แปดเล่มแรกของเคโงะ

keigo books in Thai

อ่านเคโงะจบไปแปดเล่ม เรียงลำดับจากซ้ายไปขวา บนลงล่าง

ร้านชำฯ เป็นเล่มที่ฟีลกู้ดที่สุด

ส่วนแนวสืบสวนกลับชอบ พิษรักสั่งตาย มากกว่า กลลวงซ่อนตาย ที่เป็นเล่มโปรดของหลายคน เล่มนี้เปิดมารู้ตัวฆาตกรก่อนเลย แต่ฆ่ายังไงนี่แหละที่เป็นปัญหา

แต่จากแปดเล่มนี้ เล่มที่ติดอยู่ในหัวนานที่สุดคือ ความลับ อ่านจบแต่ความคิดไม่จบ สลัดออกจากหัวไม่ได้นานร่วมครึ่งเดือน

พล็อตไม่มีอะไรมาก เกิดอุบัติเหตุลูกสาวตาย เมียไปฟื้นในร่างลูกสาว แล้วพ่อกับลูก (ในสายตาคนนอก) หรือผัวกับเมีย (ในความเป็นจริง) ต้องใช้ชีวิตกันต่อ

จะต่อแบบพ่อลูกหรือผัวเมีย

ยังไงล่ะทีนี้… 🤔

รีวิวหนังสือ The Girl on the Train

The Girl on the Train
The Girl on the Train

นิยายเรื่องนี้โด่งดังไล่หลังความสำเร็จของ Gone Girl มาไม่นาน และมีหลายอย่างที่คล้ายกัน ไม่ว่าจะเป็นนิยายที่เขียนโดยนักเขียนหญิงเหมือนกัน เป็นหนังสือเล่มแรกของผู้เขียนทั้งสองคนเหมือนกัน มีตัวเอกเป็นผู้หญิงเหมือนกัน แถมชื่อเรื่องยังมี Girl เหมือนกันอีกสิน่า

หนังสือเล่มนี้ออกมานานหลายปีแล้ว แถมยังเอาไปสร้างเป็นหนังแล้วด้วย แต่โชคดีที่ไม่เคยอ่านรีวิว ไม่เคยอ่านสรุปเรื่องย่อ หรือวิจารณ์อะไรใด ๆ ของเรื่องนี้มาก่อนเลย ข้อความบนปกก็ไม่ได้บอกอะไรมาก มีแค่ว่า you don’t know her. but she knows you. ซึ่งจากข้อความนี้เรื่องราวจะออกมาได้หลายหน้ามาก เดาไม่ถูก

สรุปแล้วเปิดอ่านหนังสือเล่มนี้โดยไม่รู้เหนือรู้ใต้อะไรเลยว่าเป็นแนวตื่นเต้น ฆาตกรรม สืบสวนสอบสวน หรือสยองขวัญ ที่สำคัญ มีผีมั้ยวะ 5555 รู้แค่ว่าเป็นหนังสือขายดี แค่นี้เลย

พอเริ่มอ่านความรู้สึกจะประมาณนั่งดูหนัง Memento ผสมกับ Dunkirk (ซึ่งบังเอิญมากที่ทั้งสองเรื่องนี้้เป็นหนังของโนแลนทั้งคู่) ที่ว่าเหมือนก็คือ เรื่องเล่าผ่านตัวละครหลักที่เป็นผู้หญิงสองคน แต่คนละ timeline สองคนนี่ไม่รู้จักกัน ไม่เกี่ยวข้องกัน แต่สักพักเราจะเริ่มเดาทางว่าเดี๋ยวแม่งจะต้องมาเกี่ยวกันยังไงซักทาง เพียงแต่ timeline มันไม่เจอกัน แล้วมันจะมาไขว้เจอกันยังไงวะ?

ระหว่างที่อ่านไปมันก็จะมีคำถามนี้ลอยอยู่ตลอดเวลา

นั่นเป็นส่วนที่ว่าให้ความรู้สึกเหมือน Dunkirk ส่วนที่ว่าเหมือน Memento ก็ตรงที่ตัวละครเอกที่เป็นคนเล่าเรื่องหลักแม่งดันเป็นแอลกอฮอลิก ตอนที่เมาจัด ๆ ก็จะจำเรื่องราวอะไรไม่ได้ เพราะฉะนั้นอะไรที่ตัวละครตัวนี้เล่ามามันก็จะเอาแน่เอานอนไม่ได้ ประมาณว่า มันใช่มั้ยวะ คิดไปเองหรือเปล่าวะ หรือกุมโนเอาวะ มันจะมีอารมณ์นี้อยู่ตลอด

และระหว่างที่เหตุการณ์เดินหน้าไปก็จะมีช่วงเล่าถึงเหตุการณ์ในอดีต เพื่อปูพื้นสถานการณ์และความสัมพันธ์ของตัวละครแต่ละตัวเป็นระยะ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ถ้าออกมาจากตัวละครหลักก็ยังเป็นข้อมูลที่คลุมเครืออีกเหมือนกัน ด้วยความที่ตัวละครมันก็จำไม่ได้อย่างที่บอก แต่อาศัยคำบอกเล่าของตัวละครอื่นบอกให้เจ้าตัวรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง

มันก็เลยเหมือน Memento ที่คนอ่านอ่านไปแล้วจะเริ่มไม่แน่ใจว่าเรื่องที่เกิดจริง ๆ มันยังไงวะ

เรื่องเดินหน้าไปด้วยสอง timeline และความคลุมเครืออย่างนี้ตลอด แม้กระทั่งบางเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นคนเขียนก็จงใจลดทอนรายละเอียดบางอย่างเพื่อจะทำให้คนอ่านไขว้เขว

เอาจริง ๆ พี่จะไม่แปลกใจเลยถ้าอ่านมาถึงตอนจบแล้วเฉลยออกมาว่าเรื่องราวทั้งหมดเป็นเรื่องที่ตัวละครมโนไปเองทั้งหมดในหัว โดยที่ไม่เคยมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นจริง (เหมือนหนึ่งในตอนจบของโดราเอมอนที่มีคนแชร์กันมาว่าเรื่องราวทั้งหมดเป็นเรื่องที่โนบิตะที่นอนป่วยติดเตียงอยู่ในโรงพยาบาลคิดฝันไปเอง ยังดีที่มีข้อมูลตามหลังออกมาว่านี่ไม่ใช่ตอนจบจริง ๆ ของโดราเอมอน ไม่งั้นก็โคตรเศร้าเลย)

จนกระทั่งเข้ามาสู่ช่วงสถานการณ์ที่ค่อย ๆ คลี่คลายให้คนอ่านเริ่มเดาทางได้ว่าเกิดอะไรขึ้น และที่ต้องลุ้นก็คือ ช่วงท้ายหลังจากที่เฉลยเหตุการณ์ทั้งหมดแล้วยังเหลืออีกหลายสิบหน้า ชวนให้สงสัยว่าคนเขียนจะพาไปสู่ตอนจบยังไง

อันนี้ต้องไปอ่านเองนะฮะ… ❤

รีวิวหนังสือ สัญญาณเตือนตาย

หนังสือสัญญาณเตือนตาย
เอาหนังสือมาวางเรียงกันจะได้เป็นภาพนี้นะ

หลายสัปดาห์มานี้นอนดึกติด ๆ กันหลายวัน

ไม่ใช่ว่าเหลวไหลหรืออะไร แต่เป็นเพราะหนังสือ สัญญาณเตือนตาย ชุดนี้เลย (ตามรูปด้านบน)

สรุปสั้น ๆ กันก่อน เผื่อมีใครรีบ จะได้ไถฟีดไปอ่านโพสต์อื่นต่อ

หนังสือชุดนี้เป็นนิยายฆาตกรรมสืบสวนสอบสวน วางแผนหักเหลี่ยมเชือดเฉือนชิงไหวชิงพริบที่อ่านสนุกที่สุดในรอบสิบปีนี้ (นี่พูดจริง ๆ ไม่ได้อวย แต่นับเฉพาะเล่มที่พี่อ่านนะ เพราะฉะนั้นถ้าใครมีเล่มที่สนุกกว่านี้ แต่พี่ไม่ได้อ่านก็ถือว่าพี่ไม่ผิด เอาตามนี้นะ)

สนุกถึงขนาดที่ว่าระหว่างที่อ่านไปก็คิดอยากให้มีใครเอาไปสร้างหนังและถ้าจะให้ดีก็ควรจะเป็นหนังฮ่องกง เพราะมีรายละเอียดปลีกย่อยที่เป็นวัฒนธรรมตะวันออก โดยเฉพาะของจีนที่ฮอลลีวูดคงจะไม่ค่อยเก็ตเท่าไหร่นัก

ถ้าสร้างหนังจริง ๆ ก็น่าจะได้ซักสี่ภาค แล้วก็คงจะสนุกลุ้นระทึกทำเงินถล่มทลายได้อย่าง Infernal Affairs ของเฮียเหลียงกับพี่หลิวยังไงยังงั้น อ่านไปนี่ก็ลุ้นมาตลอดจนมาเห็นที่ปกหลังเล่มห้ามีข้อความบอกไว้ว่าเคยสร้างเป็นซีรี่ย์มาแล้วสามภาค เออ จบกัน

หนังสือสัญญาณเตือนตาย
ถ้าเอาหนังสือมาวางตั้งซ้อนกัน ที่สันหนังสือจะได้รูปนี้

เนื้อหาของหนังสือเล่าแบบง่าย ๆ ไม่สปอยล์ได้ประมาณว่ามีตัวเอกฝ่ายชาย (คนที่หนึ่ง) เป็นฆาตกร คอยไล่ฆ่าคนทำความผิดที่กฎหมายเอาผิดไม่ได้

แล้วความเปรี้ยวก็คือ ก่อนจะฆ่าใครจะส่งโน้ตบอกเจ้าตัวก่อนทุกครั้ง บอกถึงขนาดว่ากุจะฆ่ามึงวันไหน แม่งมั่นใจขนาดนั้นเลยแล้วแม่งก็เก่งอิ๊บอ๋ายจริง ๆ

ก็เลยเป็นที่มาของตัวเอกฝ่ายชาย (คนที่สอง) ที่เป็นตำรวจคอยไล่จับอิฆาตกรคนนี้ โดยมีตัวเอกฝ่ายหญิงที่เป็นนักจิตวิทยามาเป็นหนึ่งในผู้ร่วมงาน คนอ่านก็เลยได้แนวการไขคดีผ่านทางมุมมองของตำรวจที่โคตรเก่งไม่แพ้ฆาตกรและได้การวิเคราะห์ด้านจิตวิทยาตัวละครไปพร้อม ๆ กัน

ความเจ๋งของเรื่องนี้อยู่ที่การสร้างตัวละคร ตัวหลัก ๆ ส่วนใหญ่จะมีความสัมพันธ์ถักทอประสานกันทางใดทางหนึ่ง และหลายเคสมีปมสาเหตุที่มาที่ย้อนไปตั้งแต่เมื่อครั้งอดีตสิบกว่าปีก่อนเหมือนงานของ Harlan Coben

เอาจริง ๆ อ่านไปคิดว่าส่วนใหญ่ก็จะลุ้นให้แม่งฆ่าได้ทุกเคสนะ เพราะแต่ละคนนี่ก็มีเหตุให้สมควรจะโดนกันทั้งนั้น มีใครบ้างก็ลองไปดูกัน

การเล่าเรื่องก็ชวนให้ลุ้นให้ต้องติดตามว่าแม่งจะฆ่าได้มั้ย ตำรวจจะป้องกันได้มั้ยวะ ตำรวจวางแผนไว้ขนาดนี้มึงจะทำได้เหรอวะ แล้วแม่งจะฆ่ายังไงวะ

เนื้อเรื่องก็พลิกไปพลิกมาด้วยนะ บางจังหวะก็หลอกคนอ่านพาเรื่องไปทางนึงแล้วจังหวะสุดท้ายก็หันหัวกลับไปอีกทาง เล่นเอาคนอ่านต้องดริฟต์กันยางไหม้เลย

สุดท้ายล่ะ (นี่พยายามไม่สปอยล์) อยากบอกว่าใครชอบเรื่องแนวนี้ หามาอ่านเถอะ ไม่ผิดหวังแน่นอน.เลิฟ เลิฟ… 😊

หนังสือสัญญาณเตือนตาย
นี่หน้าปกเล่มหนึ่ง เผื่อใครจะไปหาซื้อจะได้ไม่พลาดครับ

——-

อัปเดตนิดนึงเพิ่งนึกออก ตอนที่อ่านอยู่ก็นึกไปถึงการ์ตูนญี่ปุ่นเรื่องนึงที่เคยอ่านสมัยนานนนนนนนนนมาแล้ว เรื่อง Black Angel

พระเอกเป็นคนหงิม ๆ ปั่นจักรยานเสือหมอบ แต่พอตกกลางคืนมีหัวกับไส้ เฮ้ย ไม่ใช่ ตกกลางคืนแม่งออกไปฆ่าพวกคนเลว โดยใช้ซี่ล้อจักรยานเป็นอาวุธ เสียบเข้าไปที่ขมับ เสร็จทุกราย

เรื่องนี้ใครทันนี่บอกวัยนะฮะ… 😆🤣

TAI-PAN ตำนานแห่งฮ่องกง

TAI-PAN

ฮ่องกงเป็นข่าวทุกวันแบบนี้ ไม่มีอะไรดีไปกว่าการไปขุดนิยายคลาสสิกขายดีระดับโลกมาอ่านซ้ำอีกครั้ง

TAI-PAN เป็นเรื่องราวว่าด้วยการต่อสู้ทั้งในระดับปัจเจกไปจนถึงระดับประเทศ การต่อสู้ระหว่างความดีงามและความโลภ ที่มีความมั่งคั่งเป็นรางวัล มีฉากหลังเป็นการก่อร่างสร้างตัวของฮ่องกง จากเกาะที่ดูไม่มีความหมายอะไรไปสู่ประตูเปิดสู่จีนจนเป็นศูนย์กลางการค้าระดับโลก

เล่มนี้อ่านไทยมาก่อนตั้งแต่ตอนเรียนมหา’ลัย ชอบมาก จนจบมาทำงานมีโอกาสมาเจอฉบับภาษาอังกฤษมือสองที่ร้านหนังสือแถวถนนข้าวสารก็สอยมาอีก

ใครยังไม่เคยอ่านแนะนำเลยครับ… 😊

What We Read: พรชัย แสนยะมูล (กุดจี่)

พรชัย แสนยะมูล (กุดจี่)

ซีรี่ย์ What We Read (ซึ่งเป็นไอเดียที่เป็นที่มาของบลอก What We Read นี้) ต้องการจะนำเสนอการอ่านของผู้คนทุกเพศ ทุกวัย ทุกสาขาอาชีพ เพื่อเป็นแรงบันดาลใจและอาจทำให้นักอ่านได้รู้จักหนังสือที่น่าสนใจมากขึ้นครับ

หมายเหตุ : ขอขอบคุณ คุณกนกวรรณ บัวงาม บรรณารักษ์ สำนักหอสมุด มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ สำหรับการสัมภาษณ์ครั้งนี้

 

ชื่อ-นามสกุล : พรชัย แสนยะมูล (กุดจี่)

อาชีพ : นักเขียน

คุณจัดสรรเวลาสำหรับการอ่านอย่างไร?
ไม่ได้จัดสรรขนาดนั้นครับ เพราะผมไม่ใช่เจ้าของหมู่บ้านจัดสรร (ฮา) การอ่านหนังสือ หรือการเขียนหนังสือก็เหมือนกับการใช้ชีวิตประจำวัน ผมต้องนอนทุกวัน ตื่นทุกวัน ทานอาหารทุกวัน เข้าห้องน้ำปลดทุกข์ ฉี่ ทุกวัน อ่านและเขียนทุกวัน แต่การอ่านและการเขียนจะไม่เหมือนกับการตื่น การทานข้าว การนอน ที่ค่อนข้างมีเวลาตายตัว มีเวลามากก็จะอ่านวรรณกรรมเป็นเล่ม มีเวลาว่างไม่มากก็จะอ่านนิตยสารเป็นคอลัมน์ๆ ไป ครับ ทำเช่นนี้มาหลายปีแล้ว จนการอ่านการเขียนกลายเป็นกิจวัตรประจำวันแล้ว แม้สายตาจะเริ่มสั้น เอียง ก้ำกึ่งยาวเกินกู่กลับ (ฮา) แต่สายใยที่ผมมีต่อตัวหนังสือยังยืนยาวต่อไป เป็นความสัมพันธ์ระหว่างตัวคนเขียนกับตัวหนังสือที่ค่อนข้างอธิบายยาก (ฮา)

เมื่อเธอรักตัวเองเธอจะรักการอ่าน เมื่อเธอรักคนอื่นเธอจะรักการเขียน เป้ สีน้ำ เคยกล่าวไว้เช่นนั้น สำหรับผม – ผมรักทั้งตัวเอง ผมรักทั้งคนอื่น เพราะฉะนั้น ผมจึงหลายใจ (ฮา) หนังสือไม่ได้บอกให้เรามีหลายใจต่อคนรัก แต่หนังสือบอกให้เรามีหลายใจต่อหนังสือ กล่าวคือ อ่านหนังสือหลายๆ แนวเข้าไว้ จะได้เข้าใจชีวิตครับ ทั้งชีวิตเขาและชีวิตเรา

ตอนนี้คุณกำลังอ่านหนังสือเล่มไหน? เนื้อหาเกี่ยวกับอะไร?
ฉันกับฬา ปลาเตโร เป็นวรรณกรรมสเปนอันเลื่องชื่อของนักเขียนรางวัลโนเบล นามว่า ‘ฆวน รามอน ฆิเมเนซ’ อ่านยังไม่จบครับ ปกติผมชอบอ่านกวีนิพนธ์อยู่แล้ว มีศิลปินแห่งชาติท่านหนึ่ง (อ.สถาพร ศรีสัจจัง) ท่านได้อ่านกวีนิพนธ์เรื่อง นิธาร ของผม ท่านบอกว่าท่านชอบในภาษาที่บริสุทธิ์ และท่านยังแนะนำว่า กุดจี่ ควรจะไปหา ฉันกับฬา ปลาเตโร มาอ่าน ดูซิว่า ‘ร้อยกรองในรูปแบบร้อยแก้ว’ เป็นเช่นไร อ่านไปยังไม่ถึงครึ่งเล่ม ใจจึงยังบอกไม่ได้ว่าชอบหรือไม่ชอบ แต่ไม่ได้ตื่นเต้นนะ เมื่อไม่ตื่นเต้นกับภาษาและไม่หวือหวากับเรื่องราว มันก็เลยไม่ถึงขั้นต้องอ่านรวดเดียวจบ…แต่ ต้องอ่านให้จบ! เอาไว้ว่างเมื่อไหร่จะมาอ่านต่อครับ

นิธาร

นิธาร ผลงานกวีนิพนธ์ของ พรชัย แสนยะมูล (กุดจี่)

ปลาเตโร่

หนังสือที่คุณอ่านจบเล่มล่าสุดคือเล่มไหน? เนื้อหาเกี่ยวกับอะไร
กาลครั้งหนึ่งสอนให้รู้ว่า ของ ‘นิ้วกลม’ กับกวีนิพนธ์เรื่อง เงาไม่มีเงา ของ ‘นายทิวา’ ของ ‘นิ้วกลม’ นี่ เล่มนี้อ่านตอนแรกหงุดหงิด เพราะผู้เขียนเขียนนิทานด้วยรูปแบบของกาพย์กลอน ที่หงุดหงิดเพราะ สัมผัสไม่ได้ สัมผัสผิดเยอะมาก อ่านๆ ไปถึงครึ่งเล่มก็เลยขจัดความหงุดหงิดออกไปโดยคิดเข้าข้างคนเขียนว่า ‘นิ้วกลมคงตั้งใจจะไม่เคร่งครัดฉันทลักษณ์’ จากนั้น ความสนุกก็เกิดขึ้น เมื่อเรามุ่งตรงไปยังเนื้อหาและจินตนาการที่นิ้วกลมนำเสนอได้อย่างน่าสนใจ นิ้วกลมจะเคืองไหมเนี่ยเมื่อกุดจี่ตบหัวแล้วลูบตูด (ฮา) ถ้าเคืองก็เคืองคนสัมภาษณ์ก็แล้วกันนะ (ฮา)

กาลครั้งหนึ่งสอนให้รู้ว่า

อีกเล่ม เงาไม่มีเงา ของ ‘นายทิวา’ เป๊ะมากในแง่ของฉันทลักษณ์ เป็นบทกวีแฝงธรรมะ สะกิดสะเกาให้เราได้มองสังคมแล้วย้อนดูตนเอง แม้มุมมองจะไม่ใหม่แต่ก็ได้มุมมองของธรรมะที่ลุ่มลึกไม่น้อยครับ

เงาไม่มีเงา

หนังสือที่คุณตั้งใจจะอ่านเป็นเล่มต่อไป? เพราะอะไร
ผู้คนแห่งมหานครดับลิน ว่ากันว่า เป็นรวมเรื่องสั้นเพียงชุดเดียวในชีวิตของ ‘เจมส์ จอยซ์’ ครับ

Dubliners

หนังสือเล่มไหนที่คุณอ่านจบแล้วและอยากแนะนำให้คนอื่นได้อ่าน พร้อมเหตุผล
ข้อนี้ นึกนาน อ่านเยอะ ชอบเยอะ ตามแต่ละช่วงวัยของชีวิต ตั้งแต่ผลงานของ คาลิล ยิบราน, เฮอร์มาน เฮสเส, มิลาน คุนเดอรา, ประภาส ชลศรานนท์, เสกสรรค์ ประเสริฐกุล, เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์, ไพวรินทร์ ขาวงาม, บินหลา สันกาลาคีรี, พิบูลศักดิ์ ละครพล, ปะการัง, ศุ บุญเลี้ยง,โน้ต อุดม ฯลฯ จำไม่หวาดไม่ไหว ถึงยังไงอย่าลืมอ่านงานของกุดจี่นะครับ (ฮา) เอาเป็นว่า ผมยกหนังสือ พระไตรปิฎก (ฉบับที่ทำให้ง่ายแล้ว อ.วศิน อินทสระ เรียบเรียง) ให้อ่านแล้วกัน เพราะอะไรน่ะเหรอ เพราะเราเกิดมาเป็นชีวิต และสักวันเราต้องตายอย่างไรล่ะครับ ผมอยากให้กัลยาณมิตรเป็นผู้หลุดพ้น อย่างน้อยก็หลุดพ้นจากความเกลียดชัง ครับ

What We Read: เกรียงไกร พรพิพัฒน์กุล

Kriengkrai
ซีรี่ย์ What We Read (ซึ่งเป็นไอเดียที่เป็นที่มาของบลอก What We Read นี้) ต้องการจะนำเสนอการอ่านของผู้คนทุกเพศ ทุกวัย ทุกสาขาอาชีพ เพื่อเป็นแรงบันดาลใจและอาจทำให้นักอ่านได้รู้จักหนังสือที่น่าสนใจมากขึ้นครับ

ชื่อ-นามสกุล : เกรียงไกร พรพิพัฒน์กุล

อาชีพ : นักข่าวต่างประเทศ (จีน) ASTV ผู้จัดการ

คุณจัดสรรเวลาสำหรับการอ่านอย่างไร?
เวลาอ่านหนังสือของผมก็จะมีทั้งแบบไปยืนอ่านในร้านเลย (^^) mindmap เอา ระหว่างรอรับลูก และแบบสอง ด้วยความที่หนังสือส่วนใหญ่ที่ซื้ออ่านจะเป็นหนังสือความรู้ มากกว่า บันเทิง มันเลยไม่ต้องอ่านต่อเนื่องรวดเดียว ถึงอ่านรวดเดียว ก็จำไม่ได้อยู่ดี (หงึก) บางเล่มพิเศษนี่ อ่านกันเป็นปี เช่น The Monocle Guide to Better Living ฯลฯ … ส่วนถ้าเป็นหนังสือที่อ่านรวดเดียวจบก็มีครับ คือแบบตีตั๋วดูหนังเลยนะ คืนวันเสาร์จัดไป นั่งเก้าอี้เอน น้ำ ขนมพร้อม ๓ ชั่วโมง อิ่มเลย เช่น ลำนำกระเทียม (มั่วเหยียน)

ตอนนี้คุณกำลังอ่านหนังสือเล่มไหน? เนื้อหาเกี่ยวกับอะไร?
Ernest Hemingway Selected Letters ๑๙๑๗-๑๙๖๑

หนังสือเล่มนี้ กำลังอ่าน (เรื่อยๆ มาสิบกว่าปีแล้ว) ซื้อจากแผงหนังสือมือสองมาเกือบ ๒ ทศวรรษแล้ว ตอนนั้นซื้อเพราะอยากฝึกเขียนจดหมายภาษาอังกฤษ ไม่ได้จะวรรณกรรมกับเค้าเลย (ประมาณลงคอร์สเขียนจดหมายกับนักเขียนโนเบลมากกว่า) แต่พออ่านๆ ไป … ก็ติดเลย! ‘รวมจดหมายของเฮมิงเวย์’ นักข่าว นักประพันธ์นวนิยายและนักเขียนเรื่องสั้นชาวอเมริกัน นี้ เป็นการรวมจดหมายที่เขาเขียนถึงคนนั้นคนนี้ เกือบ ๖๐๐ ฉบับ ตลอดช่วงชีวิตการทำงานและความสัมพันธ์กับผู้คนในชีวิตของเขา (ประมาณอายุ ๑๗ จนกระทั่งเสียชีวิตวัย ๖๑ ปี) คือตั้งแต่จุดเริ่มต้น จนก้าวสู่สุดยอด แล้วก็โรยลาลับไป

hemingway
หนังสือที่คุณอ่านจบเล่มล่าสุดคือเล่มไหน? เนื้อหาเกี่ยวกับอะไร
เต๋าเต็กเก็ง
(เต๋าเต๋อจิง, Tao Te Ching, 道德經) เป็นหนังสือเล่มล่าสุดที่อ่าน (จริงๆ ล่าสุด เพราะเป็นหนังสือที่อ่านประจำมากกว่า ๓ – ๔ วัน อ่านทีนึง บทจะสั้นๆ อ่านแค่ย่อหน้าเดียวยังไหว และก็พอจะตีความคิดเอง (เออเอง) ไปได้เรื่อยๆ… อย่างตอนที่ สารคดี “Finding Vivian Maier: คลี่ปริศนาภาพถ่ายวิเวียน ไมเออร์” ฉายในไทย! ทำให้รู้จัก งานถ่ายภาพแนวสตรีทยุคทศวรรษ ๕๐ – ๖๐ ระดับยอดฝีมือของวิเวียน ไมเออร์ สตรีโนเนมฯ ที่ตลอดชีวิตเธอยึดอาชีพเป็นพี่เลี้ยงเด็ก และไม่ยอมให้ใครได้เห็นรูปที่เธอถ่าย จนกระทั่งจากโลกนี้ไป จึงค่อยมีผู้ประมูลกล่องเก็บภาพที่เธอทิ้งไว้ มาเผยแพร่ในภายหลัง

เรื่องนี้ผมนี่คิดถึงเต๋า ในเรื่อง โนเนมฯ เลย – ในโลกมีอะไรอีกมากมายที่ยังไม่ถูกพบเจอ หรือบัญญัติชื่อ ยังมีผู้รู้มากมาย ที่ไม่เคยสอนฯ มีนักเขียนยิ่งใหญ่ที่ไม่พิมพ์หนังสือสักเล่ม วิเวียน ผู้เก็บภาพถ่ายฯ ไว้เพียงในลิ้นชัก ก็เหมือนกัน … ‘เต๋า ที่มีชื่อที่เรียกขานได้ ยังมิใช่ชื่ออันยั่งยืน … เพราะ “ไร้ชื่อ” จึงเป็นต้นกำเนิดแห่งฟ้าดิน … ประโยคนี้ ทำผมคิดนานเลยเนี่ย

(ปล. เต๋าเต็กเก็ง เป็นคัมภีร์ที่เล่าจื๊อแต่งขึ้นเมื่อประมาณ ๖๐๐ ปีก่อนคริสต์ศักราช มีเนื้อหากล่าวถึงธรรมชาติและปรัชญาในเรื่องโลกและชีวิต)

tao
หนังสือที่คุณตั้งใจจะอ่านเป็นเล่มต่อไป? เพราะอะไร
ปฏิจจสมุปบาทกับอานาปานสติ
(พุทธทาสภิกขุ)

เช่นกัน…ด้วยรู้สึกตัวเองว่า ตั้งแต่จำความได้ (น่าจะตั้งแต่อายุ ๑๑ ขวบเป็นต้นมา) เราไม่เคยมีชีวิตแบบ ‘อยู่ ณ ตรงนั้น เวลานั้น’ เลย คือ พอเลยอายุวัยเด็กมานี่ ก็จะเป็นชีวิตแบบจริงมั่ง คิดมั่ง ฝันมั่ง อุปาทานมั่ง แถมยังไม่รู้ตัว ไม่รู้ทันกระแสวงจรเกิด-ดับ ครั้งแล้วครั้งเล่า ของความคิดที่กระพริบอยู่ในหัวตลอดเวลา (ไม่ความคิดที่หนึ่ง ก็ความคิดที่ ๒-๓-๔) ว่ากันที่จริง คือไม่เคยสัมผัสชีวิตตรงๆ ณ ตรงนั้นๆ แบบไร้ปรุงแต่งเจือปนอย่างเด็กเล็กๆ อีกเลย

จริงๆ ไม่กล้าคุยเรื่องธรรมะ ตามความเข้าใจน้อยนิดของผม ‘ปฏิจจสมุปบาท’ อธิบายถึงปฏิกริยาลูกโซ่พฤติแห่งความคิด ที่เกิดขึ้นเป็นลำดับๆ อาศัยเป็นปัจจัยส่งต่อกันจนครบวงจรสารพัดแห่งเครียด คร่ำครวญ ทุกข์ โทมนัสบนกองสมมติเสมือนจริง HD ถ้าเราหยุดปฏิกริยาลูกโซ่นี้ไม่ได้ เราก็ไม่เคยสัมผัส มีหรือเห็นชีวิตตามความเป็นจริงเลย (มีเห็นชีวิตตามความคิดไปอย่างเดียว)

ส่วน ‘อานาปานสติ’ คืออุปกรณ์เบรคสำคัญ สามารถฝึกเพื่อหยุดวงล้อปฏิจจสมุปบาท ที่หมุนเร็วรอบจัด ก่อนที่มันจะครบวงจรกลายเป็นตัณหา อุปาทาน ภพ ชาติ ชรา มรณะ …

dhamma
หนังสือเล่มไหนที่คุณอ่านจบแล้วและอยากแนะนำให้คนอื่นได้อ่าน พร้อมเหตุผล
อาจจะเฉพาะตัว และฮาวทูไปหน่อยครับ ที่จะแนะนำใคร (นอกจากลูกเรา) The Greatest Secret in the World, Og Mandino (ภิรมย์ พุทธรัตน์ แปล, เล่มนี้ซื้อเมื่อปี ๒๕๒๕ เพิ่งจะหยิบเสนอขายกับลูกที่กำลังวัยรุ่น เหตุผลคือ … ตอนเราวัยรุ่น (๓๐ ฝ่าปีก่อน) รู้ตัวเลยต้องเผชิญหน้ากับความคิด ความรู้สึกของตัวเองอย่างไร้ประสบการณ์ … ‘ความรู้สึก นึกคิด’ มันแรงงส์ พอที่ทำให้คนดีๆ ก็บ้าได้ … ทำร้ายตัวเองก็ได้ ทำร้ายคนอื่นก็ได้ … หนังสือเล่มนี้ มาในเวลาที่เรา เด็ก ๑๕ ขวบ กำลังต้องการพอดี

๑๐ บท ในเล่มนี้ จัดกระบวนความคิดบางอย่างในเวลาที่สำคัญที่สุดของผม ไม่ว่าจะเป็น ‘ชะตากรรมของคนมาจากนิสัย / ความรักความจริงใจ มีอานุภาพ / อุตสาหะคือหยาดฝนทำลายขุนเขา /เราไม่ได้เกิดมาโดยบังเอิญ / ใช้ชีวิตราววันสุดท้าย / เท่าทันวัฎฎะของอารมณ์ / หัวเราะคือ คุณสมบัติพิเศษของมนุษย์ / น้อมระลึกถึงพลังสรรพสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่าตัวเรา ฯลฯ

thegreatestsecret

What We Read: เดียร์

Dear

ซีรี่ย์ What We Read (ซึ่งเป็นไอเดียที่เป็นที่มาของบลอก What We Read นี้) ต้องการจะนำเสนอการอ่านของผู้คนทุกเพศ ทุกวัย ทุกสาขาอาชีพ เพื่อเป็นแรงบันดาลใจและอาจทำให้นักอ่านได้รู้จักหนังสือที่น่าสนใจมากขึ้นครับ

ชื่อ-นามสกุล : เดียร์ (twitter: @ailadear)

อาชีพ : International Marketing officer

คุณจัดสรรเวลาสำหรับการอ่านอย่างไร?
ที่บ้านฝึกให้อ่านหนังสือมาตั้งแต่เด็กๆ มันก็เลยกลายเป็นนิสัยติดตัวมาตลอด เวลาเข้าร้านหนังสือจะอยู่ได้เป็นชั่วโมง มีความสุขกับการหยิบเล่มนั้นเล่มนี้มาดู เรื่องการจัดสรรเวลาในการอ่าน ถ้าเป็นเมื่อก่อนตอนทำงานอยู่กรุงเทพฯ จะใช้เวลาช่วงระหว่างไป-กลับจากบ้าน-ที่ทำงานในการอ่านหนังสืออยู่บ่อยๆ เพราะต้องนั่งรถไฟใต้ดินหลายสถานี พอออกมาจากเมืองหลวง ช่วงเวลาแบบนั้นก็หายไปแล้ว เดี๋ยวนี้ก็จะพยายามอ่านหนังสือเท่าที่จะทำได้ ไปร้านกาแฟก็หยิบหนังสือพิมพ์ นิตยสารที่เค้าวางๆ ไว้มาอ่าน ก่อนนอนก็หยิบหนังสือมาอ่าน คือพยายามให้มันแทรกซึมเป็นกิจกรรมประจำวันของเราไป เดี๋ยวนี้มีนิสัยใหม่เพิ่มมาอีกอย่างคือ หยิบหนังสือธรรมะ หนังสือสวดมนต์มาอ่านด้วย

ตอนนี้คุณกำลังอ่านหนังสือเล่มไหน? เนื้อหาเกี่ยวกับอะไร?
เคยมีคนรู้จักคนนึงเค้าบอกว่าทำไมเราต้องอ่านหนังสือให้จบทีละเล่ม อ่านสองเล่มพร้อมๆ กันไม่ได้เหรอ เราก็เออ จริงด้วย เดี๋ยวนี้เราเลยอ่านหนังสือสองเล่มไปพร้อมๆ กัน คนอื่นว่าไงไม่รู้นะ แต่เราว่ามันก็สนุกดี คล้ายๆ สลับโหมดไปมา

เล่มนึงที่อ่านอยู่ตอนนี้ก็ Message in a Bottle ของ Nicholas Sparks เนื้อเรื่องก็ฟรุ้งฟริ้งมาก

น่าจะรู้กันอยู่แล้ว หญิงสาววิ่งริมหาดแล้วบังเอิญไปเจอจดหมายรักในขวดแก้วที่ชายหนุ่มเขียนถึงภรรยาที่จากไป นางก็ตกหลุมรักชายหนุ่มคนนั้นเข้าซะอย่างนั้น คือจริงๆ เคยอ่านแล้ว แต่วันก่อนไปรื้อเจอ ก็เลยหยิบมาอ่านใหม่ อยากรู้ว่ามาอ่านอีกทีตอนอายุเท่านี้จะอินมั้ย คือเราเชื่อว่าการอ่านหนังสือแต่ละเล่มในช่วงอายุที่ต่างกันมันให้ความรู้สึกทางจิตใจต่างกันนะ

Message in a Bottle

กับอีกเล่ม Like a Virgin เล่มนี้อยากอ่านเพราะชอบ Sir Richard Branson เค้าเป็นคนที่เจ๋ง กล้าได้กล้าเสีย เนื้อหาในหนังสือส่วนใหญ่ก็เป็นการหยิบเอาประสบการณ์ทำธุรกิจของตัวเองมาเล่า ทั้งเรื่องวิสัยทัศน์การทำงาน หลักการบริหาร การเป็นนักคิด การมีความเป็นนักคิดเป็นต้นทุนในชีวิตนี่มันก็ได้เปรียบไปแล้วระดับนึง คือคิดอย่างเดียวไม่พอต้องทำด้วย

Like A Virgin

เวลาอ่านหนังสือแบบนี้แล้วรู้สึกฮึกเหิม มันทำให้เราไม่หยุดนิ่งในการพัฒนาตัวเอง พออ่านแล้วรู้สึกว่าถ้าเราได้ทำงานกับคนเก่งๆ นี่ชีวิตมันดีนะ คืออ่านแล้วก็อยากสมัครงานกับบริษัทนี้เลย

หนังสือที่คุณอ่านจบเล่มล่าสุดคือเล่มไหน? เนื้อหาเกี่ยวกับอะไร
A day : Human Ride ฉบับ Portland

Human Ride : Portland

คือถ้าคนที่เป็นแฟน Human Ride ก็คงรู้อยู่แล้วว่ามันเป็นนิตยสารสำหรับคนรักจักรยาน เราไม่ได้อินกับกิจกรรมนี้เท่าไหร่หรอก แต่เราได้ยินถึง Portland มาซักพักแล้วว่ามันเวรี่ Hipster แถมยังเป็นสวรรค์ของคนปั่นจักรยานอีก เกิดอยากรู้จัก เลยสอยมาอ่าน

เออ เวรี่สนุก I love Portland.

(จะบอกว่า ผมเองไปเห็นทวีตของเดียร์ว่า เล่มนี้โอเค สนุกดี ก็เลยไปซื้อมาอ่านบ้าง สรุปได้ว่า การอ่านเป็นโรคระบาดชนิดหนึ่งนะครับ – Buak Bangbuathong)

หนังสือที่คุณตั้งใจจะอ่านเป็นเล่มต่อไป? เพราะอะไร
หันไปมองชั้นวางหนังสือแล้วก็ อืม น่าจะเป็น The Kite Runner

The Kite Runner

คือซื้อมานานมาก จากร้านหนังสือมือสองที่ไหนซักแห่ง เคยอ่านไปได้ซักสองสามบท แล้วก็หยุดอ่านไป เนื้อเรื่องมันหนัก เกี่ยวกับเด็กผู้ชายสองคนเป็นเพื่อนกัน มีสงครามเป็นฉากหลัง มันไม่ได้อ่านเอาเพลินไง เลยรู้สึกว่าต้องใช้พลังในการอ่าน แต่ก็คิดว่าจะหยิบมาอ่านใหม่ให้จบให้ได้!

หนังสือเล่มไหนที่คุณอ่านจบแล้วและอยากแนะนำให้คนอื่นได้อ่าน พร้อมเหตุผล
เราขอเสนอ Eat Pray Love ตอนนั้นซื้อมาเพราะได้ยินว่าจะเป็นหนัง ไอ้เราก็อยากอ่านหนังสือก่อนจะดูหนัง ก็สั่งซื้อจากร้านหนังสือมือสองออนไลน์ กะว่าอ่านขำๆ อ่านไป มันใช่เลย ถ้าจำไม่ผิดรู้สึกคนเขียนจะเล่าจากชีวิตจริงของเค้าด้วย

จริงๆ คนเราควรค้นพบตัวเองให้ได้ก่อน ควรจะใช้ชีวิตกับตัวเอง รู้จักตัวเองให้มากที่สุด ก่อนที่จะไปเติมเต็มชีวิตใคร คือไม่งั้นจะกลายเป็นรู้ไปหมดเลยเรื่องคนอื่น แต่กลับไม่รู้จักตัวเอง ไม่รู้ว่าตัวเองต้องการอะไร การได้ทำอะไรคนเดียว ออกเดินทางคนเดียว มันสอนให้เราเผชิญหน้าและรับมือกับสิ่งเหล่านั้นโดยลำพัง แต่มันทำให้เราเปลี่ยนไปในทางที่ดี ชีวิตจะได้ไม่ต้องมัวแต่กลัว ยิ่งได้ไปเจอเพื่อนใหม่ๆ ซึมซับวัฒนธรรมใหม่ๆ มันเปิดโลกเราไปเลย

ตอนอ่านเล่มนี้เป็นจังหวะที่ไปได้ไปใช้ชีวิตอยู่ออสเตรเลีย เลยรู้สึกว่าเรื่องราวในหนังสือกับสิ่งที่เราเจอ ณ ขณะนั้นมัน connect กัน คนอื่นอ่านแล้วอาจจะไม่อินก็ได้ แต่เราคิดว่ามันก็เป็นหนังสือที่อยากแนะนำให้อ่านนะ

What We Read: อาชญาสิทธิ์ ศรีสุวรรณ

โอม

ซีรี่ย์ What We Read (ซึ่งเป็นไอเดียที่เป็นที่มาของบลอก What We Read นี้) ต้องการจะนำเสนอการอ่านของผู้คนทุกเพศ ทุกวัย ทุกสาขาอาชีพ เพื่อเป็นแรงบันดาลใจและอาจทำให้นักอ่านได้รู้จักหนังสือที่น่าสนใจมากขึ้นครับ

ชื่อ-นามสกุล : อาชญาสิทธิ์ ศรีสุวรรณ

อาชีพ : นักเขียน, แฟนพันธุ์แท้วรรณกรรมซีไรต์ ปี ๒๕๕๕

คุณจัดสรรเวลาสำหรับการอ่านอย่างไร?
ผมจะต้องอ่านหนังสือทุกวัน โดยแบ่งเวลาในการอ่านหนังสือเป็นสองอย่าง คือ จะอ่านหนังสือเกี่ยวการเรียนและการทำงานในตอนกลางวันที่ว่างจากกิจธุระต่างๆ และจะอ่านหนังสืออ่านเล่นอื่นๆ ที่สนใจในตอนก่อนนอนทุกคืน

ตอนนี้คุณกำลังอ่านหนังสือเล่มไหน? เนื้อหาเกี่ยวกับอะไร?
กำลังอ่าน พม่ารำลึก ของ จอร์จ ออร์เวลล์ เป็นหนังสือที่ผมอยากอ่านมานาน และเคยพยายามอ่านภาษาอังกฤษ แต่ยังอ่านได้ไม่เท่าไหร่ ล่าสุดเพิ่งมีแปลเป็นภาษาไทย และผมเพิ่งซื้อมาจากงานสัปดาห์หนังสือ ซื้อมาก็อ่านเลยทันที เนื้อหาเกี่ยวกับพม่าในช่วงที่เป็นเมืองขึ้นของอังกฤษ ผู้เขียนเล่าเรื่องจากประสบการณ์ที่เขาเคยเป็นตำรวจในพม่ายุคสมัยนั้น

พม่ารำลึก

หนังสือที่คุณอ่านจบเล่มล่าสุดคือเล่มไหน? เนื้อหาเกี่ยวกับอะไร?
เพิ่งอ่านหนังสือ อ่านแล้ว อ่านเล่า ของ ศรีดาวเรือง จบไป เป็นหนังสือที่รวมบทความเล่าเรื่องเกี่ยวกับหนังสือเก่าและหนังสือหายากหลายเล่ม หลากหลายเรื่องราว ทั้งเกี่ยวกับชีวประวัติ ความทรงจำของบุคคล รวมถึงหนังสือวรรณกรรม ผมเคยอ่านมาตั้งแต่สมัยที่ยังเป็นบทความในวารสาร เมื่อมารวมเป็นเล่มแล้วอ่านใหม่ ก็ยังรู้สึกว่าอ่านสนุกและได้ความรู้เป็นอย่างยิ่ง

อ่านแล้วอ่านเล่า

หนังสือที่คุณตั้งใจจะอ่านเป็นเล่มต่อไป? เพราะอะไร?
 การสอบความของสุนัขตนหนึ่ง เขียนโดย ฟรันซ์ คาฟคา ที่อยากอ่านเพราะผมชอบผู้เขียน คือ คาฟคา ที่สำคัญไปกว่านั้น นี่คือ หนังสือรวมงานเขียนที่ตีพิมพ์หลังคาฟคาตาย เป็นงานที่คาฟคาบอกให้เพื่อนเอาไปเผาทิ้ง แต่เพื่อนไม่ยอมเผา และเอามาตีพิมพ์ ถ้าเพื่อนของคาฟคา เชื่อตามที่คาฟคาสั่ง เราคงไม่มีโอกาสอ่านหนังสือเล่มนี้

การสอบความของสุนัขตนหนึ่ง

หนังสือเล่มไหนที่คุณอ่านจบแล้วและอยากแนะนำให้คนอื่นได้อ่าน พร้อมเหตุผล
มีหนังสือนวนิยายจีนอยู่เล่มหนึ่งซึ่งผมชอบมากๆ และมักจะแนะนำให้ทุกคนอ่าน นั่นคือเรื่อง พี่กับน้อง ของ หยูหัว เป็นนวนิยายที่ผมรู้สึกว่าอ่านแล้วครบเครื่อง สนุก ทะลึ่ง และเศร้าสลด รวมถึงยังมองเห็นภาพสะท้อนของสังคมจีนได้อย่างน่าสนใจ เรียกได้ว่า เป็นนวนิยายในดวงใจของผมเลยทีเดียว ดังนั้น ผมคิดว่า ผมควรแนะนำหนังสือในดวงใจของผมให้กับคนอื่นได้อ่านด้วยเช่นกัน

พี่กับน้อง

What We Read: กนกวรรณ บัวงาม

Kanokwan

ซีรี่ย์ What We Read (ซึ่งเป็นไอเดียที่เป็นที่มาของบลอก What We Read นี้) ต้องการจะนำเสนอการอ่านของผู้คนทุกเพศ ทุกวัย ทุกสาขาอาชีพ เพื่อเป็นแรงบันดาลใจและอาจทำให้นักอ่านได้รู้จักหนังสือที่น่าสนใจมากขึ้นครับ

ชื่อ-นามสกุล : กนกวรรณ บัวงาม

อาชีพ : บรรณารักษ์ สำนักหอสมุด มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

คุณจัดสรรเวลาสำหรับการอ่านอย่างไร?
ปกติไม่ได้จัดสรรเวลาการอ่านหนังสือเท่าไหร่ ถ้าช่วงไหนว่าง อยู่บ้านไม่ได้มีกิจกรรมก็จะหยิบหนังสือเล่มเก่าๆ ที่เคยชอบอ่านมาอ่านใหม่ แล้วแต่ว่าช่วงนั้นอยู่ในอารมณ์ไหน ช่วงเหนื่อยๆ อยากหาเรื่องสนุกๆ อ่านก็หยิบวรรณกรรมเยาวชนมาอ่าน ที่ชอบหยิบมาอ่านมากบ่อยมาก คือ เรื่อง นิกกับพิม กับ เรื่อง ปุลากง ชอบมาตั้งแต่สมัยเด็กๆ เพราะเป็นหนังสืออ่านนอกเวลาสมัยเรียนมัธยม อย่าง นิกกับพิม ที่ชอบเพราะเป็นเรื่องที่ใช้ตัวละครเอกเป็นสุนัขเล่าเรื่องแทนที่จะเป็นพระเอก นางเอกเหมือนเรื่องอื่นๆ หรือ อย่างปุลากง ก็ยังคิดถึงภาพคุณเข้มอยู่เสมอ และชื่นชมคนที่ทำงานในพื้นที่ภาคใต้โดยเฉพาะครูในโรงเรียนที่ต้องเสียสละตัวเองมากๆ

ตอนนี้คุณกำลังอ่านหนังสือเล่มไหน? เนื้อหาเกี่ยวกับอะไร?
ตอนนี้กำลังอ่านหนังสือเรื่อง การเดินสู่อิสรภาพ ของ อ.ประมวล เพ็งจันทร์ เล่มนี้เคยอ่านจบไปรอบหนึ่งแล้วค่ะ แต่เอากลับมาอ่านซ้ำอีกรอบ เพราะช่วงนี้อยากหาแรงบันดาลใจให้ตัวเอง การเดินสู่อิสรภาพ เล่มนี้เป็นเรื่องราวการเดินทางจากจังหวัดเชียงใหม่ถึงเกาะสมุย ของอาจารย์ประมวลเอง ด้วยวิธีการเดินด้วยเท้า ผ่านหมู่บ้าน ผ่านชุมชนต่างๆ ซึ่งอาจารย์มีความตั้งใจเพื่อค้นหาตัวเอง และมีการตั้งกฎของการเดินทางครั้งนี้ จะไม่ใช้เงินเลย ถ้าเป็นคนปกติธรรมดาคงไม่กล้าที่จะคิดหรือทำเรื่องแบบนี้ ซึ่งในแต่ละจังหวะของการเดินทางอาจารย์ประมวลจะเล่าถึงความรู้สึกและมุมมองจากสิ่งที่เห็น จากสิ่งที่ได้รับจากการเดินทาง ทั้งจากคน และสิ่งรอบๆ ตัว มันช่วยให้เรามองชีวิตและคนที่อยู่รอบๆ เราได้ลึกซึ้งมากขึ้น เป็นหนังสือที่ชอบมากๆ ค่ะ

walktofreedom

หนังสือที่อ่านจบเล่มล่าสุดคือเล่มไหน? เนื้อหาเกี่ยวกับอะไร?
หนังสือที่เพิ่งอ่านจบไป คือ เรื่อง The Notebook หรือ ปาฏิหาริย์บันทึกรัก ของ นิโคลัส สปาร์กส์ (Nicholas Sparks) เป็นเรื่องความรักของ โนอาห์ และ แอลลี ที่ซาบซึ้งมากๆ เรื่องนี้ทำให้เห็นว่า ความรักมีพลังที่จะทำให้คนคนหนึ่งทำอะไรก็ได้เพื่อคนที่เขารัก โนอาห์ครองคู่กับแอลลี มานานจนสุดท้ายแอลลีป่วยเป็นโรคอัลไซเมอร์ ถึงขนาดจำอะไรไม่ได้เลย แต่โนอาห์ก็ยังดูแลแอลลีอยู่ไม่ห่าง และพยายามใช้สื่อคือ สมุดบันทึก เล่าเรื่องราวความรักในสมัยวัยรุ่นให้แอลลีฟังทุกๆ วันโดยไม่เบื่อ และมีความหวังอยู่เสมอว่าจะมีปาฏิหาริย์ให้แอลลีจำเขาได้ มันมีทั้งความโรแมนติกและชวนให้หดหู่ ถ้าเราต้องเจอกับเหตุการณ์อย่างนี้จะทำยังไง เราจะหาคนรักที่ทำได้เหมือนโนอาห์ไหม อันนี้แอบคิดไว้ในใจ

thenotebook

หนังสือที่คุณตั้งใจจะอ่านเป็นเล่มต่อไป? เพราะอะไร?
ตอนนี้ยังไม่มีหนังสือที่ตั้งใจจะอ่านจริงๆ จังค่ะ ช่วงนี้กำลังศึกษาเรื่องการทำขนม ก็ได้แต่เปิดดูหนังสือหาสูตรทำขนม แล้วค้นทางอินเทอร์เน็ตไปเรื่อยๆ ก่อนหน้านี้ซื้อหนังสือ a day เล่ม bread issue ตั้งแต่เดือนที่แล้ว กะว่าจะหาเวลาว่างอ่านสักที ช่วงนี้กำลังอยากหัดทำขนมเค้ก ขนมปัง จริงๆ จังๆ พอดีเห็นเล่มนี้แล้วสะดุดตา ได้เปิดผ่านแล้วมีเรื่องราวเกี่ยวกับขนมปังและขนมเค้กต่างๆ น่าสนใจดีค่ะ

adaybread

หนังสือเล่มไหนที่คุณอ่านจบแล้วและอยากแนะนำให้คนอื่นได้อ่าน พร้อมเหตุผล
ถ้าคนไหนช่วงนี้รู้สึกท้อกับหลายๆ เรื่อง เบื่อสังคม เบื่องาน เบื่อคน อยากหาแรงบันดาลใจ อยากให้ลองอ่านหนังสือ การเดินสู่อิสรภาพ ของ อาจารย์ประมวล เพ็งจันทร์ดูนะคะ เพราะหนังสือเล่มนี้จะช่วยให้ได้เห็นมุมมองที่ดีๆ ของคน หรือสิ่งต่างๆ รอบๆ ตัว บางเรื่องมันสะเทือนใจมากๆ เช่น การไม่มีที่นอน หรือการนอนกับหมาขี้เรื้อนในวัด มันสะเทือนใจจนต้องร้องไห้ แต่ที่ร้องไห้มันไม่เหมือนกับการอ่านนิยายที่เราอินไปกับเรื่องนั้นๆ ตามจินตนาการของนักเขียน แต่เป็นเรื่องเล่าและการเดินทางของอาจารย์ที่เกิดขึ้นจริงๆ และเป็นความรู้สึกจริงๆ ที่อาจารย์เล่าให้ฟัง อยากให้ลองหามาอ่านกันดูค่ะ