ซ้อมที่เขาตีนไก่ในวันแรงงาน

วันนี้ไปซ้อมที่เขาตีนไก่ ระยะทางไม่ได้เยอะอะไร เกนก็นิดเดียว เพซยิ่งไปกันใหญ่ แต่ที่ประทับใจคือตอนที่วิ่งเส้นน้ำตกสลัดไดมีน้องหมาคู่นึงวิ่งไปวิ่งกลับด้วยจนสุดทาง

เรื่องมันเริ่มจากตอนที่เราลงมาจากผานางดำ ผ่านมาถึงบริเวณหน้าสถานีเพาะกล้าไม้มีน้องหมาตัวผู้สีเทาวิ่งมาจากไหนไม่รู้แล้ววิ่งคู่ไปกับเรา ตัวนี้ดูทรงดีเลย (อันนี้ไม่ใช่คำราชาศัพท์นะฮะ 😊) มีกล้ามเนื้อพอประมาณ เป็นหมาหนุ่มกำลังฟิต

ไปได้อีกประมาณร้อยเมตร เจออีกตัวเป็นตัวเมียยืนจังก้าอยู่กลางถนน (กลางถนนจริง ๆ) แต่กระดิกหางแกว่งซ้ายขวาดูท่าแล้วน่าจะมาดี พอเราเข้าไปใกล้ก็พุ่งมาเลย กระโดดเข้าหา มีงับต้นขา งับมือ งับแบบงับกิ๊บ ๆ งับเบา ๆ ไม่ให้เราเจ็บอ่ะ ใครเคยเลี้ยงหมาหรือเคยเล่นกับหมาน่าจะพอนึกออก

พอเราเดินต่อน้องก็ตามมาทั้งสองตัวโดยที่เราไม่ได้เรียก อันนี้ต้องบอกก่อน ปกติไปที่ไหนเวลาเจอหมาเราจะไม่เรียกให้ตามมา เพราะ หนึ่ง กลัวแม่งหลง วิ่งไปกับเราแล้วกลับบ้านไม่ถูก สอง กลัวไปเจอเจ้าถิ่นข้างหน้า เดี๋ยวจะโดนเล่นงานเอา ด้วยเหตุนี้ นอกจากจะไม่เรียกให้วิ่งตามแล้ว เรายังไล่ไม่ให้ตามมาด้วย

พอเราเริ่มอัปฮิลน้องทั้งสองตัวก็วิ่งออกนำหน้าไป แม่งอัปฮิลสบาย ๆ เลย เห็นแล้วอิจฉาหมา พอไปข้างหน้าได้ซักหน่อยมีหยุดรอให้เราเดินตามทัน บางจังหวะมีหันมามอง ประมาณว่า ทำไมพวกพี่ช้ากันจังวะ?

ที่แสบคือบางช่วงที่ชันมาก น้องแม่งคงรอนาน พอเราไปถึงแม่งนอนรอเลย นี่ยังดีที่มันไม่ส่งสายตาหยามเหยียดมาด้วย

ตลอดทางน้องตัวผู้จะมีแวะฉี่ข้างทางซ้ายขวาเป็นระยะ เพื่อเอาไว้เป็น GPS navigation จะได้ดมหาทางกลับได้ถูก ตอนแรกพี่ก็ว่าจะเลียนแบบมันมั่งนะ แต่นึกขึ้นได้ว่าจมูกพี่แยกกลิ่นฉี่ไม่ออก เดี๋ยวดมไปดมมา ไปตามกลิ่นฉี่คนอื่นหลงทางจะยุ่งตายห่ะ 5555

ตอนแรกนึกว่าคงวิ่งตามไปแป๊บเดียว พอไปสักหน่อยแล้วก็คงจะกลับ แต่ไม่ใช่ ทั้งสองตัวไปกับเราจนถึงน้ำตกสลัดได โดยที่ระหว่างทางมีวิ่งออกไปไล่จิ้งเหลนกิ้งก่าตามข้างทางเป็นระยะ พอขากลับก็กลับออกมาพร้อมกับเรา ลงมาจนถึงจุดที่เจอกันตอนแรก รวมระยะทางไปกลับร่วมห้าโล โดยที่ทั้งสองตัวไม่มีท่าทางจะเหนื่อยสักนิดเดียว ส่วนพี่นั้น

หอบเป็นหมาเลย… 5555

Camper van สักคันดีมั้ย?

นั่งดูคลิปแนว vanlife กับ camper van ทั้งของไทยของฝรั่งแล้วก็ชวนให้เคลิ้ม

เออนะ ถ้าเรามีอย่างนี้ซักคันเวลาไปวิ่งตามงานต่างจังหวัดก็ไม่ต้องเสียค่าที่พักค่าโรงแรม ประหยัดเงินได้ทริปนึงสองสามพันเลยนะ

ว่าแล้วก็ลองคำนวณ ซื้อรถตู้มือสองคันนึง เอามาแต่งข้างในให้พร้อมใช้งาน เก็บของได้ นอนได้ ต่ำ ๆ ก็น่าจะซักห้าแสน (มั้ง?)

เอามาใช้ตอนไปงานวิ่งต่างจังหวัด ปีนึงไปเต็มที่เลยสิบวัน เดิมจ่ายค่าโรงแรมคิดกลม ๆ ว่าคืนละพัน ปีนึงก็หมื่นนึง

นี่แปลว่ากุต้องใช้รถตู้ที่ว่านี่ไปห้าสิบปีเลยเหรอกว่าจะคุ้มทุนเนี่ย 😳

เออ นอนโรงแรมเหมือนเดิมก็ได้วะ…

ประสบการณ์งานวิ่ง CM6 2022 ระยะ CM5 – คนคำนวนมิสู้ฟ้าลิขิต ถ้าตัดสินใจผิดงานนี้ยาว

ห่างหายไปนานกับการเขียนบันทึกงานวิ่งนะฮะ ตอนที่จบ PET 50K ไม่ได้เขียน จบโป่งร้อยก็ไม่ได้เขียน ปีนี้ไปไต่เขาแหลมตะนาวศรีมาก็ไม่ได้เขียน พอมางานนี้ไม่จบ เสือกเขียน!!! อะไรของมึงเนี่ย 5555

มาครับ

ก่อนวันแข่งหนึ่งวันมารับบิบที่ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติเชียงใหม่ สถานที่จัดงาน CM6 ปีนี้ ใช้เวลาไม่นาน เสร็จแล้วเดินดูของตามบูธต่าง ๆ นิดนึง แล้วกลับโรงแรมไปรอเช็กอิน

เช็กอินเรียบร้อย จัดข้าวของ เป้น้ำ ถุงดรอปแบ็ก ออกไปกินข้าวมื้อเย็นแล้วต่อไปดูปล่อยตัวเหล่าทวยเทพ CM6 ยังไม่ทันปล่อยตัวเลย มองขึ้นไปทางดอยสุเทพเห็นฝนเริ่มมาแล้ว พิธีกรประกาศออกไมก์ว่า มณฑาธารฝนตกแล้ว

คิดในใจว่า ชิบหายล่ะ สภาพกูตอนนี้โอกาสจบน่าจะ ๖๐ / ๔๐ แต่ถ้าฝนตกนี่แทบจะเหลือศูนย์ ได้แต่ปลอบใจตัวเองว่าที่ผ่านมาก็แคล้วคลาดไม่โดนฝนมาตลอดทุกงาน CM3 เมื่อสามปีที่แล้วก็รอด ตะนาวศรีปีนี้ที่พยากรณ์อากาศทุกสำนักฟันธงว่าฝนมาแน่นอน แม่งก็รอด งานนี้ก็ต้องรอดสิวะ

กลับถึงโรงแรมได้สักพักฝนตกครับพี่น้อง ตกยาวต่อเนื่องทั้งคืน ตื่นมาเข้าห้องน้ำตอนตีสองเปิดผ้าม่านดูฝนยังตกอยู่เลย แล้วกูสตาร์ตหกโมงจะหยุดหรือยัง

ตีห้ากว่าฝนหยุดไปสักพักแล้ว เรา (หมายถึงพี่กับแม่พดด้วง) หอบหิ้วเป้น้ำ ถุงดรอปแบ็กและไม้โพล เดินจากโรงแรมเลาะไปตามถนนเลียบคันคลองชลประทานไปที่ศูนย์ประชุมฯ หลังจากฝากดรอปแบ็กเรียบร้อยยังมีเวลาเหลืออีกประมาณ ๔๐ นาทีให้เตรียมตัว (และเตรียมใจ) ก่อนออกสตาร์ต

หกโมงเช้าปล่อยตัวบล็อกเอ ถึงตอนนี้ความตื่นเต้นก็ยังมีอยู่ด้วยความที่ห่างหายการลงสนามไปเกือบสองปี ยังดีที่เมื่อเดือนก่อนไปลงงานตะนาวศรีเพื่อซ้อมมาทำให้ยังพอเรียกความรู้สึกเก่า ๆ กลับมาได้บ้าง

ออกจากศูนย์ประชุมฯ เลี้ยวขวา วิ่งตามทางผ่านหน้ารีสอร์ตมาจนขึ้นทางเทรล ช่วงนี้เป็นซิงเกิ้ลแทร็กจ้ำตาม ๆ กันไป ไม่รู้แต่ละคนแม่งเอาแรงมาจากไหน ไอ้ชิบหาย ไต่อัปฮิลขนาดนี้ยังไปกันเพซ ๘ เพซ ๙ กูนี่ตอนซ้อมขนาดทางราบในหมู่บ้านยังเดินเพซ ๑๒ เลย แล้วไม่มีใครยอมผ่อนด้วยนะ จ้ำกันไม่หยุด ช่วงนี้เหนื่อยเป็นหมาหอบแดดเลย

ขึ้นมาได้สี่โลนึกขึ้นได้ว่าก่อนสตาร์ตตั้งใจจะจิบ 5Hour ช่วยไล่ความง่วง กระตุ้นให้ดีดนิดนึง นี่ลืมไปสนิทเลย ก็เลยหยุดรอแม่พดด้วงก่อนเพราะ 5Hour อยู่ที่ตัวเองนี่ ระหว่างนั้นนักวิ่งบล็อกเอทยอยผ่านไปกลุ่มใหญ่ ๆ แล้วก็มีแนวหน้าของบล็อกบีที่ปล่อยตัวหลังบล็อกเอ ๑๕ นาทีเริ่มตามมาทันแล้ว

หลังจากเติม 5Hour เรียบร้อยแม่พดด้วงไล่ให้ไปก่อนได้เลย เพราะใช้แผนเดียวกับตอนไปโป่งร้อย คือ ตอนกลางวันวิ่งใครวิ่งมัน แล้วมาเจอกันที่ซีพีสุดท้ายก่อนมืด เพื่อจะวิ่งภาคกลางคืนไปด้วยกัน ก็ล่วงหน้ามาจนหลุดทางซิงเกิ้ลแทร็กเจอถนนดินทางขึ้นไปบ้านขุนช่างเคี่ยน อัปฮิลกันยาว ๆ

กำลังไต่เหนื่อย ๆ ได้ยินเสียงจ๊อกไล่หลังมานึกว่าหูฝาด หันกลับไปดู โอ้โห คนนำ CM3 ตามมาทันแล้ว นี่ปล่อยตัวหลังเราชั่วโมงนึงนะ แล้วพี่แม่งจ๊อกอัปฮิล แป๊บเดียวหายลิบไปเลย

มาถึง HQ ตอน ๘:๒๔ เร็วกว่าแผนที่วางไว้ (แล้วก็เร็วกว่าเมื่อสามปีที่แล้ว ๔๐ นาที) อันนี้ดี ช่วยให้มีเวลาตุนไปช่วงท้าย ๆ ได้มากหน่อย ตอนมาถึงงง ๆ นิดนึง เพราะจุด HQ ไม่ตรงกับที่โปรหนำบรีฟไว้ เหมือนมีย้ายที่ แต่ตอนนั้นยังไม่ได้คิดอะไร รีบอยู่

CM6 2022 ระยะ CM5 - รองเท้า
สภาพรองเท้าหลังจากมาถึง HQ รอบแรก

กินข้าวไข่พะโล้ ต้องเติมไว้ก่อน เพราะซีพีหน้ากว่าจะมีข้าวต้องไปอีกหลายชั่วโมงเลย เติมน้ำ เติมเกลือแร่ หยิบกล้วยตุนไปสองใบ แม่พดด้วงมาถึงพอดี ดูเวลาแล้วแม่พดด้วงเร็วกว่าแผนเกือบ ๒๐ นาที เริ่มได้ดีเว้ย บอกแม่พดด้วงเรื่องเวลาที่ตุนมาได้แล้วตัวเองก็ออกไปต่อเลย

เดินออกมาผ่านทางเข้าโรงเรียนศรีเนห์รู จุด HQ เดิม เห็นตำรวจใส่เสื้อทีมหนุมานเดินกันให้ควั่ก ยิ่งมั่นใจว่าคงมีใครมาแล้วล่ะ เพราะไม่งั้นทางผู้จัดไม่น่ามีการเปลี่ยนรูตตอนที่เหลือแค่สิบวันสุดท้ายก่อนวันงานแบบนี้

จากศรีเนห์รูไต่ขึ้นดอยหัวหมู (aka จุด nice view) ครั้งที่หนึ่ง จังหวะช่วงทางราบได้ยินเสียงพึ่บพั่บ ๆ อยู่ข้างหลัง หันไปเจอพี่ป้อม สัญญา ผู้นำ CM4 กำลังห้อมาเลย หลบทางให้แกแล้วตะโกนบอกคนข้างหน้าให้หลบพี่ป้อมด้วย มาอีกสักพักกำลังไต่ทางชันอยู่มีคนเดินแซงมาจากข้างหลัง เห็นรองเท้ามาก่อน เห็นปุ๊บก็เงยมองหน้าเลย รองเท้าโมมาแบบนี้เท่าที่รู้มีคนเดียว ใช่รัชชี่จริง ๆ นี่เท่ากับว่าผู้นำ CM3 CM4 และก็ CM6 น็อกกูแล้วเรียบร้อย

มองตามหลังรัชชี่ไป เดินยังไงวะเหมือนไม่ได้ออกแรงแต่ไปลิ่ว ๆ เลย

ก่อนถึงดอยหัวหมูอากาศเย็น หมอกลงสองข้างทาง ทัศนวิสัยมองไปได้ไม่ไกล ไม่เห็นวิวอะไรมีแต่หมอก คนอื่นอาจไม่ชอบแต่พี่ชอบมาก ชอบกว่าเห็นวิวอีก มาถึงดอยหัวหมูลมแรงจนธงปลิวสะบัด มุ่งหน้าไปต่อเจอบันไดหินขึ้นไปถึงลานพลับพลา ตอนนี้ล้อมกั้นพื้นที่เอาไว้เห็นว่าจะปรับปรุง

CM6 2022 ระยะ CM5 - ดอยหัวหมู
ดอยหัวหมูอากาศ หมอกลง ลมแรง

เดินต่อไปอีกหน่อยเจอป้ายให้หักขวาลงกิ่วแมวปลิว ดาวน์ฮิลกันยาว ๆ มีทั้งรากไม้ ร่องน้ำ ก้อนหิน ต้นหญ้าซ้ายขวาข้างทาง จะลงเร็วก็ไม่ได้กลัวอาการเจ็บเข่ากำเริบ ต้องคอยหลบให้นักวิ่งคนอื่นไปกันก่อน

ระหว่างที่ลงมาก็คิดขึ้นมาได้ว่า เดี๋ยวตอนดึกขึ้นมาจากเส้น lastman แล้วแม่งต้องไต่ตรงนี้ขึ้นมาอีกนี่หว่า แล้วชันขนาดนี้กูจะไหวมั้ย ว่าแล้วก็สลัดความคิดออกจากหัว เพราะกว่าจะไปถึงจุดนั้นยังต้องเจออีกเยอะ มึงอาจเกมก่อนก็ได้ เออ พอคิดได้แบบนี้ก็สบายใจ 5555

ดาวน์ฮิลประคองตัวลงมายาว ๆ ไม่จบไม่สิ้น เหมือนแม่งเป็น downhill to hell จนมาถึงสามแยกที่จะแยกไป W1 กับบ้านผานกกก เราเลี้ยวซ้ายไป W1 ก่อน เดี๋ยวค่อยกลับมาอีกที ถึงตรงนี้เริ่มมีนักวิ่งแนวหน้าสวนทางกลับมาพอให้ครึกครื้น ไม่เหงา ไปจนถึงบ้านม้งดอยปุยทะลุออกด้านหน้าหมู่บ้านก็ยังไม่ถึง ต้องเดินขึ้นถนนดำต่อไปอีกหน่อย

เข้า W1 จุดนี้ไม่มีคัตออฟ เช็กอินแล้วรีบเข้าไปจัดโค้กก่อนเลยสองแก้ว สดใสซาบซ่า นี่เป็นไอเทมที่งานวิ่งต้องมีเลยนะ ช่วยฟื้นพลังชีวิตได้ดีมาก

เติมน้ำ เติมเกลือแร่ หยิบกล้วยติดมาเรียบร้อยก็วิ่งย้อนรูตกลับมาทางเดิมจนมาถึงสามแยกที่เดิม ครั้งนี้เลี้ยวตามป้ายไปทาง A3 บ้านผานกกก (อ่านง่าย ๆ ตรงตัวเลยนะ ผา – นก – กก ไม่ใช่ ผาน – กะ – กก หรือ ผาน – กก – กะ อะไรแบบนี้ แม่งยากไป๊) จุดซีพีในความทรงจำ เพราะเมื่อสามปีที่แล้วมางาน CM ครั้งแรกระยะ CM3 มา dnf ที่ผานกกกนี่แหละ แต่ครั้งนี้ไปคนละเส้นทาง นี่ให้กูไปปีนผากลองด้วย แม่เอ๊ยยยยยย

ผ่านสามแยกมาได้ไม่ไกล เจอนักวิ่งผู้หญิงเดินอยู่ข้างหน้า สภาพร่างเปรอะไปหมด ทักไปว่า นี่ลื่นมาเหรอครับ มองไปเห็นติดบิบ CM6

ไม่ได้ลื่นค่ะ สไลเดอร์เลยค่ะ มณฑาธารโหดร้ายมาก

นี่เป็นครั้งแรกที่ได้ยินคนพูดถึงมณฑาธารในวันนี้

ก่อนถึงทางชันที่จะไต่ขึ้นผากลอง เจอแม่อุ๊ยมาเดินเทรกกิ้ง เจ๋งว่ะ อายุน่าจะหกสิบปลาย ๆ แล้วนะ ถ้าพี่ไม่ชิงตายห่านไปเสียก่อนก็อยากฟิตได้แบบนี้ แกเห็นเราเดินมาคนเดียวก็ชวนคุยโน่นคุยนี่เป็นภาษาคำเมือง เราก็งัดสกิลเก่าอู้คำเมืองกับแกไปด้วย จนจะแยกจากกันถามแกไป

ผมอู้คำเมืองเป่นไดพ่อง เหมือนคนเมืองก่อ

ได้อยู่ลอ แกว่างี้

5555 ยังพอเอาตัวรอดได้อยู่เว้ย ถึงจะไม่ใช่เนทีฟก็เถอะ

ตอนกำลังไต่ขึ้นผากลอง มีฝรั่งติดบิบ CM4 เดินแซงขึ้นมา หันมาดูบิบเราแล้วถาม ยูไปมณฑาธารมาหรือยัง? (อ่านตรงนี้ออกเสียงกระแดะเป็นฝรั่งยุโรปนิดนึงนะ ฟังสำเนียงแล้วพี่แกไม่น่าจะใช่อเมริกัน) ฟังเสร็จต้องรีบประมวลผล เดี๋ยวนะเมื่อกี๊กูเพิ่งอู้คำเมืองมา ขอกูสวิทช์ภาษาแป๊บ

ไอไม่ต้องไปว่ะ ไอ CM5 แต่ไอจะเจอ lastman คืนนี้ (อ่านตรงนี้ใช้สำเนียงอังกฤษแบบเด็กต่างจังหวัดนะฮะ 5555) มัน เอ๊ย ฝรั่งตอบกลับมาว่า ลักกี้ยู มณฑาธารนี่ the worst ที่ไอเคยเจอมาเลย

คอนเฟิร์มกันสองเสียงขนาดนี้ คิดว่าลูปนั้นแม่งคงไม่ธรรมดาจริง ๆ แล้วล่ะ ลักกี้มีจริง ๆ ว่ะ (ยัง มึงยังไม่รู้ตัวว่ามึงจะเจออะไรอิบวก)

จากผากลองยิงยาวดาวน์ฮิลลงมาเรื่อย ๆ เพื่อไปผานกกก พอเลยจากจุดซีพีเถื่อน หรือ เซเว่นม้ง ที่แล้วแต่จะเรียกกัน ก็เริ่มเจอแนวหน้าวิ่งสวนกลับมาล่ะ วิ่งตามทางมาจนถึงสามแยกที่จะเลี้ยวอัปฮิลขึ้นผานกกก ซึ่งเส้นนี้เมื่อสามปีที่แล้วทำเอาหมดกำลังใจมากว่าเมื่อไหร่แม่งจะถึงซักที แต่มาครั้งนี้ เฮ้ย ก็ได้อยู่นะ ไม่จวนเจียนจะขาดใจเหมือนครั้งก่อน

มาถึงผานกกกก่อนเวลาที่วางแผนไว้ทำให้เก็บมาร์จิ้นรวมได้สองชั่วโมงนิด ๆ เดินเข้าไปในซีพีเละเอาเรื่องจากฝนที่ตกลงมาเมื่อคืน รีบกินข้าวหน้าไก่ อาหารซิกเนเจอร์ของซีพีนี้ ตามด้วยเฉาก๊วยอีกถ้วยนึง เสร็จแล้วเติมน้ำ หยิบกล้วยมาตุนไว้ระหว่างทาง

CM6 2022 ระยะ CM5 - ผานกกก
สภาพซีพีผานกกกเละจากฝนที่ตกลงมาเมื่อคืน

กำลังจะเดินออกจากซีพี ฝนเริ่มลงปรอย ๆ พอเดินไปถึงทางออกต้องชะงัก โอ้โห นี่มึงซีพีงานเทรลหรือสนามโมโต้ครอส ทำไมแม่งเละเป็นปลักควายหยั่งงี้ ระหว่างที่ค่อย ๆ ย่องออกมาฝนก็ลงเยอะขึ้น ทีแรกกะจะลุยไปเลยแต่เห็นมีนักวิ่งสองสามคนที่ดูทรงแล้วเก๋ากว่าเราเยอะเริ่มหยิบเสื้อกันฝนมาใส่

เห็นแบบนี้กูก็เอาด้วยสิ ปลอดภัยไว้ก่อนนะ ไม่รู้ว่าข้างหน้าจะยังไง ปลดเป้หยิบเสื้อกันฝนที่ซื้อมาแพงที่สุดในชีวิตและยังใหม่กริ๊บเพราะยังไม่เคยใช้เลยตั้งแต่ซื้อมาเกือบจะสองปี วันนี้ได้ประเดิมล่ะเว้ย

ใส่เสื้อกันฝนเสร็จก็พอดีฝนลงหนักขึ้นอีก หลังจากเดินลุยฝนมาได้พักนึงก็ต้องทึ่งในประสิทธิภาพเสื้อกันฝนมาตรฐานงาน UTMB ตัวนี้ เพราะในขณะที่ช่วงล่างเปียกชิบหายวายป่วง แต่ช่วงบนตั้งแต่หัวมาถึงเอวนี่สบายเลย ไม่หนาวซักนิด อันนี้สุดยอดมาก ต้องขอบคุณแม่พดด้วงที่ทำหน้าที่จัดซื้อจัดหามาให้ใช้ ถ้าให้พี่หาเองนี่จบที่เสื้อกันฝนใน 7-11 แน่นอน

ดาวน์ฮิลจากผานกกกมาได้สักพัก เจอแม่พดด้วงกำลังเดินขึ้นมา เสื้อกันฝนก็ไม่ยอมใส่ บอกว่าไม่เป็นไรใกล้จะถึงแล้ว บอกแม่พดด้วงว่า เวลายังได้อยู่ หลุดแผนไปนิดนึงแต่ยังมีมาร์จิ้นอยู่ชั่วโมงกว่า แม่พดด้วงบอกว่าเหนื่อยมาก นี่เร่งมาตลอดทาง ถ้าไปถึงผานกกกแล้วอาจจะไม่ไปต่อ แต่ขอดูสถานการณ์ตรงนั้นอีกที ถ้า dnf จะยิงข้อความมาบอก

แยกจากแม่พดด้วงมาในใจคิดอยู่ว่า อยากให้แม่พดด้วงไปต่อ ส่วนฝนแม่งก็ไม่ซาลงซักที วิ่ง ๆ อยู่ก้มหน้าไปเจอ เฮ้ย!! ทำไมรองเท้ากูเป็นฟองทั้งสองข้างแบบนี้ (นี่ถ้าไม่ติดว่าฝนตกจะหยิบโทรศัพท์มาถ่ายรูปเก็บไว้หน่อย บังเอิญไอโฟน 6s มันไม่กันน้ำอ่ะนะ) ตรงหัวรองเท้าช่วงนิ้วโป้งนิ้วชี้ทั้งสองข้างเป็นฟองฟ่อดเลย เดาว่านะจะตอนที่ซักครั้งสุดท้ายล้างผงซักฟอกไม่หมดแน่เลย ก็วิ่งไปทั้งแบบนั้นแหละ รองเท้ากูมีระบบ self cleaning ทำความสะอาดตัวเองได้เว้ย

ลงมาถึงแปลงกุหลาบฝนซาจนเกือบจะหยุดล่ะ แวะถอดเสื้อกันฝนเก็บเข้าเป้ แล้วไปต่อ ช่วงนี้มีกลุ่มนักวิ่งมากันพอดีเลยเข้าร่วมขบวนกฐินไปด้วยกันห้าหกคนมาจนถึงจุดซีพีเถื่อนแวะซื้อโค้กติดมือมาขวดนึง ขบวนกฐินคนอื่นก็เลยล่วงหน้าไปกันก่อน จากจุดนี้เลี้ยวซ้ายเพื่อจะไป W2 เจอทางลงชัน ๆ ก้าวไปได้สักพักอาการแปล๊บที่เข่าซ้ายเริ่มมาล่ะ ประคองมาได้แค่นี้ ต้องค่อย ๆ โขยกเขยกลงตามทางมา

สักพักมีน้องที่ลง CM3 ตามมาทัน อายุน่าจะซักยี่สิบปลาย ๆ สามสิบต้น ๆ (หลังจากนี้จะเรียกว่า น้อง CM3 นะ) บอกน้องว่า ไปก่อนเลย พี่เจ็บเข่าต้องค่อย ๆ ไป น้องบอกว่า ผมก็ขาพลิก เจ็บข้อเท้า สรุปต้องค่อย ๆ ไปเหมือนกัน อีกแป๊บมีน้อง CM5 อีกคนมาทัน (หลังจากนี้จะเรียกว่า น้อง CM5) เลยเดินไปด้วยกันสามคน ไม่รีบ (จริง ๆ ก็รีบแหละ แต่แม่งไปเร็วไม่ได้แล้ว 5555)

เดินคุยกันมาเรื่อย ๆ น้อง CM5 เล่าว่า ปีที่แล้วมา CM5 แล้วครั้งนึงแต่ไม่จบ ขึ้นจาก lastman มาได้แล้ว แต่ไปเกมที่ W1 ปีนี้เลยมาล้างตา น้องบอกว่า ไม่ว่ายังไงจะไม่ยอม dnf ที่ HQ เด็ดขาด เพราะปีที่แล้วนั่งรถขนคน dnf ลงจาก HQ แล้วโดนเหวี่ยงไปเหวี่ยงมาเหมือนลูกขนุน สภาพแย่มาก เลยบอกกับน้องไปว่า ปีนี้เราต้องจบเว้ย เพื่อที่ปีหน้าเราจะไป CM6 กัน!!

นี่ถ้าเป็นหนังจังหวะนี้ต้องเป็นช็อตโคลสอัปหล่อ ๆ เสียงทุ้มนุ่มเป็นพระเอกเลยมึงเอ๊ย

แล้วมาตบด้วยจังหวะซิตคอมที่น้องตอบมาว่า เอางั้นเลยเหรอพี่ 5555

เดินกันมาสามคนตลอดทางแทบไม่เจอนักวิ่งคนอื่นเลย นี่ถ้าไม่เจอริบบิ้นบอกทางมีเหวอนะ คิดว่ากูหลงหรือเปล่าวะ มาจนถึง W2 เช็กอินแล้วมีเวลาตุนอยู่สองชั่วโมงนิด ๆ น้ำยังมีเต็มอยู่ แวะหยิบข้าวต้มมัดแล้วบอกน้องทั้งสองคนว่าพี่เคาะไปก่อนนะ เดี๋ยวไปเจอกันข้างหน้า

รีบเดินไป HQ รอบสอง ไม่ได้รู้ตัวเลยว่ามีความบันเทิงรออยู่แบบคอมโบ้เซ็ต

ความบันเทิงประการแรกมาในอาการเจ็บเข่า หลังจากที่โขยกเขยกมาได้สักพักอาการหนักขึ้นเรื่อย ๆ นักวิ่งที่ตามมาแซงไปชุดใหญ่ รวมทั้งน้อง CM3 กับน้อง CM5 ด้วย จนถึงโลที่ ๔๐ ไม่ไหวแล้วเว้ย ตัดสินใจปลดเป้หยิบถุงยา first aid ที่แม่พดด้วงจัดไว้ให้ พร้อมกับบรีฟมาให้เสร็จว่ายาอะไรใช้รักษาอาการอะไร

มียาตัวนึงเป็นยาแก้อักเสบ แม่พดด้วงบอกว่าถ้าไม่จำเป็นก็อย่ากิน เพราะยามันแรงอาจมีผลต่อไต แต่ถ้าจำเป็นหรือจะขายวิญญาณเพื่อให้จบก็จัดไป ใส่มาให้เม็ดเดียว เพราะกินแค่เม็ดเดียวพอ

มาถึงตอนนี้ เอาวะ แม่งถึงเวลาต้องขายวิญญาณแล้วกู ไม่งั้นไม่รอดแน่ จัดไปเม็ดเดียวครั้งเดียว เดี๋ยวรู้กัน

หลังจากนั้นสักพัก ไม่รู้ว่ายามันออกฤทธิ์หรืออาการ placebo effect กันแน่ เข่าที่เจ็บแม่งดีขึ้นเว้ย ลงขาได้มากขึ้น ไม่จี๊ดเหมือนเดิมแล้ว ประกอบกับเป็นช่วงอัปฮิลที่แรงไม่กระแทกเข่าเท่าไหร่ ก็เริ่มไปได้เร็วขึ้นจนตามมาทันน้อง CM5 ที่กำลังคุยอยู่กับน้องอีกคนว่า นาฬิกาขึ้นเตือนว่าออกนอกเส้นทางมาหลายกิโลแล้ว

ฟังแล้วก็ยังนึกว่าน้องคงโหลดไฟล์เส้นทางตัวเก่ามา เพราะตลอดทางที่มานี่ก็ตามริบบิ้นมาตลอด แต่พอยกนาฬิกาตัวเองขึ้นมาดูถึงได้เห็นว่าของเราก็เตือนเหมือนกันเฮ้ย

ยัง นี่ยังไม่รู้ตัวว่ากำลังเข้าสู่ความบันเทิงอย่างที่สอง นั่นคือ ผู้จัดเปลี่ยนรูตกะทันหัน ระยะทางงอกมาห้ากิโล สวย ๆ โดยไม่มีการแจ้งใด ๆ

ตอนนั้นก็ยังไม่รู้หรอก ก้มหน้าก้มตาอัปฮิลดาวน์ฮิลตามทางมาเรื่อย ๆ จนมาทันน้อง CM3

พอน้องหันมาเห็นว่าเป็นเราก็ส่งเสียงทักมาเลย ป๋านี่อึดเหมือนกันนะ

ได้ยินทีแรกนึกว่าน้องทักคนอื่น แต่เอ๊ะ นี่อยู่กันสองคน เดี๋ยวนะ มึงเรียกกูป๋าเลยเหรอ!!!

กำลังจะบอกเรียกพี่เถอะน้องเอ๊ย นึกขึ้นได้ว่า น้องมันคงเกรงใจเต็มที่แล้วถึงได้เรียกว่า ป๋า ใจจริงอาจจะอยากเรียก ลุง ด้วยซ้ำ ก็เลยชะงัก ป๋าก็ป๋าวะ แม่งงงงงงง หลังจากนั้นแม่งเรียกกูป๋ามาตลอดทาง ชิบหาย 5555

เดินอัปฮิลมาจนถึงประมาณโลที่ ๕๐ ถ้าเอาตามระยะในแผนที่ก็เหลืออีกโลกว่า ๆ เริ่มหิวแล้ว แต่เห็นว่าอีกแป๊บเดียวก็ถึง HQ จะได้กินข้าวแล้ว ก็เลยยังไม่เติมเจล เติมของกิน กะว่าไปกินที่ HQ ทีเดียวเลย เจอชาวบ้านขี่มอเตอร์ไซค์ลงมา ถามไปว่าอีกไกลมั้ย? พี่แกตอบมาว่า ไกล มีหกโลบวกอ่ะ ฟังแล้วยังนึกว่า นี่แม่งรู้จริงเปล่าวะว่าซีพีกูอยู่ที่ไหน ในแผนที่นี่บอกเหลืออีกโลกว่าเอง

เดินต่อมาอีกสักพัก เจอทีมงานรถวิบากยืนอยู่ ถามว่าอีกกี่โล ได้คำตอบว่าอีกประมาณห้าโล

ตอนนี้กูเริ่มไม่สนุกล่ะ ระยะงอกมาห้าโลนี่ถ้าคิดคร่าว ๆ ว่าเดินเพซ ๑๒ (ซึ่งของจริงช้ากว่านั้น) ก็เจอไปชั่วโมงนึงเต็ม ๆ เลยนะ หมดกันมาร์จิ้นที่กูสะสมมาทั้งวัน

จังหวะนี้เริ่มมืดแถมฝนเริ่มลงเม็ดมาอีกรอบ ก็เลยหยิบเฮดแลมป์กับเสื้อกันฝนมาใส่เตรียมไว้ ซึ่งเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องมาก เพราะหลังจากนั้นไม่เกินสิบนาทีฝนแม่งเทลงมา เทลงมา เทลงมา ให้นาตูฮง นาตูฮง ไม่ใช่!! มึงอย่ามาตลก

ฝนแม่งตกหนักมาก หนักจนอิเชี่ย (ขออภัยในคำหยาบ) มึงจะตกอะไรขนาดนี้ หนักจนเดินอยู่นี่คิดว่าแม่งจะมีน้ำป่าป่ะวะ แล้วอยู่ในป่าแม่งก็มืด เดินมาอีกสักพัก เฮ้ย แล้วแม่งจะมีฟ้าผ่ามั้ย นี่กูต้องเดินใกล้ต้นไม้ใหญ่หรือจะเดินห่างต้นไม้ถึงจะปลอดภัยกว่ากันวะ แล้วไม้โพลกูนี่เป็นคาร์บอนนะ แม่งจะเป็นสายล่อฟ้ามั้ยวะ แม่งคิดจนเลิกคิดอ่ะ แล้วมึงท้อก็ไม่ได้ด้วยนะ จะบอกว่า โอ๊ย กูไม่ไปแล้ว กูจะนั่งอยู่นี่แหละ แม่งก็ไม่ได้ ฝนแม่งกระหน่ำอยู่ แล้วตอนนี้ไม่รู้ว่าอีกกี่โลจะถึง HQ เพราะระยะมันเกินจากในแผนที่มาแล้ว

ก้มหน้าก้มตาเดินอย่างเดียว เพราะเงยหน้าฝนแม่งก็สาดใส่หน้า เชี่ยไรเนี่ย (ขออภัยในคำหยาบอีกที)

ก้มหน้าเดินสักพักเงยขึ้นมาดูทาง ไฟเฮดแลมป์ส่องไปที่ริบบิ้นสะท้อนแสง คิดขึ้นมาได้ ตั้งแต่ฝนตกหนักนี่เดินมาไม่ได้ดูริบบิ้นเลยนะ ถ้าหลงทางนี่ชิบหายแน่ หันไปดูข้างหลังเห็นมีแสงไฟเฮดแลมป์ตามมาเป็นจุด ๆ ก็ยังพออุ่นใจ เอาวะ กูคงไม่หลงหรอก แต่ถ้าหลงก็ยังมีเพื่อน

อีกแป๊บเดียวก็มีนักวิ่งวิ่งสวนทางลงมาเป็นกลุ่ม ๆ ดูทรงแล้วน่าจะเป็นระยะ CM3 วิ่งกลับเข้าเส้นชัย อีกสักพักเห็นรัชชี่วิ่งสวนลงมา ในใจคิดว่ารัชชี่จะกลับเข้าเส้นชัยแล้วเหรอวะ เร็วไปมั้ย ไม่น่า น่าจะไปลูปห้วยแก้วที่เป็นลูปสุดท้ายมากกว่า (ตอนหลังมาดูเวลาที่รัชชี่เข้าเส้นชัยถึงได้รู้ว่าตอนนั้นรัชชี่กำลังวิ่งลงมาเส้นชัยจ้ะ)

เดินตากฝนอัปฮิลมายาว ๆ จนมาถึง HQ เช็กอินเรียบร้อย ในใจตอนนี้กูไม่คิดอะไรล่ะ คิดอยู่อย่างเดียวว่าขอให้แม่พดด้วงตัดสินใจ dnf อยู่ที่ผานกกกทีเถอะ ถ้าแม่พดด้วงออกมานี่หนังชีวิตแน่

เข้าซีพีไปพยายามเช็ดมือให้แห้งปลดเป้หยิบโทรศัพท์มาดู เชี่ยแระ ไม่มีข้อความจากแม่พดด้วง เอ้า กูเปิด airplane mode อยู่ เปิดสัญญาณโทรศัพท์ แม่งก็หาสัญญาณนานเชียว อย่านะมึง กูย้ายมาค่ายนี้เพราะมึงบอกว่าตามป่าตามเขาสัญญาณมึงดีกว่าใครเพื่อนนะ พอสัญญาณมามีข้อความจากแม่พดด้วงยิงมาบอกว่า dnf ที่ผานกกก ตามด้วยอีกข้อความที่ทิ้งช่วงหลายชั่วโมงว่า มาถึงโรงแรมแล้ว

โอยยยยย โล่งอก ❤

ส่งข้อความบอกแม่พดด้วงว่ามาถึง HQ แล้วแต่ฝนตกหนักมาก อัปเดตกันไว้ก่อน แล้วเข้าไปกินข้าว ระหว่างนั้นยืนคุยกับน้อง ๆ นักวิ่งที่ติดฝนอยู่และกำลังตัดสินใจว่าจะไปต่อหรือจะวางจอยดี พี่เองก็ลังเล เพราะสภาพร่างก็ยังพอถูไถไม่สมบูรณ์แต่ก็ยังพอไปได้ ส่วนเวลาถึงจะหลุดแผนที่วางไว้แต่ก็ยังมีมาร์จิ้นอยู่ชั่วโมงกว่า ระหว่างที่ยืนลังเล ไป ไม่ไป ไป ไม่ไป อยู่นี่ ฝนแม่งก็ยังกระหน่ำอยู่ตลอดเวลา เดี๋ยวซาลงหน่อย สักพักก็แรงขึ้นอีก

สุดท้ายมาตัดสินใจได้ตอนที่นักวิ่งผู้หญิงที่ยืนอยู่หน้ากลุ่มเรารับโทรศัพท์ บอกว่าสามีโทรมา ระหว่างที่คุยกับสามีก็พูดให้พวกเราได้ยินไปด้วย เธอบอกว่า ตอนนี้สามีอยู่ตรงจุดทางลง lastman แต่ลงไม่ได้ เพราะน้ำหลากและแรงมาก คนในพื้นที่บอกว่าอย่าลง อันตรายมาก นี่สามีโทรมากำชับว่าอย่าออกมาจาก HQ ให้ dnf อยู่ที่นี่เลย

โอเค จบ กูวางจอยล่ะ ฝืนไปต่อแม่งไม่คุ้ม เกิดอะไรขึ้นมาเป็นภาระให้แม่พดด้วงต้องคอยป้อนข้าวป้อนน้ำตลอดชีวิตนี่ท่าจะไม่ไหว เดินไปเบิกถุงดรอปแบ็กเอาเสื้อสำรองมาเปลี่ยน หยิบผ้าห่มฉุกเฉินมาใช้ นี่ก็เพิ่งเคยใช้ครั้งแรกเหมือนกัน มางานนี้นี่ได้ประเดิมหลายไอเท็มเลยเว้ย ส่งข้อความไปบอกแม่พดด้วงว่าตัดสินใจ dnf ล่ะ เดินไปแจ้งเจ้าหน้าที่ ตัดบิบเรียบร้อย กลับมาแต่งตัวให้พร้อมสำหรับนั่งรถฝ่าฝนลงไปที่ศูนย์ประชุมฯ

ตื่นเช้ามาก็ยังตะหงิดตะหงิด อดคิดไม่ได้ว่า ถ้าบวก บางบัวทอง ในโลกคู่ขนานตัดสินใจไปต่อเมื่อคืนจะเป็นไงวะ จนได้มาอ่านรีวิวสนามของนักวิ่งคนอื่นที่ไปต่อกัน โอ้โห แม่งยับมาก บอกเลยว่ากูท่าจะไม่รอด ถ้าไม่โดนน้ำซัดตกเขาตายห่าหรือโดนฟ้าผ่าบนยอดดอยปุย ก็อาจจะเป็นไฮโปเธอเมียนอนหนาวตายอยู่ตรงไหนซักที่บนดอยปุยนั่นแหละ

สรุปว่า มางาน CM สองหน dnf ที่ครึ่งทางทั้งสองหน ครั้งแรก CM3 ไปไม่ทันคัตออฟที่ผานกกก ครั้งนี้ CM5 เจอสภาพอากาศไม่เป็นใจ ตัดสินใจ dnf ตัวเอง

ก่อนกลับจากเชียงใหม่คุยกับแม่พดด้วงว่า ไม่เอาแล้วงานเทรลหน้าฝน มันอันตรายไป ลาขาด แต่ตอนที่นั่งเขียนอยู่นี่แม่งเริ่มคันอีกแล้วนะ never say never again 5555

ป.ล. งานนี้มีสิ่งที่ต้องตำหนิผู้จัดนิดนึง เรื่องการเปลี่ยนเส้นทางจาก W2 มา HQ ที่ทำให้ระยะงอกเพิ่มมาห้าโล โดยไม่มีการแจ้งให้นักวิ่งรู้ตัวกันเลย ซึ่งก็ส่งผลให้แผนการวิ่งรวนไปด้วย จริงอยู่ที่สาเหตุของการเปลี่ยนเส้นทางมันเป็นเรื่องสุดวิสัยที่ผู้จัดทำอะไรไม่ได้ (ถ้าตามที่ได้ยินมานะ) ซึ่งก็น่าเห็นใจ แต่การแจ้งข้อมูลให้นักวิ่งรู้ตัวล่วงหน้านี่ถือว่าอยู่ในวิสัยที่ผู้จัดทำได้นะครับ

ป.ล.สอง ใครอยากเห็นสภาพเส้นทางว่าเป็นยังไง เสิร์ช youtube ว่า cm6 2022 นะฮะ แล้วเลือกดูเอาตามใจชอบได้เลย

ป.ล.สาม ใครทนอ่านมาได้ถึงตรงนี้โคตรนับถือจิตใจ ขอได้รับคำขอบคุณและความห่วงใยจากบวก บางบัวทอง นะฮะ เลิฟ เลิฟ

ตั้งชื่อทีมวิ่ง

ระหว่างที่ซ้อมวิ่งเกิดฝนตกหนักจนต้องพักหาที่หลบฝน ช่วงนั้นสังเกตเห็นนักวิ่งที่มาหลายกลุ่มมีเสื้อทีมของตัวเอง มีชื่อทีมสกรีนอยู่บนอกเสื้อบ้าง ด้านหลังบ้าง

ก็เลยลองถามแม่พดด้วงว่า ถ้าเราตั้งทีมจะใช้ชื่อทีมว่าอะไรดี?

มึงกะกู

แม่พดด้วงตอบเร็วเหมือนไม่ต้องคิด พี่นึกว่าแม่พดด้วงฟังผิด เลยถามซ้ำอีกที

ไม่ใช่ ไม่ใช่ ไม่ได้ถามว่าในทีมจะมีใครบ้าง ถามว่าจะตั้งชื่อทีมว่าอะไร

มึงกะกู!! นี่แหละชื่อทีม

แม่พดด้วงหันมาย้ำชัด ๆ อีกที

ครับ ถ้าหลังจากนี้ได้เห็นชื่อทีมวิ่งที่ไหนชื่อนี้ โปรดทราบว่าที่มาเป็นแบบนี้นะครับ… 😆🤣

ซ้อมวิ่งที่เขาตีนไก่ในวันอาสาฬหบูชา

เมื่องานวิ่งสำคัญใกล้เข้ามาแต่ยังซ้อมไม่ถึง (เพจงานบอกช่วงนี้โค้งสุดท้ายของการซ้อม พี่รีบบอกเดี๋ยวก่อน!! กุเพิ่งสตาร์ต 5555)

โชคยังดีที่มีวันหยุดให้แทรกวันซ้อมเขาเข้าไปได้ ตื่นตีสี่ ออกจากบ้านตีห้า ขับรถมาร้อยกว่าโล

วิ่งไปได้สองโล ฝนตก!!

วิ่งตากฝนไปพักนึง ฝนตกหนักขึ้นจนต้องพักหลบฝนเป็นระยะ สุดท้ายตัดใจ วันนี้คงเก็บระยะได้แค่นี้ เป็น bad day ที่ธรรมชาติไม่เป็นใจ

ปลดเป้น้ำ เดินไปที่รถ อยู่ ๆ ฝนเริ่มซา จากที่ลงเม็ดหนักลดมาเหลือปรอย ๆ ตัดสินใจ เอาอีกซักยอดวะ

สรุปได้มาอีกสองยอด พร้อมกับวิวหมอกเต็มยอดเขา โคตรสวยยยยยยยยยยยยย ❤️

จาก Bad day พลิกกลับเป็น Best day ไปเฉย

นักวิ่งเทรลแม่งก็ยังงี้ มี Bad ก็มี Best มีลงก็มีขึ้น แล้วก็ลงแล้วก็ขึ้นอีกหลายรอบกว่าจะถึงเส้นชัย แม่งเอ๊ยยยยยยย

#ความรักก็เข่นกัน 😆🤣

วิ่งยามเช้ากับซีซาร์ (หมาลาบราดอร์)

ซีซาร์เป็นหมาลาบราดอร์พันธุ์ผสม พ่อเป็นลาบราดอร์ แม่เป็นโกลเดน รีทรีฟเวอร์ ดูจากรูปร่างหน้าตาแล้วเชื้อพ่อน่าจะแรงกว่าแม่ เพราะออกไปทางลาบราดอร์มากกว่า

ซีซาร์เป็นมะเร็ง อยู่ในระหว่างการรักษา

พี่เจอซีซาร์ครั้งแรกเมื่อประมาณสองเดือนที่แล้ว เช้านั้นตั้งใจว่าจะซ้อมวิ่งระยะไกลกว่าปกตินิดนึงก็เลยออกมาวิ่งเร็วหน่อย ตอนตีสี่กว่า ๆ ก็วิ่งวนอยู่ในหมู่บ้านนั่นแหละ

วิ่งไปได้สองสามรอบเจอคนจูงหมาออกมาเดิน ก็ยังคิดอยู่ว่าทำไมพาออกมากันตั้งแต่ยังมืดขนาดนี้ มองไปไกล ๆ ดูทรงแล้วเหมือนลาบราดอร์ แต่ไม่เคยเจอมาก่อน

พอวนมาเจอรอบที่สองดูแล้วน่าจะเป็นมิตรกันทั้งคนทั้งหมา (มีกูนี่แหละที่ดูไม่น่าเป็นมิตรที่สุด 5555) ก็เลยส่งยิ้มให้ก่อน ลืมไปว่าใส่แมสก์อยู่ แล้วเปิดบทสนทนาไป

หมากี่เดือนแล้วครับ?

ที่ถามไปยังงี้นี่มั่นใจมาก เพราะไม่เคยเจออย่างที่บอก แล้วน้องก็ตัวเล็ก กะว่าเต็มที่ก็เจ็ดแปดเดือน

แล้วก็ต้องเซอร์ไพรส์เพราะพี่ผู้หญิงเจ้าของบอกว่า เก้าปีแล้ว เราก็ ฮ้า!! ทำไมไม่เคยเห็น

พี่เจ้าของเล่าว่า ก่อนหน้านี้เลี้ยงซีซาร์อยู่แต่ในบ้าน เลี้ยงกับแม่ที่เป็นโกลเดนฯ ซึ่งก็เล่นกันอยู่สองตัวนัวเนีย นัวเนีย มีความสุขดี ก็เลยไม่ได้พาออกมานอกบ้าน มาตอนนี้แม่ซีซาร์ป่วยเพิ่งตายไป ซีซาร์คงแปลกใจที่อยู่ ๆ แม่หายไปไหนก็หงอยไปเลย

บวกกับซีซาร์เป็นมะเร็งต้องไปทำคีโม ค่าเลือดค่าไตก็ไม่ค่อยดี ทำให้สภาพร่างกายไม่ค่อยแข็งแรง หมอแนะนำว่าให้พาออกกำลังบ้างจะได้แข็งแรงขึ้น ก็เพิ่งพาออกมาเดินได้ไม่กี่วันแล้วก็กลัวว่าซีซาร์จะไปกวนคนที่ออกมาเดินมาวิ่งตอนเช้า เลยออกมาตั้งแต่มืดแบบนี้ (เป็นที่มาว่าทำไมก่อนหน้านี้ไม่เคยเจอซีซาร์มาก่อน เพิ่งมาเจอกันครั้งแรกวันนี้เอง)

สภาพซีซาร์ตอนที่เจอกันวันแรกยังดูโรย ๆ เหมือนไม่ค่อยแข็งแรง ขนตรงช่วงหลังถูกโกนไปหย่อมใหญ่ ๆ น่าจะเพราะการรักษามะเร็ง แล้วท่าทางก็ยังดูตื่น ๆ เหมือนหมาที่ไม่ค่อยได้ออกจากบ้าน ยังไม่ชินกับโลกข้างนอก

ก็ยืนคุยแล้วก็เล่นกันอยู่พักใหญ่ (หมายถึงยืนคุยกับพี่เจ้าของ เล่นกับซีซาร์นะ ไม่ใช่ยืนคุยกับซีซาร์แล้วเล่นกับพี่เจ้าของ เข้าใจตรงกันนะ) แล้วก็กลับมาวิ่งต่อ วิ่งได้รอบสองรอบก็วนมาเจอกันอีก ก็หยุดเล่นกันอีก วนลูปอยู่ยังงี้จนพี่เค้าพาซีซาร์เข้าบ้าน

ก็ยังคิดอยู่ว่าถ้ามีโอกาสได้เจอได้เล่นกันอีกก็คงดี แต่หลังจากวันนั้นก็ไม่ได้ออกไปวิ่งตอนเช้าอีก เพราะในหมู่บ้านมีคนติดโควิด แล้วต่อด้วยฝุ่นก็เริ่มมา เลยได้แต่ออกกำลังกายก๊อก ๆ แก๊ก ๆ อยู่ในบ้าน

จนวันก่อนสถานการณ์โควิดในหมู่บ้านเริ่มซา ค่าฝุ่นก็ดีเลยได้โอกาสออกไปวิ่งอีกที งวดนี้ติดกล้องไปด้วย เผื่อว่าเจอซีซาร์จะได้ถ่ายรูปมาให้แม่พดด้วงดู ก็ยังคิดอยู่ว่าจะได้เจอกันมั้ย เพราะออกไปเกือบหกโมงแล้ว แต่วิ่งไปได้สองรอบก็เจอพี่เจ้าของจูงซีซาร์ออกมา

เจอกันครั้งนี้ซีซาร์ดูดีกว่าครั้งแรกเยอะเลย ดูแข็งแรงขึ้น ลายสายจูงนำหน้าเจ้าของมาเลย แถมพอเจอกันก็แกว่งหางแรงจนสะโพกส่าย

หลังจากซีซาร์ไปฉี่เรียบร้อย วิ่งวนกลับมาเจอกันอีกที คุยกันไปคุยกันมา พี่เจ้าของบอกว่า ตอนนี้ซีซาร์แข็งแรงขึ้น แต่ก็ไม่มีแรงพาวิ่ง ได้แต่พาเดิน พี่ก็เลยได้ที เสนอตัว เดี๋ยวพาวิ่งให้เอง เขาทำท่าเกรงใจ เราก็ว่าไม่ต้องเกรงใจ แล้วพี่ก็เล่าเพิ่มว่า ปกติซีซาร์จะไม่เดินกับคนแปลกหน้า อันนี้ไม่มีปัญหา ไม่รู้จักบวกผู้เป็นมิตรกับหมามากกว่าเด็กซะแล้ว (นี่คิดในใจ ไม่ได้พูดไป)

พี่เค้ายื่นสายจูงให้ เราก็เรียกซีซาร์เดินตามมาก่อน ก็มาเว้ย พอเดินไปได้สักพักหันไปบอกพี่เค้าว่า จะลองพาวิ่งแล้วนะ เค้าก็โอเค ก็เรียกซีซาร์แล้วเริ่มพาวิ่ง ซึ่งก็เป็นที่มาของคลิปนี้นะฮะ

หมายเหตุ คลิปนี้ไม่มีอะไรมาก เป็นคลิป ๑๒ นาทีที่มีแต่คนพาหมาวิ่งทั้งคลิป อ้อ มีช็อตที่แม่งดื้อด้วยนะ สมกับเป็นลาบราดอร์ แม่งดื้อได้ใจมาก ถ้าเป็นหมาพี่นี่มึงโดนซักตุ้บแน่ ๆ 5555 เลิฟ เลิฟ

A Year in Review 2021

ก่อนเข้าปี ๖๔ ตั้งใจอาศัยโมเมนตัมจากโป่งแยงคิดว่าปีนี้น่าจะเป็นปีที่ดี

วางแผนลงงานเป็นสเต็ปเพื่อจะไปโป่ง ๑๓๐ ตอนปลายปี เริ่มจากงานถนนงานเดียวของปีคือ ฟูล amazing thailand marathon วิ่งผ่าเมืองจากรัชมังฯ มาภูเขาทอง แล้วเปิดฤดูเทรลด้วยเขายายดา ๖๐ โล

ต่อด้วย cm5 ที่ใจยังกล้า ๆ กลัว ๆ เส้น lastman แต่ก็อยากลอง แล้วไปต่องาน pet ๗๕ โล ที่จะมีระยะนี้เป็นปีแรก ก่อนจะปิดปีด้วยโป่งแยง ๑๓๐

นั่นคือแผน

แต่ความจริงคือ งาน atm เลื่อนมาเป็นต้นธันวา ก่อนที่จะเลื่อนอีกครั้งเป็นกุมภาปีหน้า ซึ่งก็ยังต้องลุ้นว่าจะเลื่อนอีกมั้ย

งานเขายายดาเลื่อน และสุดท้ายก็งด ข้ามไปจัดปีหน้าเลย cm5 ก็เลื่อนมาปลายปีและส่วนตัวก็ถอดใจเพราะไม่มั่นใจในโควิด

งาน pet ไม่จัด แถมงาน hill repeat ๒๔ ชั่วโมงของผู้จัดรายเดียวกันก็ล่มภายในวันเดียวหลังประกาศจัดงาน ทั้งที่เตรียมซื้อเตนท์ซื้ออุปกรณ์แคมปิ้งเพื่อไปงานนี้โดยเฉพาะ

แล้วสาเหตุที่งานล่มแม่งก็เหลือเชื่อ ไม่ใช่พิษโควิด ไม่ใช่เศรษฐกิจ แต่เพราะพื้นที่จัดงานในช่วงเวลานั้นเต็มไปด้วยหมามุ่ย!!

โป่งแยง ๑๓๐ ที่ตั้งใจก็ไม่มี ด้วยสาเหตุที่ไม่แน่ชัดแต่มีระยะสูงสุดที่ร้อยโลซึ่งเพิ่งไปมา ก็เลยเปลี่ยนแผนจะไปร้อยโลงานภูกระดึง สมัครได้แล้ว จ่ายเงินแล้ว สุดท้ายเจอโควิด งานเลื่อนไปปีหน้า

สรุป ปีนี้ไม่ได้ลงงานอะไรเลย หวังว่าปีหน้าโอไมครอนจะเมตตา ผ่อนให้พี่ได้มีช่วงลงงานบ้าง ก่อนที่จะแข้งขาลีบ หมดเรี่ยวหมดแรงไปคุยกับพระเจ้าไม่ไหวไปเสียก่อน สาธุ…. ♥️

ยืดเหยียดฝ่าเท้า & น่อง

ระหว่างที่บดกาแฟเพื่อจะชงแก้วแรกของวัน เราก็ยืดเหยียดไปครับ อย่าปล่อยให้เวลาเสียเปล่า

ท่านี้จะได้ที่กล้ามเนื้อ เอ่อ… กล้ามเนื้อตรงฝ่าเท้ากับตรงน่องนะครับ มันจะชื่ออะไรก็ช่างมันเต๊อะ… 😆🤣

อิแตะ run

เมื่อวานหลังจบประชุมทั้งหลายทั้งปวงเป็นที่เรียบร้อย อารมณ์เหมือนกูใกล้จะเป็นกล้ามเนื้อกดทับแล้วรึเปล่า ทำไมแม่งชา ๆ

ก็เลยลุกไปชงกาแฟ ไม่ใช่!! มึงอย่ามาตลก

ลุกไปเปลี่ยนเสื้อผ้า ขอออกไปเดินไปจ๊อกสูดอากาศนอกบ้านนิดนึง ใกล้ค่ำแล้วด้วยคนในหมู่บ้านคงไม่พลุกพล่านแล้วล่ะ

ติดกล้องไปด้วยเพราะหวังว่าจะไปเจอลูกหมาลาบราดอร์ในหมู่บ้าน แม่งอายุหกเดือนกำลังซนกำลังน่าฟัดเลย อาศัยเล่นกับหมาชาวบ้านไปก่อนนี่แหละวะ

เจ้าของเผลอเมื่อไหร่ เจอกูเล่นไข่หมามึงแน่… 😆🤣

หมายเหตุ ดูในคลิปแล้ว ถ้าไม่รู้ว่าเป็นขาตัวเอง พี่จะสงสัยว่า คนเป็นโปลิโอแม่งวิ่งได้ด้วยเหรอวะ?

อิแตะ run

เอารูปงานวิ่งมาทำโฟโต้บุ๊ก

หลายวันก่อนน้องผู้จัดการที่ดูแลหน่วยงาน NERAMIT มาให้ช่วยทดสอบระบบที่ปรับปรุงใหม่ ก็เลยทดลองทำโฟโต้บุ๊กดูว่าจะเป็นยังไง

ตอนแรกก็ไม่แน่ใจจะทำโฟโต้บุ๊กอะไรดีวะ เพราะพี่ไม่ค่อยมีรูป รูปที่มีเยอะสุดก็รูปพดด้วงนี่แหละ แต่อิด้วงก็มีโฟโต้บุ๊กของตัวเองไปแล้วเล่มนึง หันไปหันมา เอาวะ ทำรูปงานวิ่งดีกว่า

ก็เลยเอารูปงานวิ่งที่ถ่ายเก็บไว้ หรือที่ช่างภาพงานถ่ายไว้มาวาง เอาง่าย ๆ เร็ว ๆ รูปยังไม่ได้ปรับเลย ลองดู

เท่าที่ลองก็ไม่เจอปัญหาอะไร แต่ก็ส่งฟีดแบ็กไปให้ด้วย เผื่อจะเป็นประโยชน์อะไรได้บ้าง

วันก่อนมี sms ส่งมาว่า ส่งโฟโต้บุ๊กออกมาแล้วนะ เมื่อวานกลับบ้านมาก็เจอวางรออยู่ แพ็กมาแน่นหนาดีเลย แกะออกมาก็ตามภาพนะฮะ…

A Runner's Photobook
แพ็กมาในซอง ส่ง EMS มา
A Runner's Photobook
แกะซองออกมาเจอห่อแบบนี้ เขาเรียกวัสดุอะไรวะเนี่ย
A Runner's Photobook
แกะห่อออกมา โอ้โห ใครวะ เท่ชิบหา_ ยังกะซูเปอร์มาริโอ้ 55555555 ไม่กระดากปากเลยนะมึง
A Runner's Photobook
ส่วนนี่ปกหลัง เป็นที่ระลึกความภาคภูมิใจครั้งล่าสุด (และครั้งสุดท้ายด้วยมั้ยวะ)
A Runner's Photobook
เปิดมาดูข้างใน จะบอกว่าระบบมีให้วางตัวหนังสือได้ด้วยนะ มีฟอนต์ให้เลือกเยอะ เปลี่ยนสีได้ด้วย
A Runner's Photobook
จริง ๆ มันวางรูปได้หลายแบบนะ แต่พี่รีบ อยากได้รูปใหญ่ ๆ เลยวางเต็มหน้าแม่งเลย
A Runner's Photobook
แผ่นนี้ขอเก็บไว้เป็นที่ระลึก มันคือแผนการวิ่งงานโป่งร้อย วิ่งไปก็หยิบมาดูไป เพราะตอนวิ่งจะให้มาคิดอะไรแม่งไม่ได้แล้ว สมองบวมคิดอะไรไม่ออก 5555