหยาะมาตลอดทาง กะว่าพอช่างภาพซาแล้วค่อยเดิน ที่ไหนได้ แม่งนั่งเรียงกันยาวไปจนเข้าเส้นชัยโน่น ดีที่ไม่หมดสภาพไปซะก่อน

Bangkok Midnight Marathon 2019 route

งาน Bangkok Midnight Marathon 2019 มีทั้งข้อดีและข้อไม่ดี แต่ถ้าอ่านจากใน fb นึกว่าไปกันคนละงาน เพราะนักวิ่งถล่มกันยับ!! แต่หลายเรื่องตัวเองไม่โดน หลายเรื่องเจอแต่ไม่ได้รู้สึกว่าเป็นเรื่องใหญ่อะไร และบางเรื่องที่เจอแม่งไม่ดีจริง ๆ ก็มี

งานนี้สิ่งที่พอใจมากนอกเหนือจากการเข้าเส้นชัยได้ทันเวลาก็คือ ไม่เจ็บเข่าเลย แสดงว่าการบอดี้เวตที่ผ่านมาแม่งได้ผลเว้ย รวมถึงการซ้อมดาวน์ฮิลก็ได้ผลอีกเหมือนกัน นี่ค่อยเป็นกำลังใจให้ขยันซ้อมได้หน่อย

สุดท้าย สำหรับภารกิจทดสอบ apple watch series 3 ในที่สุดก็หายคาใจซะทีว่า ใส่ apple watch วิ่งฟูลได้มั้ย?

สรุปว่า ได้ครับ ตอนออกสตาร์ตมีแบตอยู่ ๙๔% เปิดโนติฯ ตามปกติทุกอย่าง แต่ไม่ได้ฟังเพลงระหว่างวิ่งนะ วิ่งเสร็จห้าชั่วโมงกว่าแบตเหลืออยู่ ๕๔% ตามภาพ เพราะฉะนั้นใครที่สนใจ apple watch แต่ยังลังเล ก็สบายใจได้เลย แบตอยู่ถึงแน่นอน และถ้าอยากได้ข้อมูลเพิ่มเติมเรื่องอะไร เดี๋ยวมารีวิวกันอีกที

สวัสดีครับ… ❤

Apple Watch battery after running a marathon

ลองรัน ๒๑ โลเทียบ garmin 235 & apple watch watchOS 5

เมื่อวานไปซ้อมวิ่งลองรัน ตั้งใจจะวิ่ง ๓๒ โล หลังจากอาทิตย์ที่แล้วร่างกายทรุดโทรมจากการนอนดึก (จริง ๆ นอนตีสี่ครึ่ง เพราะปิดต้นฉบับให้ลูกค้า) และซ้อมน้อย ก็เลยพักการซ้อมวิ่งยาวไป

อีกอย่างที่ตั้งใจก็คือ เอา apple watch ไปทดสอบวิ่งยาวครั้งแรกหลังจากที่อัปเดตเป็น watchOS 5 แล้วมีค่า cadence เพิ่มมาให้ด้วย การทดสอบก็เหมือนเดิม ใส่ garmin ข้างซ้าย ใส่ apple watch ข้างขวา

สรุปผลการวิ่ง ล้มเหลวไม่เป็นท่า ระยะไม่ได้ เพราะจบแค่ ๒๑ โล จิตใจอ่อนแอ ท้อแท้ ท้อถอย ไม่มีข้ออ้าง ไม่ต้องโทษใคร โทษตัวเองแม่มนี่แหละ อีกอย่างที่ล้มเหลวคือ เพซก็ไม่ได้ ความที่ตั้งใจจะวิ่ง ๓๒ โล ก็เลยคุมเพซแบบไม่เร่งเหมือนตอนวิ่งฮาล์ฟ กะให้แรงมีไปถึง ๓๒ พอหยุดที่ ๒๑ เลยกลายเป็นว่าเพซแย่กว่าตอนฮาล์ฟนาวิกฯ เยอะ

ส่วนผลการทดสอบ apple watch เทียบกับ garmin ได้ค่าตามรูป ที่น่าสนใจและไม่อยู่ในรูปคือ ใช้แบตฯ ไป ๒๐% ถ้วน (จาก ๑๐๐ เหลือ ๘๐%) โดยที่เปิดทุกอย่างตามปกติ โนติก็เปิด เพราะโทรศัพท์ก็ติดตัวไปด้วย แต่ไม่ได้เปิดเพลงนะ ถ้าอัตราการใช้แบตฯ คงที่ประมาณนี้ก็มีความหวังว่าจะไปฟูลจนจบได้ โดยที่แบตฯ ไม่หมดไปก่อน (ส่วน garmin นั่นไม่ต้องห่วง แบตฯ อยู่ได้สบายอยู่แล้ว)

หมายเหตุ ทำไม cadence ต่างกันเยอะจังวะ…

ทดสอบ gps Garmin FR235 และ Apple Watch ที่สวนรถไฟ ภาค ๒

จากที่วันเสาร์ที่แล้วได้ไปทดสอบ gps ของ apple watch series 3 และ garmin fr 235 ที่สวนรถไฟ โดยสวม garmin ที่ข้างซ้าย (ข้างที่ถนัด) และ apple watch ที่ข้างขวา ผลที่ได้คือ garmin ได้ระยะ ๒๑.๐๓ โล apple watch ได้ ๒๑.๖๐ โล (อ่านความเดิมตอนที่แล้วได้ที่นี่ครับ https://buak.net/2018/08/12/gps-test-garmin-fr235-apple-watch-series-3/ )

มีเพื่อนสมาชิกได้แนะนำว่า การวิ่งวนซ้าย นาฬิกาที่มือซ้ายจะได้ระยะน้อยกว่ามือขวา เพราะฉะนั้นผลที่ได้ก็ปกติ แต่ด้วยความซนของผมที่อยากรู้อยากเห็น (แต่ไม่สอดรู้สอดเห็นนะฮะ 😆) ก็เลยไปทดสอบกันอีกครั้งเช้าวันเสาร์ที่ผ่านมา (๑๘ สิงหาคม ๒๕๖๑)

วิ่งที่สวนรถไฟเหมือนเดิม เส้นทางเดิม แวะเข้าห้องน้ำตรงจงอยปลายติ่งที่เดิม หยุดซื้อน้ำเกลือแร่ที่ซุ้มน้ำเหมือนเดิม เรียกว่าพยายามคุมปัจจัยให้ใกล้เคียงครั้งที่แล้วทุกอย่าง ที่แตกต่างคือ เปลี่ยนมาใส่ apple watch ที่ข้างซ้ายและย้าย garmin ไปข้างขวา

ผลที่ได้คือ ที่จำนวนรอบเท่ากับครั้งที่แล้ว apple watch ได้ระยะ ๒๐.๙๖ โล ส่วน garmin ได้ ๒๐.๙๕ โล (ซึ่งไม่ตรงตามทฤษฎี) และเมื่อวิ่งต่อให้ครบระยะที่ตั้งใจวิ่งครั้งนี้คือเก้ารอบสวนรถไฟ ได้ผลตามรูปครับ

รูปบนมาจาก apple watch ได้ระยะ ๒๓.๔๘ โล ส่วนรูปล่างของ garmin ได้ ๒๓.๕๖ โล ตรงตามทฤษฎีที่เพื่อนสมาชิกแนะนำมา แต่ถ้าเทียบกับข้อมูลของครั้งที่แล้วจะพบว่า ส่วนต่างของระยะทางที่ได้ทั้งสองครั้งต่างกันอยู่พอสมควรครับ

สวนรถไฟ ๑๘ สิงหาคม ๒๕๖๑

สวนรถไฟ ๑๘ สิงหาคม ๒๕๖๑

ป.ล. ๑ ผมไม่ได้ซีเรียสเรื่องความแม่นยำของระยะทาง แค่ลองดูเพราะอยากรู้เฉย ๆ

ป.ล. ๒ การวิ่งเช้านี้ apple watch เริ่มต้นมีแบต ๙๖% วิ่งเสร็จเหลือแบต ๗๑% ครับ (ครั้งที่แล้วมีเพื่อนสมาชิกสอบถามมาครับ)

ป.ล. ๓ ดูรูปเส้นทางวิ่งแล้วโปรดอย่าคิดลึก เส้นทางวิ่งที่สวนรถไฟเป็นแบบนี้เองนะครับ 😊

ทดสอบ gps Garmin FR235 และ Apple Watch ที่สวนรถไฟ

ด้วยความอยากรู้ว่า apple watch กับ garmin fr 235 จับระยะ gps ใกล้เคียงหรือต่างกันแค่ไหน วันก่อนลองระยะสั้น ๆ ในหมู่บ้านไปแล้ว เมื่อวานก็เลยลองระยะฮาล์ฟแล้วเปลี่ยนสถานที่ด้วย

การทดสอบคือ ใส่ garmin ข้างซ้าย (ข้างที่ถนัด) ใส่ apple watch ที่ข้างขวา ผลที่ได้ก็ตามรูป garmin รูปแรกได้ระยะ ๒๑.๐๓ โล apple watch รูปล่าง ได้ ๒๑.๖๐ โล

สวนรถไฟ 11 สิงหาคม 2561 Garmin FR235

สวนรถไฟ 11 สิงหาคม 2561 Apple Watch

ไม่รู้เหมือนกันว่าเรือนไหนตรงกว่า เพราะไม่รู้ระยะแน่ ๆ เหมือนกัน ถ้าจะให้ดี รบกวนผู้มีเมตตาซื้อ Suunto ให้อีกซักเรือนเพื่อเอามาเปรียบเทียบนะฮะ… 😆

หมายเหตุ ดูรูปเส้นทางวิ่งแล้วโปรดอย่าคิดลึก เส้นทางวิ่งที่สวนรถไฟเป็นแบบนี้เองนะครับ