ประสบการณ์วิ่งงาน Bangkok Midnight Marathon 2019

Bangkok Midnight Marathon 2019 medal

มาครับ ร่างฟื้นแล้ว ทั้งกายหยาบกายละเอียด เขียน race note งาน Bangkok Midnight Marathon 2019 เสร็จแล้วครับ

งานนี้ทีแรกไม่ได้ตั้งใจจะลง เพราะไปทางเทรลแล้ว แต่มาเปลี่ยนใจเพราะจะใช้งานนี้เป็นการซ้อม long run เนื่องจากซ้อมเองแม่งซ้อมไม่ได้ (อ่านแล้วอย่าเพิ่งหมั่นไส้ ถุย!! ลงงานฟูลเพื่อซ้อม อะไรงี้)

ทำใจล่วงหน้าไว้เลยว่าวิ่งได้แค่ไหนก็แค่นั้น (เพราะซ้อมไกลที่สุดแค่สิบโลเอง อันนี้ไม่ดี ไม่ควรทำเป็นอย่างยิ่ง) แล้วก็ดูสภาพตัวเอง ไม่ฝืน ต้องไม่เจ็บ จะ dnf ก็ช่างมัน ซึ่งพอคิดแบบนี้แล้วแม่งไม่เครียดเว้ย สบาย ๆ ไม่กดดัน

อีกอย่างที่ทำให้พร้อมจะ dnf ก็คือ แพลนไว้ว่าวันเสาร์จะนอนกลางวันเพื่อออมแรงเอาไว้ แต่ปรากฎว่ามีงานเข้า ต้องออกไปสัมภาษณ์คุณลูกค้าช่วงบ่าย เสร็จเย็น กลับถึงบ้านค่ำ กินข้าว อาบน้ำนอนได้ไม่ถึงสองชั่วโมงก็ต้องตื่นขึ้นมาเตรียมตัวแล้ว

ภารกิจแฝงอีกประการของงานนี้คือ จะเอา apple watch ไปทดสอบว่า แบตจะอยู่ได้กี่ชั่วโมง จะอยู่จนจบฟูลได้มั้ย? สงสัยเรื่องนี้มาตั้งแต่ตอนที่ซื้อ แล้วก็เห็นคนโพสต์ถามในกลุ่มวิ่งเรื่อย ๆ ทีนี้คนมาตอบก็พวกขาแรงไง จบฟูลสี่ชั่วโมงงี้ พวกนักวิ่งกาก ๆ นักวิ่งแนวหลังอย่างเราก็อยากรู้ว่าเวลาแบบเรานี่แบตจะอยู่ถึงมั้ยวะ

เรื่องนี้เคยเอาไปลองที่งานจอมบึงเมื่อตอนต้นปีมาแล้วครั้งนึง แต่ตอนนั้นดันเฟอะฟะ ไม่ได้ล็อกทัชสกรีนเอาไว้ พอยกแขนขึ้นปาดเหงื่อก็ไปโดนหน้าจออิท่าไหนกลายเป็น pause ไปเลย หลังจากนั้นก็ยังไม่ได้ลงงานฟูลอีกจนงานนี้นี่แหละ

งานนี้สตาร์ตตอน ๐๐.๕๙ น. วันอาทิตย์ (พูดง่าย ๆ คือ เกือบตีหนึ่งของคืนวันเสาร์ นี่ถ้ามึน ๆ ได้มีออกมาวิ่งผิดวันกันมั่งล่ะ) เส้นทางวิ่งของระยะฟูลน่าสนใจมาก ส่วนตัวยกให้เป็นเส้นทางวิ่งฟูลในกรุงเทพฯ ที่ดีเป็นอันดับสอง รองจาก Amazing Thailand Marathon นะ

เริ่มจากจุดสตาร์ตที่บริเวณหอกลอง ถนนสนามไชย วิ่งเลียบข้างวัดพระแก้ว ผ่านกระทรวงกลาโหม ศาลหลักเมือง ศาลฎีกา เลี้ยวขวาเข้าถนนราชดำเนินกลางมาถึงอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย (อ้อ ตอนที่ผ่านบริเวณกองสลากเก่าได้ยินเสียงเพลงลอยมาจากถนนข้าวสารยังคิดในใจว่า ชาวบ้านแถวนี้เขาอยู่กันยังไงวะเนี่ย เสียงขนาดนี้)

มาถึงสะพานผ่านฟ้าเลี้ยวซ้ายเข้าถนนราชดำเนินนอกผ่านหน้ากระทรวงเกษตรฯ เลี้ยวซ้ายวิ่งขึ้นสะพานพระราม ๘ แล้ววิ่งยาวอยู่บนทางคู่ขนานลอยฟ้าบรมราชชนนีจนถึงจุดกลับตัว (กิโลเมตรที่ ๑๘) วิ่งย้อนกลับทางเดิมจนลงสะพาน เลี้ยวซ้ายไปพระบรมรูปทรงม้า เลี้ยวขวาผ่านวัดเบญฯ เลี้ยวซ้ายวิ่งไปถึงแยกสุโขทัยแล้วเลี้ยวขวาวิ่งรอบสวนจิตรฯ

กลับมาพระบรมรูปทรงม้าเลี้ยวซ้ายวิ่งผ่านสนามมวยราชดำเนิน ตรงมาผ่านฟ้า มองเห็นภูเขาทองอยู่ตรงหน้า ข้ามมาโลหะปราสาท มาถึงอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เลี้ยวซ้ายตรงไปเข้าเส้นชัยที่ห้นาศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร โดยที่มีเสาชิงช้าตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่ใกล้ ๆ

จริง ๆ เส้นทางที่เล่ามานี่มีแผนที่ให้ดูนะ แต่ที่ให้อ่านมายืดยาวนี่เพื่อให้เห็นภาพว่าผ่านแลนด์มาร์กอะไรบ้าง ถามว่าตลอดเวลาที่วิ่งอยู่น่ะ ได้ชื่นชมความงามอะไรมั้ย? ไม่เลย เพราะแม่งเหนื่อย 5555

ถึงเวลาสตาร์ต ปล่อยตัวเหล่าอิลิตออกไปก่อน แล้วอีกห้านาทีถึงปล่อยตัวนักวิ่งทั่วไป (ผู้จัดงานคงกลัวนักวิ่งไปเกะกะอิลิตจนทำเวลาได้ไม่ดี) งานนี้มีคัตออฟแรกที่โล ๓๔ คำนวณแล้วต้องวิ่งไม่เกินเพซ ๘.๓๐ คัตออฟสองที่โล ๓๙ ต้องไม่เกินเพซ ๘ หลังจากนั้นคัตออฟที่เส้นชัย ตัดที่เวลารวมหกชั่วโมง ก็พยายามวิ่งคุมเพซตามแผนที่วางไว้ คือ ไม่เกินเพซ ๗ กะว่าตุนเวลาเก็บเอาไว้หน่อย ถ้าช่วงท้ายแรงหมดหรือมีเหตุต้องผ่อนต้องเดินก็ยังไม่ต้องลุ้นมาก

วิ่งระวังตัวมาจนถึงสิบโลนิด ๆ ยังรู้สึกดี อาการเจ็บเข่าที่เจอมาตลอดสี่งานหลังสุดยังไม่มีอาการเลย มาถึงจุดกลับตัวโลที่ ๑๘ วิ่งวนกลับมาเจอ pacer ห้าชั่วโมงวิ่งตามมาถึงเพิ่งรู้สึกตัว เฮ้ย ถ้าวิ่งได้ประมาณนี้ไปเรื่อย ๆ จนจบนี่ได้ sub 5 nicely เลยนะมึง ทีนี้ก็ตั้งเป้าเลย จะเอา sub 5 กลับไปฝากท่านประธานพดด้วงที่นอนยิ้มอยู่ในหลุมซะหน่อย

ถึงโลที่ ๒๐ เติมเจลครั้งแรกตามที่วางแผนไว้ ไม่อยากชนกำแพงหมดสภาพเหมือนที่นักวิ่งหลายคนเคยเจอ แม่งเป็นไงก็ไม่รู้ แต่ขออย่าเจอเป็นดีที่สุด มาถึงโลที่ ๒๒ เริ่มมีอาการขาตึง ๆ เลยหยุดพักเหยียดน่องนิดนึง ดูเวลาแล้วยังสบาย ๆ

พอมาถึงโล ๒๖ – ๒๗ แม่งเริ่มไม่สบายแล้ว ต้องแวะหยุดยืดเหยียดทุกจุดให้น้ำ จนถึงโลที่ ๓๐ อยู่บนทางคู่ขนานลอยฟ้าหน้าห้างพาต้าเติมเจลครั้งที่สอง ดูเวลา เริ่มช้าลงแต่ยังทัน sub 5 และมั่นใจว่าวันนี้กูจบแน่ ๆ เหลืออีกแค่ ๑๒ โล จากจุดนี้เดินไปจนถึงเส้นชัยยังทันเลย ขอแค่อย่าเจ็บ อย่าชนกำแพงเท่านั้นเอง

วิ่งมาถึงสะพานพระราม ๘ ขาลง โอ้โห ผลจากการฝึกดาวน์ฮิลมาแม่งช่วยได้จริงว่ะ มั่นใจขึ้นมาก ดาวน์ฮิลลงสะพานมาสวย ๆ เลย แล้วเลี้ยวซ้ายไปเข้าจุด check point แรกโลที่ ๓๔ ตรงบริเวณอนุสาวรีย์พระบรมรูปทรงม้า ดูเวลาแล้ว กำลังใจมา

แต่ก็นั่นแหละครับพี่น้องครับ ชีวิตนี้ถ้าอะไรมันเป็นอย่างที่คิดเสมอไป Murphy’s Law แม่งก็คงไม่โด่งดังทั่วโลกมาจนถึงทุกวันนี้นะครับ จากที่กลัวว่าจะเจ็บ จะชนกำแพง ไม่เลยครับ วิ่งมาถึงโลที่ ๓๖ เจอตะคริวครับ วิ่งมาหลายปี ไม่เคยเป็นตะคริว มาเป็นเอาวันที่จะทำเวลาไปฝากพดด้วงนี่แหละ จังหวะที่มานี่วางเท้าซ้ายลงไปจี๊ดมาที่น่องซ้ายเลย ตัวนี่เกือบทรุด ยังดีที่นักวิ่งที่ตามมาเขาหยุดทัน

จากที่คิดว่ายังมีลุ้น sub 5 พอตะคริวมานี่เกมเปลี่ยนเลย ดีที่ตุนเวลาเอาไว้เยอะ คำนวณใหม่เหลืออยู่หกโล เดินไป check point สอง ที่โล ๓๙ ก็ยังทัน จากนั้นถ้าต้องเดินเข้าเส้นชัยก็ยังได้อยู่ ก็เลยอุ่นใจหน่อย ก็เดินสลับวิ่งมาเรื่อย ๆ วิ่ง ๆ ไปพอตะคริวจะมาก็หยุดเดิน เดินไปสักพักอาการดีขึ้นก็วิ่งต่อ มาอย่างนี้จนถึงสะพานผ่านฟ้า ข้ามถนนมาหน้าโลหะปราสาท โอ้โห ช่างภาพเรียงกันเป็นตับ ยิงกันรัว ๆ ไม่ได้ จะมีรูปกูเดินหมดสภาพไม่ได้ กัดฟันวิ่งเหยาะมาตลอดทาง กะว่าพอช่างภาพซาแล้วค่อยเดิน ที่ไหนได้ แม่งนั่งเรียงกันยาวไปจนเข้าเส้นชัยโน่น ดีที่ไม่หมดสภาพไปซะก่อน

Bangkok Midnight Marathon 2019 route

งาน Bangkok Midnight Marathon 2019 มีทั้งข้อดีและข้อไม่ดี แต่ถ้าอ่านจากใน fb นึกว่าไปกันคนละงาน เพราะนักวิ่งถล่มกันยับ!! แต่หลายเรื่องตัวเองไม่โดน หลายเรื่องเจอแต่ไม่ได้รู้สึกว่าเป็นเรื่องใหญ่อะไร และบางเรื่องที่เจอแม่งไม่ดีจริง ๆ ก็มี

งานนี้สิ่งที่พอใจมากนอกเหนือจากการเข้าเส้นชัยได้ทันเวลาก็คือ ไม่เจ็บเข่าเลย แสดงว่าการบอดี้เวตที่ผ่านมาแม่งได้ผลเว้ย รวมถึงการซ้อมดาวน์ฮิลก็ได้ผลอีกเหมือนกัน นี่ค่อยเป็นกำลังใจให้ขยันซ้อมได้หน่อย

สุดท้าย สำหรับภารกิจทดสอบ apple watch series 3 ในที่สุดก็หายคาใจซะทีว่า ใส่ apple watch วิ่งฟูลได้มั้ย?

สรุปว่า ได้ครับ ตอนออกสตาร์ตมีแบตอยู่ ๙๔% เปิดโนติฯ ตามปกติทุกอย่าง แต่ไม่ได้ฟังเพลงระหว่างวิ่งนะ วิ่งเสร็จห้าชั่วโมงกว่าแบตเหลืออยู่ ๕๔% ตามภาพ เพราะฉะนั้นใครที่สนใจ apple watch แต่ยังลังเล ก็สบายใจได้เลย แบตอยู่ถึงแน่นอน และถ้าอยากได้ข้อมูลเพิ่มเติมเรื่องอะไร เดี๋ยวมารีวิวกันอีกที

สวัสดีครับ… ❤

Apple Watch battery after running a marathon

ประสบการณ์งานวิ่งจอมบึงมาราธอน ครั้งที่ ๓๔

เหรียญและเสื้อ Finisher งานจอมบึง ครั้งที่ ๓๔

เพิ่งไปวิ่งฟูลมาราธอนแรกที่จอมบึงมาราธอนมาเมื่อวันอาทิตย์ นั่งไล่เรียงสิ่งที่ข้าพเจ้าพบเห็นและสิ่งได้ยินได้ฟังจากผู้ประสบเหตุเอามาสรุปให้กัน เผื่อเป็นข้อมูลสำหรับใครที่จะไปปีหน้า (รวมทั้งคณะผู้จัดงานถ้าเกิดผ่านมาเห็น) ไม่รู้ว่าแบบนี้จะเรียกรีวิวมั้ย

๑. เริ่มที่การสมัครก่อนเลย งานจอมบึงถือเป็นงานใหญ่ระดับประเทศ มีนักวิ่งสนใจไปวิ่งจำนวนมากและมากขึ้นทุกปี (ได้ยินว่าปีนี้ปาเข้าไปถึงหมื่นห้าพันคน) แต่คนสมัครเยอะกว่านั้นอีกมาก แต่ไม่ต้องรีบ เพราะไม่ได้ใช้วิธีมาก่อนได้ก่อนแต่ใช้การสุ่มเลือก หรือที่เรียกสั้น ๆ ว่า ล็อตโต้ (Lotto) ซึ่งถ้าไม่มีเส้น หรือไม่ได้เป็นแวดวงสปอนเซอร์ก็หมั่นสะสมแต้มบุญเก็บไว้เยอะ ๆ ทำบุญบริจาคอะไรบ้างเพื่อว่าเวลาสุ่มขึ้นมาจะได้มีชื่อเราติดกลุ่มไปด้วย

แต่เพื่อความไม่ประมาท ใครที่รู้ตัวว่าไม่ค่อยมีดวงด้านนี้ก็ยังมีอีกวิธี (ซึ่งก็ไม่รู้ว่าปีหน้าจะยังมีอยู่มั้ยนะ ต้องคอยติดตามข่าวเอา) คือ หลังจากที่สมัครงานจอมบึงไปแล้วและยังไม่ประกาศผลล็อตโต้ จะมีงานวิ่งอีกงานของจอมบึง ชื่อว่า งานวิ่งฮาล์ฟมาราธอนโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช จอมบึง ซึ่งในปีที่ผ่านมาจัดเป็นครั้งแรกและก็คงมีคนสมัครน้อย ก็เลยมาจัดโปรโมชั่น ใครที่สมัครฟูลฯ งานจอมบึงเอาไว้ถ้ามาวิ่งฮาล์ฟงานนี้จบภายใน ๒:๔๕ ชั่วโมง ได้โควต้าไปฟูลฯ จอมบึงแน่นอน

นั่นแหละ แต่ด้วยความที่งานนี้ปีที่แล้วจัดได้ดีมาก (อ่านรีวิวได้ที่นี่นะ ประสบการณ์งานวิ่งฮาล์ฟมาราธอนโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช จอมบึง ราชบุรี ๒๕๖๑ ) กระแสตอบรับดีสุด ๆ ก็เลยไม่รู้ว่าปีนี้จะมีโปรฯ อย่างปีที่แล้วอีกรึเปล่า ต้องคอยติดตาม facebook ของงานดูนะ

๒. ที่พัก บอกเลยหายากสัส ๆ เพราะคนไปเป็นหมื่นอย่างที่บอก เพราะงั้นใครที่ฟันธงว่าจะไปแน่ ๆ พอรู้วันจัดงานแล้วรีบจองรีบจ่ายมัดจำเลย ไม่ต้องกลัว ถ้าไม่ได้ล็อตโต้มีคนรับต่อแน่นอน แต่ปีนี้เห็นคนมาให้ข้อมูลว่ามีคนในพื้นที่ชิงเหมาห้องเก็บไว้ก่อนแล้วมาปล่อยทำกำไรกันด้วย ถ้าเป็นงานบุรีรัมย์ กูจะฟ้องลุงเน แต่งานนี้ไม่รู้จะฟ้องใคร เพราะฉะนั้นก็เล็งกันดี ๆ ส่วนใครที่กะไปนอนเต๊นต์ก็เผื่อใจไว้นิดนึง คนมันเยอะ ร้อยพ่อพันแม่ มีเสียงดัง มีกินเหล้า อาจทำให้นอนไม่หลับได้ ต้องประเมินตัวเองดู

๓. การรับบิบ เลือกได้ว่าจะให้ส่งไปรษณีย์หรือมารับเอง จากประสบการณ์แนะนำว่า ถ้ามีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง ไม่เคยมีประวัติของที่ส่งมาหาย ก็ให้เขาส่งไปรษณีย์มาเถอะ ยอมเสียค่าส่งไป เพราะบรรยากาศวันรับบิบวุ่นวายชิบหาย ต้องไปเข้าคิวเอาเลขก่อนแล้วมารอเรียกอีกที เสียงก็ดังฟังไม่รู้เรื่อง ยอมเสียเงินค่าส่งไปรษณีย์ไปเหอะ อย่ามาปวดหัว ใช้เงินแก้ปัญหา สวย ๆ

๔. ที่จอดรถ ปีนี้มีที่จอดรถ ๑๕ จุด แต่ที่จอดในราชภัฏจอมบึงขนาดไม่ใหญ่ จุได้ไม่มากและส่วนมากก็เต็มเร็ว เพราะคนที่นอนเต๊นต์ก็จะรีบมาจองที่จอดกัน การจอดรถในราชภัฏต้องระวัง “ลิง” แม่งอย่างเยอะ แล้วมันไม่อยู่นิ่ง มีขึ้นไปนั่งบนหลังคาบนฝากระโปรงรถ มีบางตัวแม่งซนไปดึงเสาอากาศ ที่ปัดน้ำฝนเล่นด้วย ใครจะจอดตรงไหนก็ระวังด้วย

ส่วนใครที่เล็งจุดจอดนอกราชภัฏ ต้องระวังเรื่องรถรับส่งที่จะพาไปจุดสตาร์ต เพราะปีนี้มีนักวิ่งหลายคนที่มาจุดสตาร์ตไม่ทันเวลาปล่อยตัวอันเนื่องมาจากรถรับส่งมาช้า บางคนรออยู่เกินครึ่งชั่วโมงก็มี เพราะฉะนั้นถ้าจะให้ดี หาที่พักใกล้ ๆ งานแล้วเดินมาก็จะลดความเสี่ยงไปได้ แค่วิ่งก็เหนื่อยแล้ว อย่ามาเหนื่อยลุ้นไปให้ทันวิ่งอีกเลย

๕. การปล่อยตัว ระยะฟูลฯ ตรงเวลา ไม่เลต มีแยกบล็อกนักวิ่ง A B C D E แต่ก็นั่นแหละ เขากั้นไว้แล้วก็ยังมีแทรก มีมุด ขยับมาอยู่หน้า ๆ กัน

๖. อุโมงค์น้ำ ปล่อยตัวมาได้ไม่เกิน ๒๐๐ เมตร มีอุโมงค์น้ำ ไม่รู้จะรีบไปไหน เพิ่งปล่อยตัว เวลาตีสี่ ยังไม่ร้อน แต่ตอนจะเข้าเส้นชัยแม่งวิ่งปิ้งย่างมาตั้งนาน น่าจะเอาอุโมงค์น้ำมาไว้ตรงนี้

๗. เส้นทางวิ่ง วิ่งถนนลาดยาง มีบางจุดอาจจะขรุขระบ้างตามสภาพถนนเมืองไทยอ่ะนะ อันนี้เข้าใจไม่ว่ากัน บางจุดอาจจะมีไฟสลัว ๆ เห็นมีบางคนติเรื่องนี้ แต่โดยส่วนตัวไม่ติดใจ วิ่งไปมีเนินซึม ๆ ยาว ๆ พอให้ได้ออกกำลังขาเปลี่ยนบรรยากาศ แต่พอช่วงสายแดดออกนี่ปิ้งย่างกันยาวเลย ใครกลัวแดดเตรียมทากันแดดหรือปลอกแขน ผ้าบัฟไปด้วย

๘. จุดให้น้ำ เกลือแร่ ผลไม้ ถี่ยิบ นี่ต้องชม ปกติงานอื่นเขามีทุกสองกิโลฯ นี่บางช่วงแทบจะทุกกิโลฯ เพราะนอกจากของงานแล้วยังมีของพี่ป้าน้าอา ของผู้ใหญ่บ้านมาตั้งจุดแจกด้วย มีพี่ผู้หญิงมาตั้งโต๊ะแจกกล้วยแขกมันทอดด้วย ขอบคุณมากครับพี่ ๆ

๙. กองเชียร์ เรื่องนี้เป็นจุดเด่น จุดขายของงานจอมบึงมาตลอด ที่อยากไปจอมบึงส่วนนึงก็เพราะเสียงร่ำลือเรื่องนี้แหละ แต่ไปเจอจริง ๆ แล้วไม่รู้เหมือนกันแฮะ แล้วแต่ความคิดแต่ละคนก็แล้วกันนะ แต่ขอบคุณน้อง ๆ กองเชียร์มาก ๆ ครับ

๑๐. ทีมเจ้าหน้าที่การแพทย์ จัดเต็มมาก มีสเปรย์ มีครีมพร้อม มีทีมช่วยนวดเยอะมาก ที่จบมาได้นี่ต้องขอบคุณทีมนวดเป็นพิเศษ ขอบคุณทีมนวดทุกจุดมากครับ

๑๑. คัตออฟ งานปีนี้ขยับเวลาคัตออฟเป็น ๗ ชั่วโมง เป็นดราม่าในโลกออนไลน์ทั้งก่อนแข่งและหลังแข่ง ส่วนตัวไม่เห็นด้วยกับกรณีที่ทีมงานผู้จัดขนนักวิ่งขึ้นรถมาปล่อยให้วิ่งต่อให้ทันคัตออฟ และได้รับเหรียญรับเสื้อ Finisher อยากให้เป็นงานที่ได้มาตรฐานจริง ๆ คัตออฟก็คัตออฟสิวะ วิ่งไม่จบ โดน DNF มันก็เป็นเสน่ห์ เป็นความท้าทายให้กลับมาใหม่นะ

๑๒. การรับเหรียญรับเสื้อ Finisher หลังเข้าเส้นชัย โอเค แต่คูปองอาหารไม่โอเค ไม่มีป้ายหรือสัญลักษณ์บอก แทบไม่เห็น

๑๓. อาหารหลังงาน มีเยอะ อันนี้ดี ไม่มีปัญหา แต่สลัดหมด เอาคูปองไปแลกอย่างอื่นก็ไม่ได้ เลยไม่ได้ใช้ไปหนึ่งใบ แต่สถานที่ตรงซุ้มอาหารเล็กไปนิดเมื่อเทียบกับจำนวนนักวิ่งและร้อน

๑๔. ไม่มีป้ายบอกจุดปริ้นต์ผลการแข่งขัน นึกว่าต้องไปปริ้นต์จากเน็ต จนเห็นคนเดินถือมาต้องถามถึงรู้ว่ามี

๑๕. เรื่องความสวยงามของเสื้อและเหรียญ อันนี้นานาจิตตัง ไม่ได้ซีเรียสกับเรื่องนี้ แต่เจอปัญหาเสื้อวิ่งบาดหัวนมเลือดซิบ พลาดเองที่ลืมป้ายวาสลีนมา

๑๖. ขอจบด้วยเรื่องไฮไลต์ส่วนตัวที่เป็นสาเหตุให้อยากไปฟูลที่จอมบึง คือ มีหลวงพ่อมาพรมน้ำมนต์ให้นักวิ่งที่ระยะ ๒๑ โล ตอนแรกฟังคุณภรรยาเล่าถึงงานจอมบึงก็เฉย ๆ พอเล่ามาถึงว่ามีหลวงพ่อมาพรมน้ำมนต์ด้วยนะ กูซื้อเลย!! ปักธงเลยว่า ฟูลแรกกูต้องที่นี่ ตอนวิ่งมาเจอหลวงพ่อนี่ขอสองรอบเลย รับรอบแรกก่อนแล้วย้อนกลับมาให้น้องนวดเข่า แล้วกลับไปรับน้ำมนต์อีกรอบ สบายใจ

พอล่ะนะ ยาวเกินไปแล้ว ถ้านึกอะไรออกค่อยมาเติมเพิ่มอีกทีละกัน เลิฟ เลิฟ ❤

ประสบการณ์วิ่งงานเขาชะโงกซูเปอร์ฮาล์ฟมาราธอน ๒๕๖๑

เขาชะโงก ซูเปอร์ฮาล์ฟ มาราธอน ๒๕๖๑

วันอาทิตย์ที่ ๔ พฤศจิกายนที่ผ่านมาไปวิ่งงานเขาชะโงกซูเปอร์ฮาล์ฟมาราธอนมาครับ งานนี้จัดที่โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า (นายร้อยจ.ป.ร.) ที่เขาชะโงก นครนายก

งานนี้เป็นงานอินดี้มาก เริ่มตั้งแต่ระยะทาง มี ๑๐ ๑๖ และ ๓๒ กิโลเมตร นอกจากระยะแรกแล้ว ระยะที่เหลือจะฮาล์ฟก็ไม่ฮาล์ฟ จะฟูลก็ไม่ฟูล ก้ำกึ่งมันหยั่งงี้แหละ ต่อมาก็คือ วิธีการสมัคร งานอื่นเขาสมัครผ่านเว็บบ้าง สมัครตามสถานที่ที่กำหนดบ้าง งานนี้สมัครทาง inbox ของ facebook 5555 เอากับเขาดิ (จริง ๆ ก็มีให้สมัครตามสถานที่นะ แต่ถ้าช่วงแรกสมัครทาง inbox อย่างเดียว) แล้วในเพจไม่มีอะไรบอกทั้งนั้น ต้องไล่อ่านเอา คลำทางเอาเอง ประมาณว่าถ้าอยากมาพี่ต้องพยายาม 5555

จุดเด่นของงานนี้ที่น่าจะเป็นที่สุด ยังไม่เห็นที่งานไหน (ถ้ามีก็ขออภัย ฝากแจ้งมาด้วยนะครับ) คือ เป็นงานเดียวที่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พระราชทานถ้วยรางวัลและมาพระราชทานถ้วยรางวัลด้วยพระองค์เอง และได้มีการอัญเชิญพระบรมฉายาลักษณ์ของท่านไว้ที่เหรียญที่มอบให้กับนักวิ่งที่เข้าเส้นชัยทุกคน และที่เสื้อนักวิ่งยังมีภาพลายเส้นฝีพระหัตถ์ นอกจากนี้ นักวิ่งยังสามารถเฝ้ารับเสด็จพระองค์ได้อย่างใกล้ชิดอีกด้วย

เขาชะโงก ซูเปอร์ฮาล์ฟ มาราธอน ๒๕๖๑

ในขณะที่เส้นทางวิ่งระยะ ๓๒ กิโลเมตรของงานนี้ก็ขึ้นชื่อเลื่องลือกันมากว่า หากผ่านเนินที่งานนาวิกฯ มาแล้ว ก็สมควรมาลองเนินเขาชะโงกดูบ้าง

ด้วยเหตุผลหลายประการที่ว่ามา ทำให้มีนักวิ่งมาเข้าร่วมงานนี้กว่า ๑๕,๐๐๐ คน มากที่สุดตั้งแต่ที่เคยจัดมา แม้จะจัดชนกันกับงานบางแสน ๔๒ ซึ่งเป็นงานใหญ่ระดับประเทศอีกงานนึงก็ตาม

จากที่ได้ไปวิ่งมา ขอคอนเฟิร์มว่า เส้นทางวิ่งของงานนี้ดีจริง ปล่อยตัวมาได้สองกิโลฯ ก็เจอเนินแรก เนินชัน ๆ ยาว ๆ พอขึ้นสุดขาลงก็ลงกันยาว ๆ ติดเบรคกันน่าดู แต่เนินแรกนี่ยังไม่เท่าเนินสอง ตรงก่อนถึงจุดให้น้ำกิโลฯ ที่ ๑๔ เป็นช่วงวิ่งขึ้นเขาฝาละมี (ในแผนที่ชื่อนี้จริง ๆ ไม่ได้ตั้งเอง) จุดนี้แรงดึงดูดเป็นศัตรูกับเรามาก ออกแรงมากแต่ทำไมตัวมันเหมือนไม่ไปข้างหน้าเลยวะ? พอพ้นเนินก็ถึงจุดให้น้ำพอดี ขอบคุณพี่ ๆ มาก (ดูกราฟความชันได้จากภาพประกอบนะครับ)

เขาชะโงก ซูเปอร์ฮาล์ฟ มาราธอน ๒๕๖๑

พูดถึงจุดให้น้ำ นี่เป็นอีกเรื่องที่ต้องชมเพราะมีอยู่ตลอดทาง ไม่ขาด หลายจุดมีแตงโมให้บริการด้วย

การปิดถนนของงานนี้ ยิ่งกว่า ๑๐๐% อีก ปีอื่นเป็นแบบนี้หรือเปล่าไม่รู้ แต่ปีนี้อาจจะเป็นเพราะมีเจ้านายมาร่วมวิ่งด้วย เลยมีอาสาสมัคร เจ้าหน้าที่มูลนิธิ ตำรวจ นักเรียนนายร้อย ยืนคุมตลอดเส้นทาง ยืนคุมหน้าบ้านทุกบ้านเลย ปลอดภัยแน่นอน

งานนี้เนื่องจากผู้จัดไม่ใช่บริษัทมืออาชีพ หลายอย่างในงานก็อาจจะไม่ครบถ้วนหรือตกหล่นไปบ้าง ก็อยู่ที่ว่าใครจะซีเรียสกับเรื่องไหน เช่น งานนี้ไม่มีชิปจับเวลานะครับ นักวิ่งต้องจับเวลาเอาเอง จะใช้นาฬิกาหรือโทรศัพท์มือถือก็ตามสะดวก pacer ก็ไม่มีนะครับ อยากจบเวลาเท่าไหร่นักวิ่งคุมเพซเอาเอง ต้องกระตุ้นตัวเอง

ใครที่อยากมีภาพเยอะ ๆ วิวสวย ๆ งานนี้อาจผิดหวัง เพราะช่างภาพส่วนมากมาตั้งกล้องรออยู่ในบริเวณโรงเรียนนายร้อยที่กิโลฯ ๒๗ – ๒๘ (ของระยะ ๓๒ โล) ไปแล้ว ทำให้วิวถ่ายกับภูเขา ท้องนา พวกนี้ไม่น่าจะมี ยกเว้นจะถ่ายกันเอง

อีกเรื่องคือ อาหารหลังงานเหมือนจะมีน้อยไปหน่อย นักวิ่งระยะ ๓๒ โลเข้าเส้นชัยมาก็แทบไม่เหลืออะไรแล้ว

อย่างที่บอกข้างต้นว่า เรื่องพวกนี้อยู่ที่ว่าใครจะซีเรียสกับเรื่องอะไร ถ้าดูแล้วว่าประเด็นพวกนี้เราไม่ซีเรียส ก็ถือเป็นงานที่อยากแนะนำให้มาวิ่งกันครับ

คำแนะนำสำหรับคนที่จะมาก็คือ ซ้อมให้ถึง ถ้าเป็นไปได้ก็ซ้อมเนินมาด้วยครับ จะดีมาก

เขาชะโงก ซูเปอร์ฮาล์ฟ มาราธอน ๒๕๖๑

คำแนะนำนี้ได้มาด้วยประสบการณ์ตรงของผมเอง ก่อนมางานนี้ก็ซ้อมลองรันระยะนี้มาแล้วมั่นใจว่าเอาอยู่แน่นอน แต่ไม่ได้ซ้อมเนินมาเลย เพราะไม่รู้จะไปซ้อมที่ไหน

ตอนวิ่งจริงเวลาถือว่าใช้ได้ (สำหรับตัวเอง) ๒๔ โลแรกเพซเฉลี่ยอยู่ที่หกต้น ๆ แต่พอขึ้นเนินสุดท้ายช่วงปลายโล ๒๔ เกิดเจ็บเข่าขวาแปล๊บบบบบขึ้นมาอยู่ก่อนถึงจุดให้น้ำนิดเดียว ถามถึงสเปรย์ที่จุดให้น้ำ ไม่มี ชี้ไปที่จุดแพทย์พยาบาลที่อยู่ถัดไปอีกนิด ค่อย ๆ เดินไปปรากฏว่า สเปรย์หมด ได้ครีมมาแทน เอาก็เอาวะ ทาครีมแล้วนวดต่ออาการเหมือนจะดีขึ้น ลองจ็อกเบา ๆ ก็ไม่ไหว อาการแปล๊บมาทุกครั้งที่ลงเท้าขวา

เหลืออีกเจ็ดโลจะถึงเส้นชัย เอาไงดี กูมาขนาดนี้แล้ว ไม่ DNF แน่นอน เดินเอาก็ได้วะ ช่วงแรก ๆ ที่เดินปวดใจมากที่เห็นเพื่อนนักวิ่งแซงเราไปทีละคน ทีละคน แต่แค่แป๊บเดียวก็เปลี่ยนมาโฟกัสกับการเดินของตัวเอง

เดิน ๆ อยู่เหมือนอาการจะดีขึ้น ลองจ็อกดูก็ไม่ไหว ต้องเดินต่อ แม่งเริ่มสายแล้วด้วย แดดก็แรง ไปเร็วก็ไม่ได้ เดินจนมาเข้าประตูโรงเรียนนายร้อย โอ้โห รถติดกันยาววววว นักวิ่งที่เข้าเส้นชัยแล้วเริ่มทยอยกลับ เราก็เดินเขยก ๆ ไป เพื่อนนักวิ่งก็แซงไป หลายคนให้กำลังใจ บอกอีกนิดเดียว (มีหลายคนที่ผมขอบคุณไม่ทัน ขออนุญาตขอบคุณไว้ตรงนี้นะครับ) แล้วพวกช่างภาพก็มาอยู่กันแต่ตรงนี้นะ ตอนกูวิ่งดี ๆ นี่ไม่มีเลย พอกูเดี้ยงล่ะมีเพียบ

เดินต่อมาจนเข้าเส้นชัย ดูเวลาแล้วก็เสียดาย ถ้าไม่เดี้ยงคงสนุกกว่านี้ แต่ถ้ามองในแง่ดี นี่เป็นเจ็ดกิโลฯ ที่ได้อยู่กับตัวเองล้วน ๆ โฟกัสอยู่กับการเดินทีละก้าว ไม่ได้คิดถึงอะไรอย่างอื่นเลย ไม่มีความรู้สึกท้อ ไม่ได้เร่งอยากจะให้ถึงเร็ว ๆ แปลกดี

ถ้าให้สรุปประสบการณ์ครั้งนี้ น่าจะเป็น “เหมือนจะชนะแต่แพ้ เหมือนจะแพ้แต่ชนะ”

เจอกันงานหน้าครับ… ❤

เขาชะโงก ซูเปอร์ฮาล์ฟ มาราธอน ๒๕๖๑

ทำไมใคร ๆ ก็อยากจะไป Boston Marathon

ก่อนการแข่งขัน 2018 Boston Marathon จะเริ่มขึ้นในคืนนี้ (ประมาณสี่ทุ่ม เวลาในประเทศไทย) ลองมาดูกันว่า ทำไมใครต่อใครถึงอยากไปกันนัก ไอ้ Boston Marathon เนี่ย

คำตอบสั้น ๆ ก็คือ รายการนี้เป็นหนึ่งในหกการแข่งขันมาราธอนรายการใหญ่ของโลก (โตเกียว / บอสตัน / ลอนดอน / เบอร์ลิน / ชิคาโก / นิวยอร์ก) และเป็นรายการที่จัดแข่งมานานที่สุดในโลกคือ ร้อยกว่าปีแล้ว (ปีนี้เป็นครั้งที่ ๑๒๒)

เรียกว่า สนามนี้แม่มโคตรขลัง

อีกอย่างที่ทำให้ใครต่อใครที่ได้ไปวิ่งรายการนี้ภาคภูมิใจก็คือ การจะลงแข่งได้ต้องไปด้วย “ลำแข้ง” ของตัวเองโดยแท้ (ไม่นับพวกสปอนเซอร์ที่ได้สิทธิ์พิเศษนะ) ด้วยการส่งสถิติเวลาการวิ่งของตัวเองจากสนามที่ทาง AIM (Association of International Marathons and Distance Races) และ IAAF (International Association of Athletic Federations) รับรอง เพื่อไปจัดอันดับและตัดตัว ซึ่งเวลาที่ว่านี้ไม่ง่ายเลย

มาดูเวลาของปีนี้กัน ในส่วนของผู้ชาย ต้องทำเวลาได้อย่างช้าที่สุดตามนี้

อายุ ๑๘ – ๓๔ -> ๓:๐๑:๓๗ ชั่วโมง
๓๕ – ๓๙ -> ๓:๐๖:๓๗ ชั่วโมง
๔๐ – ๔๔ -> ๓:๑๑:๓๗ ชั่วโมง
๔๕ – ๔๙ -> ๓:๒๑:๓๗ ชั่วโมง
๕๐ – ๕๔ -> ๓:๒๖:๓๗ ชั่วโมง
๕๕ – ๕๙ -> ๓:๓๖:๓๗ ชั่วโมง
๖๐ – ๖๔ -> ๓:๕๑:๓๗ ชั่วโมง
๖๕ – ๖๙ -> ๔:๐๖:๓๗ ชั่วโมง
๗๐ – ๗๔ -> ๔:๒๑:๓๗ ชั่วโมง
๗๕ – ๗๙ -> ๔:๓๖:๓๗ ชั่วโมง
๘๐+ -> ๔:๕๑:๓๗ ชั่วโมง

ส่วนเวลาของผู้หญิงก็ต้องได้อย่างช้าตามนี้

อายุ ๑๘ – ๓๔ -> ๓:๓๑:๓๗ ชั่วโมง
๓๕ – ๓๙ -> ๓:๓๖:๓๗ ชั่วโมง
๔๐ – ๔๔ -> ๓:๔๑:๓๗ ชั่วโมง
๔๕ – ๔๙ -> ๓:๕๑:๓๗ ชั่วโมง
๕๐ – ๕๔ -> ๓:๕๖:๓๗ ชั่วโมง
๕๕ – ๕๙ -> ๔:๐๖:๓๗ ชั่วโมง
๖๐ – ๖๔ -> ๔:๒๑:๓๗ ชั่วโมง
๖๕ – ๖๙ -> ๔:๓๖:๓๗ ชั่วโมง
๗๐ – ๗๔ -> ๔:๕๑:๓๗ ชั่วโมง
๗๕ – ๗๙ -> ๕:๐๖:๓๗ ชั่วโมง
๘๐+ -> ๕:๒๑:๓๗ ชั่วโมง

คนจัดงานนี่มึงซาดิสม์หรือเปล่า? คนเฒ่าคนแก่ก็ยังไม่เว้น ขนาดคนวัยเพิ่งเกษียณยังต้องวิ่ง sub 4 แล้วคนแก่อายุ ๘๐ เนี่ยยังต้องมาควอลิฟายด้วยเหรอ ให้คุณปู่คุณย่าเขาลงได้เลยไม่ได้เหรอวะ

ด้วยเหตุนี้นะครับ ใครต่อใครก็เลยอยากไป Boston Marathon กัน และปีนี้มีคนไทยที่ได้ลงแข่งทั้งหญิงและชายรวม ๑๔ คนด้วยกัน

สำหรับตัวเอง พอเห็นเวลาควอลิฟายแล้วยิ้มเลย บอกได้เลยว่า ไม่กังวล

เพราะที่กังวลอยู่ตอนนี้คือ กูจะวิ่งให้จบฟูลฯ ได้ยังไง อย่าเพิ่งมาพูดกันเรื่องเวลา…

หมายเหตุ รายการมาราธอนของไทยที่ใช้ยื่นสมัคร Boston Marathon ได้เท่าที่ลองเช็กมามีหกรายการ คือ จอมบึงมาราธอน กรุงเทพมาราธอน ขอนแก่นมาราธอน ลากูนาภูเก็ตมาราธอน บางแสนมาราธอน และบุรีรัมย์มาราธอน ใครอยากไป Boston ปีหน้าก็จัดเต็มในหกรายการนี้ได้เลยครับ 🙂

รีวิวรองเท้าวิ่ง Pan Predator Marathon

Pan Predator Marathon Left

เรื่องมันเริ่มตรงที่เปิดดู facebook แล้วมีโพสต์ของเพจวิ่งเพจนึงโผล่ขึ้นมา เป็นโพสต์เกี่ยวกับงานวิ่ง แต่ที่แปลกออกไปก็คือ รูปที่โพสต์มีแต่รูปรองเท้าล้วน ๆ เต็มที่ก็สูงขึ้นมาถึงแค่หน้าแข้ง ไม่เห็นหน้าคนใส่ว่าสวยหล่อแค่ไหน แต่บอกว่า ทุกยี่ห้อที่รุ่นที่โพสต์มาวิ่งจบระยะฟูลมาราธอนมาแล้ว

เราก็ไถดูไปเรื่อย ๆ ยี่ห้อดัง ๆ ที่คนนิยมมีมาครบ ทั้ง nike adidas asics on saucony ฯลฯ สารพัดรุ่น แล้วก็มาเจอคู่นึง ดูแล้วไม่คุ้นเลย ก็เลยกดไปดูคอมเมนต์จะดูว่ายี่ห้ออะไร

แล้วก็เซอร์ไพรส์ที่เป็นยี่ห้อ Pan

ที่ว่าเซอร์ไพรส์ก็เพราะเมื่อสองสามปีก่อนอ่านเจอข่าวผ่านตาว่า Pan ปิดโรงงาน ตอนนั้นเข้าใจว่าเลิกทำยี่ห้อนี้ไปเลย ไม่มีอีกแล้ว ตอนนั้นยังเสียดายอยู่เลย เพราะรองเท้าแบดมินตันของ Pan นี่เจ๋งมาก แล้วก็ไม่เคยได้ข่าวคราวอีก ไม่เคยเดินดูตามห้างด้วย ก็นึกว่าเลิกไปแล้วจริง ๆ

หลังจากนั้นก็ลองเสิร์ชดูว่า รุ่น Predator Marathon นี่มันมีดียังไงบ้าง แต่เจอน้อยมาก แทบไม่มีรีวิวเลย แต่ไปเจอข้อมูลว่า มีนักวิ่งเคนยาใส่รองเท้ารุ่นนี้วิ่งชนะฟูลมาราธอนในงาน Bangkok Marathon เมื่อปี ๒๐๑๕

เฮ้ยยยยยยยย หยั่งงี้มันก็ไม่ธรรมดาดิ ไม่ใช่แค่พาวิ่งจบระยะฟูลธรรมดา แต่คว้าแชมป์มาแล้วด้วย

ข้อมูลที่เจอเพิ่มบอกว่า น้ำหนัก ๒๑๕ กรัม ตอนนั้นอ่านแล้วคิดในว่า แม่งโม้หรือเปล่า น้ำหนักแค่นี้นี่ถือว่าโคตรเบาเลยนะ แล้วอีกเรื่องที่เพิ่มความน่าสนใจให้สูงขึ้นไปอีกคือ ราคา

คู่ละสองพันนิด ๆ เอง!!!

ตอนนั้นก็เลยตัดสินใจว่า เอาวะ ไปลองใส่ดู ถ้าไม่เลวร้ายก็ซื้อมาลองดู ขำ ๆ ถ้าไม่เวิร์กก็ไม่เสียดายมาก แต่ถ้าเวิร์กนี่มีเฮเลยนะ

ไปเจอที่ซูเปอร์สปอร์ต เซ็นทรัล ปิ่นเกล้า มีสีเหลืองที่อยากได้ด้วย จริง ๆ ตอนนั้นมีรุ่นใหม่ออกมาแล้ว ชื่อว่า Pan Predator Ace แต่ว่าไม่รู้ไง ก็เลยลองแต่รุ่นนี้ แล้วอีกอย่างชอบสีของรุ่นนี้ด้วย รุ่น Ace มันสีทูโทน มันไม่โดน

ความรู้สึกแรกที่ลองคือ มันเบาจริงว่ะ เบาแบบเบาเลย วัสดุที่ทำตัว upper จะโปร่ง ๆ หน่อย ตัวพื้น outsole เป็นยางสีดำ ไม่รู้ทนแค่ไหน แต่ก็หนาประมาณนึงนะ ลองสวมดูแล้ววิ่งเหยาะ ๆ กลับไปกลับมาอยู่ในซูเปอร์สปอร์ตหลายรอบ เฮ้ย ก็โอเคนะ ไม่ได้เด้งแบบเด้งมาก แล้วก็ไม่ได้นุ่มจนยวบ กลาง ๆ ทั่วไป ตอนนั้นซูเปอร์สปอร์ตมีเซลพอดี ได้ลด ๒๐% เหลือ ๑,๘๐๐ กว่า ๆ ก็เลยจัดสีเหลืองสดใสกลับมาหนึ่งคู่

Pan Predator Marathon BoxPan Predator Marathon ใส่มาในกล่องหน้าตาอย่างนี้แหละ

ช่วงสองสามวันแรกยังไม่มีโอกาสได้ใส่วิ่ง ก็เอาไปใส่เดินออกกำลังกายตอนเย็นเป็นเพื่อนคุณภรรยาไปก่อน ตอนนั้นเริ่มคิดแล้วว่า จะเวิร์กมั้ยวะ? เพราะรู้สึกว่าตอนที่เดินอยู่ตรง heel cup (ภาษาไทยเรียกอะไรไม่รู้ ขออภัยนะฮะ) มันจะดันเท้าไปข้างหน้า แล้วทำให้ปลายเท้าไปชนหน้ารองเท้า ทีแรกนึกว่าเป็นเพราะยังไม่ชิน แต่ลองเดินอยู่สองสามวันก็เป็นทุกวัน ถ้าดูที่รูปแรกข้างบนจะเห็นว่าตัวส้นมันเอียงมาข้างหน้านิดนึง คิดว่าอาการที่เกิดขึ้นมาจากสาเหตุนี้แหละ

Pan Predator Marathon Unboxแกะกล่องออกมาใหม่ ๆ หมาด ๆ สีมันจะสดใสหน่อย

แล้วก็มาถึงวันที่ใส่วิ่งจริง ต้องบอกก่อนว่า คู่ก่อนหน้านี้ใส่ nike free flyknit ๔.๐ ปี ๒๐๑๕ (อ่าน รีวิว nike free flyknit ๔.๐ ปี ๒๐๑๕ และ รีวิวตอนวิ่งครบ ๓๗๐ โล) แล้วก็ไม่ใส่ถุงเท้า เพราะมันสบายมาก ตอนที่เอา Pan ไปลองก็ไม่ใส่ถุงเท้าเหมือนเดิม จะลองดูว่าจะโอเคมั้ย

PanPredatorMarathonOutsoleoutsole เป็นลวดลายแบบนี้ ยางยังใหม่กริ๊บอยู่เลย

ผลก็คือ โอเคมาก ด้านในรองเท้าไม่มีร่องรอยหรือวัสดุจากการผลิตมาขีดข่วนเท้าเรา (หรือว่าเป็นเพราะเท้าเรามันด้านจนไม่รู้สึกไปแล้ววะ?) ไม่มีปัญหาเรื่องเหงื่อ เพราะหน้าผ้าโปร่ง แม่งโปร่งมากจนแทบมองทะลุได้ ซึ่งก็ช่วยเรื่องการระบายอากาศ (แต่ปกติเราเป็นคนไม่มีปัญหาเรื่องเหงื่อที่เท้าเวลาวิ่งอยู่แล้วนะ)

พอมาใส่วิ่งแล้วความรู้สึกที่ว่า heel cup มันดันเท้าไปข้างหน้าก็ไม่เป็นแล้วนะ คงเป็นเพราะลักษณะการลงเท้าของการเดินกับการวิ่งมันไม่เหมือนกัน ส่วนเรื่องการรับแรงกระแทกก็ปกติทั่วไป เท่าที่ใส่วิ่งมา (ยังไม่เคยใส่วิ่งเกินระยะสิบกิโลฯ) ประมาณกิโลฯ ที่เจ็ดนี่จะเริ่มรู้สึกที่ฝ่าเท้าหน่อย ๆ อันนี้ต้องบอกก่อนว่าอาจเป็นเพราะเราเองยังซ้อมไม่ถึงก็ได้ เพราะเห็นในกลุ่มวิ่งใน fb มีหลายคนมาบอกว่าเอาไปลงงานวิ่งจบฮาล์ฟจบฟูลกันมาแล้ว

ทีแรกตั้งใจจะเขียนรีวิวนี้ตั้งแต่ที่ใส่วิ่งใหม่ ๆ แต่ด้วยความสงสัยว่า ยาง outsole ของรุ่นนี้ทนแค่ไหน ก็เลยรอจนใช้สักระยะนึงก่อน นี่ใส่วิ่งมา ๓๐๐ กิโลฯ แล้ว คิดว่าน่าจะพอเห็นภาพได้ ลักษณะการใช้งานจะวิ่งบนถนนในหมู่บ้านที่เป็นคอนกรีตอย่างเดียว ไม่เคยใส่ไปวิ่งที่อื่น การสึกหรอของ outsole ก็ตามภาพประกอบนะฮะ สำหรับผมถือว่าใช้ได้ ส่วนความหม่นหมองของสีเหลืองที่เคยสดใสอันนี้ก็ตามสภาพ ไม่เคยซัก ไม่เคยทำความสะอาดอะไรครับ

อัปเดต : ดูสภาพรองเท้าคู่นี้หลังใช้งานมา ๗๔๒ โล ได้ที่โพสต์นี้ครับ สภาพรองเท้าวิ่ง Pan Predator Marathon ระยะ ๗๔๒ โล

Pan Predator Marathon Right Heelสภาพส้นเท้าข้างขวาหลังวิ่งมาแล้ว ๓๐๐ กิโลฯ

Pan Predator Marathon Right Frontสภาพพื้น หน้าเท้าข้างขวาหลังวิ่งมาแล้ว ๓๐๐ กิโลฯ

Pan Predator Marathon Left Heelสภาพส้นเท้าข้างซ้ายหลังวิ่งมาแล้ว ๓๐๐ กิโลฯ

PanPredatorMarathonLeftFrontสภาพพื้น หน้าเท้าข้างซ้ายหลังวิ่งมาแล้ว ๓๐๐ กิโลฯ จะเห็นว่าสึกไปนิดนึง

PanPredatorMarathonRight300สภาพข้างขวาหลังวิ่งมาแล้ว ๓๐๐ กิโลฯ มันก็จะเยิน ๆ หน่อย

Pan Predator Marathon Rightสภาพข้างขวา (ด้านใน) หลังวิ่งมาแล้ว ๓๐๐ กิโลฯ

ช่วงหลัง ๆ เห็นคนมาโพสต์มาคอมเมนต์ถึงรองเท้ารุ่นนี้กันเยอะ ทำให้รู้ว่ามีคนใช้กันอยู่ไม่น้อยเลย ถ้า Pan ทำการตลาดดี ๆ ก็น่าจะไปได้อีกไกล นี่ล่าสุดเห็นมีออกรุ่นพิเศษ Bangkok Marathon 2017 เป็นลิมิเต็ด เอดิชั่น มีแค่ ๒๑๗ คู่ ก็ขายได้หมดนะ

ถ้าจะสรุปข้อดีข้อด้อยของ Pan Predator Marathon จากที่ใส่วิ่งมากว่า ๓๐๐ กิโลฯ ขอบอกว่า ข้อดีคือ

  • เบา
  • หน้ากว้าง ไม่บีบเท้า
  • วัสดุที่ทำตัวรองเท้าโปร่ง ระบายอากาศดี
  • พื้นยาง outsole ทนใช้ได้
  • ข้อสุดท้ายที่เด่นมากคือ ราคา เป็นมิตรกับกระเป๋าตังค์มวลมหาชนมาก 5555

ส่วนข้อด้อย จริง ๆ จะเรียกข้อด้อยก็ไม่ตรงเสียทีเดียว เอาเป็นว่า สิ่งที่ไม่ถูกใจดีกว่า

  • ลิ้นรองเท้าหนาไปนิดนึง เวลาผูกเชือกแน่น ๆ แล้วรู้สึกไม่ค่อยสบายเท่าไหร่ ถ้าบางลงสักนิดจะดีมาก
  • ข้อนี้ไม่เจอเอง แต่เห็นในเพจวิ่งมีคนมาคอมเมนต์หลายคน คือ เชือกผูกแล้วไม่ค่อยแน่น แต่พอผูกสองทบแล้วก็ไม่มีปัญหา

ใครที่หารองเท้าวิ่งคู่ใหม่อยู่อยากให้ไปลอง ชอบไม่ชอบก็ค่อยว่ากัน ลองดูนะครับ

หมายเหตุ เห็นมีคนคอมเมนต์กันว่า Pan Predator Marathon นี่หน้าตายังกะพี่น้องฝาแฝดกับ asics tarther japan กันเลย ก็เลยหารูปมาให้ดูเทียบกับรูปด้านบน (ขอบคุณรูปจากร้าน monster run นะครับ) เหมือนไม่เหมือนยังไงสรุปกันเอาเอง ฮ่า…

AsicsTartherJapanหมายเหตุสอง ต้องบอกก่อนว่าถึงคุณภาพมันจะคุ้มเกินราคา แต่มันก็เท่าที่รองเท้าราคาสองพันกว่าจะทำได้นะ ไม่อยากให้คาดหวังเกินจริง เอาไปเทียบกับพวก nike zoom fly ที่มีแผ่นคาร์บอนไฟเบอร์อยู่ข้างใน หรือ ultraboost ที่โฟมเด้ง ๆ หรือรองเท้าของขาแรงอย่าง newton เพราะถ้าได้ขนาดนั้นพวกรองเท้าที่ราคาห้าพันหกพันอัปมันจะอยู่ยังไง ใช่มะ…

หมายเหตุสาม (ทำไมเยอะจังวะ?) เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๑๙ พฤศจิกายนที่ผ่านมา นักวิ่งชาวเคนยาสวมรองเท้า Pan Predator Ace (แต่ไม่ใช่รุ่นลิมิเต็ด เอดิชั่น ที่ว่านะครับ) เข้าที่หนึ่งในงานวิ่ง Bangkok Marathon 2017 ด้วยเวลา ๒:๒๘ ชั่วโมง ครับ #แม่งวิ่งหรือบินวะ

Pan Predator Marathon Left Lateral

 

Breaking2 : ความพยายามสร้างประวัติศาสตร์ของ nike

เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (๖ พ.ค.) ใครที่ใช้ twitter อาจจะแปลกใจที่เห็นมี hashtag #Breaking2 ติดอันดับ trending แล้วมีคนใช้ hashtag อันนี้กันเยอะแยะ ถ้าไม่ได้ตามข่าวมาก่อนก็คงสงสัยว่า #Breaking2 นี่มันคืออะไร?

ลองมาดูกัน

What?

Breaking2 เป็นโปรเจ็กต์ของ nike ที่พยายามจะสร้างประวัติศาสตร์ในวงการมาราธอน ซึ่งเดิมก่อนหน้านี้มีความเชื่อกันว่า มนุษย์จะไม่มีทางวิ่งมาราธอนได้ในเวลาต่ำกว่าสองชั่วโมงเป็นอันขาด เพราะมันเกินศักยภาพที่มนุษย์จะทำได้ (ประมาณว่า วี อาร์ ออล ฮิวแมน น็อต ซูเปอร์ ฮิวแมน นะ ยูว์) แต่ปรากฎว่า ในระยะไม่กี่ปีที่ผ่านมา สถิติมาราธอนเริ่มเข้าใกล้สองชั่วโมงมาเรื่อย ๆ จนสถิติโลกล่าสุด (ของผู้ชาย) อยู่ที่ ๒:๐๒:๕๗ หรือสองชั่วโมงสองนาทีห้าสิบเจ็ดวินาที ทำไว้เมื่อวันที่ ๒๘ กันยายน ๒๕๕๗ ในการแข่งขันเบอร์ลิน มาราธอน โดย Dennis Kimetto ชาวเคนยา (ใส่ adidas รุ่น adios Boost) ซึ่งก็มีการประเมินกันใหม่ว่า มนุษย์อาจทำได้ก็ได้เว้ยเฮ้ย แต่คงต้องใช้เวลาในการพัฒนาด้านวิทยาศาสตร์การกีฬาและอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องอีกประมาณซักสิบปี

ทีนี้สิบปีมันนานไง ไม่ทันใจวัยรุ่น เอ๊ย บริษัทผลิตอุปกรณ์กีฬายักษ์ใหญ่ทั้ง nike และ adidas เพราะเรื่องนี้ถ้าใครทำได้ก่อนมีหวังดังระเบิด นอกจากจะได้รับการจารึกชื่อเอาไว้ในประวัติศาสตร์แล้ว ชื่อเสียงและยอดขายถล่มทลายจะตามมาอีกแน่นอน ทาง nike ก็เลยทำโปรเจ็กต์ Breaking2 ขึ้นมา ส่วน adidas ก็ไม่ได้อยู่เฉย มีโปรเจ็กต์ของตัวเองเหมือนกัน ใช้ชื่อว่า Sub2 ซึ่งวันนี้เราจะยังไม่พูดถึง เพราะเราจะพูดถึง Breaking2 กันนะฮะ

Who?

นอกจาก nike ที่เป็นเจ้าของโปรเจ็กต์แล้ว งานนี้ก็ต้องมีนักวิ่งใช่มะ ทาง nike ก็ไปคัดแล้วคัดอีก เฟ้นแล้วเฟ้นอีก เอาสถิติเอาข้อมูลของนักวิ่งแต่ละคนมาวิเคราะห์กันละเอียดยิบ สุดท้ายได้มาสามคน คือ Eliud Kipchoge ชาวเคนยา Lelisa Desisa ชาวเอธิโอเปีย และคนสุดท้าย Zersenay Tadese ชาวอะไรไม่รู้ เขียนยังงี้ Eritrea (ทั้งสามคนดูโหงวเฮ้งได้ตามภาพด้านบนนะฮะ)

คนแรก Eliud Kipchoge มีดีกรีเป็นเจ้าของเหรียญทองโอลิมปิกคนล่าสุด สถิติเวลาดีที่สุดที่เคยทำได้คือ ๒:๐๓:๐๕ ในการแข่งลอนดอน มาราธอน เมื่อปีที่แล้ว

คนต่อมา Lelisa Desisa ดีกรีเป็นแชมป์บอสตัน มาราธอน ปี ๒๕๕๘ และรองแชมป์ในปีถัดมา สถิติเวลาดีที่สุดที่เคยทำได้คือ ๒:๐๔:๔๕ ในการแข่งดูไบ มาราธอน ปี ๒๕๕๖

คนสุดท้าย Zersenay Tadese คนนี้สถิติมาราธอนดูยังห่าง เพราะทำเวลาอยู่ที่ ๒:๑๐:๔๑ แต่เป็นเจ้าของสถิติโลกฮาล์ฟมาราธอนมาแล้วเจ็ดปียังไม่มีใครทำลายได้ที่ ๕๘:๒๓ นาที

When?

หลังจากนั่งจับยามสามตาดูดวงชะตาฟ้าดินแล้ว nike ก็เลือกเอาวันที่ ๖ พฤษภาคม ที่ผ่านมาเป็นวันดีเดย์ ส่วนตัวของผมเองเดาว่าที่ nike เลือกวันนี้ก็เพราะเมื่อวันที่ ๖ พฤษภาคม ๒๔๙๗ Roger Bannister ได้สร้างประวัติศาสตร์ให้กับวงการกีฬาด้วยการเป็นมนุษย์คนแรกที่วิ่งระยะหนึ่งไมล์ (ประมาณ ๑.๖ กิโลเมตร) ได้ในเวลาน้อยกว่า ๔ นาที (แกทำได้ที่ ๓:๕๙.๔ นาที) ซึ่งเรื่องนี้เดิมก็เชื่อกันว่าเป็นเรื่องสุดวิสัยที่มนุษย์จะทำได้เหมือนกัน เรื่องวิ่งมาราธอนในสองชั่วโมงนี่ก็อยู่ในระดับเดียวกัน nike คงกะว่า วันนี้ล่ะวะเป็นวันดีที่จะเป็นวันย้อนรอยประวัติศาสตร์กันอีกซักที ประมาณนั้น

Where?

เมื่อตั้งเป้าเป็นโปรเจ็กต์ moonshot ขนาดนี้ สถานที่ที่จะจัดวิ่งครั้งนี้จึงสำคัญมาก ทีมงาน nike เสาะแสวงหาสถานที่ตามโลเคชั่นมาราธอนสำคัญ ๆ ทั่วโลก แต่สุดท้ายเมื่อนำเอาปัจจัยต่าง ๆ มาพิจารณาแล้วมาสรุปกันที่ Autodromo Nazionale Monza ซึ่งเป็นสนามแข่งรถที่อยู่ใกล้กับเมืองมิลาน อิตาลี

ปัจจัยที่เอามาพิจารณาที่ว่านี่ไม่ใช่พูดกันเล่น ๆ เพราะทีมงานดูกันตั้งแต่ระดับความสูงเหนือน้ำทะเล อุณหภูมิ ความชื้นในอากาศ กระแสลมในพื้นที่ รวมไปถึงคุณภาพของพื้นผิวสนามด้วย ทางทีมงานถึงขนาดเอาข้อมูลสภาพอากาศที่ Monza ในเวลา ๖ ปีย้อนหลังมาวิเคราะห์เปรียบเทียบกับสถานที่วิ่งมาราธอนที่เคยทำเวลาได้ดีที่สุดด้วย เพื่อให้มั่นใจว่า เอาที่นี่แหละเฮ้ย

How?

การเตรียมตัวเพื่อสร้างประวัติศาสตร์ครั้งนี้ แต่ละคนก็ทำหน้าที่ของตัวเองไป ฝ่ายสถานที่ก็หาไป ฝ่ายนักวิ่งก็ซ้อมกันไป โปรเจ็กต์นี้นักวิ่งที่ได้รับการคัดเลือกทั้งสามคนซ้อมกันอย่างหนักเป็นเวลาเจ็ดเดือน โดยที่อยู่ภายใต้การดูแลและควบคุมของทีมงาน nike โดยตลอดเพื่อหาวิธีที่จะเพิ่มประสิทธิภาพในการวิ่ง ดูฟอร์มการวิ่ง ไปจนถึงการดูแลเรื่องอาหาร เพื่อให้มั่นใจว่าเมื่อถึงวันที่ ๖ พ.ค. สภาพร่างกายของแต่ละคนจะอยู่ในช่วงพีคสุด ๆ ประหนึ่งซูเปอร์ไซย่านั่นเลย

อีกอย่างหนึ่งที่มีส่วนสำคัญมากสำหรับโปรเจ็กต์นี้คือ รองเท้าของนักวิ่งทั้งสามคน เป็นรุ่นใหม่ล่าสุดชื่อว่า Zoom Vaporfly Elite รุ่นนี้เป็นรุ่นพิเศษ ไม่มีวางขายทั่วไป มีการ customized ให้เข้ากับนักวิ่งแต่ละคน ไม่ว่าจะสไตล์การวิ่ง หรือช่วงก้าว น้ำหนักโคตรเบา อัปเปอร์ทำจาก flyknit ส่วนตัว midsole ทำจากวัสดุชนิดใหม่ที่เคลมว่าสามารถคืนพลังงานได้ดีกว่าวัสดุประเภทอื่นถึง ๑๓% แถมด้านในรองเท้ายังมีแผ่นคาร์บอนไฟเบอร์ที่จะคอยส่งแรงให้พุ่งไปข้างหน้าด้วย (รายละเอียดดูจากภาพกับในคลิปดีกว่า)

Conclusion

เป็นที่น่าเสียดายว่าความพยายามครั้งแรกนี้ยังไม่ประสบผลสำเร็จ โดย Eliud Kipchoge วิ่งทำเวลาดีที่สุดในสามคนที่ ๒:๐๐:๒๕ ยังทำลายกำแพงสองชั่วโมงไม่ได้ และถึงแม้ว่าเวลานี้จะดีกว่าสถิติโลกปัจจุบันแต่ก็ไม่ได้รับการรับรองเป็นสถิติใหม่นะฮะ เพราะการวิ่งครั้งนี้ไม่เข้าข่ายการรับรองสถิติอย่างเป็นทางการ

หลังจากนี้ nike คงจะเอาผลที่ได้ไปปรับปรุงและพัฒนาต่อเพื่อที่จะกลับมาใหม่ในครั้งต่อไป ซึ่งทางฝั่ง adidas เองก็คงจะไม่อยู่เฉย เราอาจได้เห็นความคืบหน้าของโปรเจ็กต์ Sub2 ของค่าย adidas กันในเร็ววันนี้

หมายเหตุ : จริง ๆ ยังมีเรื่องอื่นที่น่าเขียนถึงอีก ไม่ว่าจะเป็นการใช้ twitter ถ่ายทอดสดเหตุการณ์ครั้งนี้ หรือกระบวนการมาร์เก็ตติ้งของ nike ที่สามารถตรึงคนทั่วโลกให้จดจ่ออยู่กับอีเวนต์นี้ได้ตลอดสองชั่วโมงเต็ม รวมไปถึงรายละเอียดของรองเท้ารุ่นที่จะนำออกวางขายเอาทุนคืน เอ๊ย ให้นักวิ่งได้ซื้อมาสวมใส่เพื่อทำลายสถิติส่วนตัวกัน ทั้งหลายทั้งปวงนี้หากใครสนใจก็ลองหาข้อมูลกันดูนะฮะ นี่ยาวมากแล้ว สวัสดีครับ