ลองรัน ๒๑ โลเทียบ garmin 235 & apple watch watchOS 5

เมื่อวานไปซ้อมวิ่งลองรัน ตั้งใจจะวิ่ง ๓๒ โล หลังจากอาทิตย์ที่แล้วร่างกายทรุดโทรมจากการนอนดึก (จริง ๆ นอนตีสี่ครึ่ง เพราะปิดต้นฉบับให้ลูกค้า) และซ้อมน้อย ก็เลยพักการซ้อมวิ่งยาวไป

อีกอย่างที่ตั้งใจก็คือ เอา apple watch ไปทดสอบวิ่งยาวครั้งแรกหลังจากที่อัปเดตเป็น watchOS 5 แล้วมีค่า cadence เพิ่มมาให้ด้วย การทดสอบก็เหมือนเดิม ใส่ garmin ข้างซ้าย ใส่ apple watch ข้างขวา

สรุปผลการวิ่ง ล้มเหลวไม่เป็นท่า ระยะไม่ได้ เพราะจบแค่ ๒๑ โล จิตใจอ่อนแอ ท้อแท้ ท้อถอย ไม่มีข้ออ้าง ไม่ต้องโทษใคร โทษตัวเองแม่มนี่แหละ อีกอย่างที่ล้มเหลวคือ เพซก็ไม่ได้ ความที่ตั้งใจจะวิ่ง ๓๒ โล ก็เลยคุมเพซแบบไม่เร่งเหมือนตอนวิ่งฮาล์ฟ กะให้แรงมีไปถึง ๓๒ พอหยุดที่ ๒๑ เลยกลายเป็นว่าเพซแย่กว่าตอนฮาล์ฟนาวิกฯ เยอะ

ส่วนผลการทดสอบ apple watch เทียบกับ garmin ได้ค่าตามรูป ที่น่าสนใจและไม่อยู่ในรูปคือ ใช้แบตฯ ไป ๒๐% ถ้วน (จาก ๑๐๐ เหลือ ๘๐%) โดยที่เปิดทุกอย่างตามปกติ โนติก็เปิด เพราะโทรศัพท์ก็ติดตัวไปด้วย แต่ไม่ได้เปิดเพลงนะ ถ้าอัตราการใช้แบตฯ คงที่ประมาณนี้ก็มีความหวังว่าจะไปฟูลจนจบได้ โดยที่แบตฯ ไม่หมดไปก่อน (ส่วน garmin นั่นไม่ต้องห่วง แบตฯ อยู่ได้สบายอยู่แล้ว)

หมายเหตุ ทำไม cadence ต่างกันเยอะจังวะ…

สิ่งที่ได้จากการวิ่งเมื่อวานนี้


suanrotfai_090961

– อย่าได้ประมาทปีศาจตะคริว ถึงไม่เคยเป็นมาก่อนแต่ก็พร้อมมาได้ทุกกิโล วันนี้เริ่มส่งสัญญาณมาตอนโลที่สิบที่นิ้วก้อยข้างซ้าย ถึงขนาดต้องหยุดนั่งถอดรองเท้าออกมานวด ทีแรกนึกว่าจะวิ่งต่อไม่ได้แล้ว ยังดีที่อาการดีขึ้นและไม่เป็นอีก

– หัวนมโดนเสื้อบาด ดีที่โดนข้างเดียว ก่อนหน้านี้โดนมาบ้างแต่ยังไม่เท่าไหร่ แต่ครั้งนี้พออาบน้ำแล้วแสบมาก ต้องหาวิธีป้องกันเพราะครั้งต่อ ๆ ไปจะระยะมากกว่าวันนี้

– ไม่รู้เป็นอุปาทานหรือเปล่า แต่การเติมเครื่องดื่มเกลือแร่หลังจากโล ๒๐ กว่าช่วยให้มีแรงขึ้นมาได้อีกหน่อย (ไม่นับที่กินเม็ดเกลือแร่ไปแล้วตอนครบสิบโล)

– ตั้งแต่ระยะ ๒๓ โลขึ้นไป แม่งอยู่ที่กำลังใจล้วน ๆ ถ้าใจสู้ ก็ไปต่อได้

– หยุดเดินแล้วพอจะกลับมาวิ่งต่อจะมีอาการเท้าหนัก เหมือนจะก้าวได้ไม่คล่อง รวมถึงสภาพจิตใจ พอหยุดเดินครั้งนึงแล้ว ใจจะงอแง จะชวนให้หยุดเรื่อย ๆ ต้องพยายามเลี่ยงการหยุดเดิน

– วันนี้ หื่น เอ๊ย ผื่นขึ้น เหมือนครั้งที่แล้ว ตอนนี้สันนิษฐานสองสาเหตุ หนึ่งคือ วิ่งแล้วภูมิตก ร่างกายเลยแสดงอาการ หรือสอง แพ้แป้งสาลีแล้วมาออกมากำลังกายหนัก ตามที่เพิ่งเห็นจากในโพสต์เมื่ออาทิตย์สองอาทิตย์ก่อน ตอนนี้ยังไม่ได้ข้อสรุป

เป้าอาทิตย์หน้า ๑๑ รอบเกือบ ๓๐ โลล่ะ…


suanrotfairoute_090961

Another Day in My (Running) Life – เสาร์ ๑ กันยายน ๒๕๖๑

เมื่อวานตื่นตีสี่ จะไปซ้อมลองรันที่สวนรถไฟ ตื่นแล้วเดินออกไปดูสภาพอากาศที่หน้าบ้าน ในใจภาวนาให้ฝนตกจะได้กลับไปนอนต่อ แต่ฝนฟ้ามันไม่เคยเป็นใจ ครั้งนี้อยากให้ตกมันก็ไม่ตก เดินกลับเข้าบ้านไปปลุกแม่พดด้วง บอกตีสี่แล้ว ฝนไม่ตกด้วย ต้องตื่นล่ะ

เข้าห้องน้ำ อาบน้ำเสร็จออกมากินขนมปังตุนไว้เป็นพลังงาน กำลังแต่งตัวได้ยินเสียงฝนลงเม็ดกระทบหลังคา เดินออกไปดู แม่มใช่จริง ๆ ให้มันได้อย่างนี้สิวะ!! แต่ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้ว ตื่นแล้วอาบน้ำแล้ว เดินหน้าต่อแล้วกัน

ตอนออกจากบ้านฝนยังลงเม็ดนิดหน่อย คิดว่าพอมีลุ้น เผื่อว่าที่สวนรถไฟจะไม่ตก ขับรถออกมาฝนลงเม็ดหนักขึ้นตลอดทางจนถึงสวนรถไฟก็ยังไม่หยุด ต้องจอดแง้มกระจกนอนรออยู่พักใหญ่ ระหว่างนั้นก็มีนักวิ่งนักปั่นทยอยเข้ามาเป็นระยะ

จนประมาณหกโมงฝนเริ่มซาไปเยอะล่ะ ลงจากรถไปที่จุดประจำ คนน้อยมากแทบไม่มีเลย วอร์มกับยืดเหยียดเสร็จก็เริ่มออกวิ่ง

ไม่รู้ว่าเพราะอากาศเย็นบวกกับอาทิตย์ที่แล้วไม่ได้มา (เพราะฝนตก) หรือยังไง ช่วงกิโลแรกเพซเร็วกว่าที่ตั้งใจไว้เกือบนาที (เหมือนมึงฟิตอ่ะ) ดูนาฬิกาแล้วต้องรีบผ่อนลงมา กลัวจะหมดแรงก่อนจะวิ่งครบสิบรอบตามที่ตั้งใจ

วิ่งได้สักพักฟ้าก็เริ่มสว่าง คนทยอยมาเยอะขึ้น เห็นเจ้าหน้าที่ประกาศว่าวันนี้มีโรงเรียนแม่พระฟาติมามาจัดกิจกรรมด้วย เด็กเพียบ เยสเข้!!

ตอนวิ่งรอบที่สอง นึกไปว่า นี่วิ่งมาแล้วสี่โล เหลืออีก ๒๒ โล ชิบหาย!! ต้องวิ่งอีกฮาล์ฟนึง ฟังดูเยอะ เอาใหม่ เหลืออีกแปดรอบกว่า ฟังดูดีกว่านะ ตัวเลขมันน้อยดี นับแบบนี้ค่อยมีกำลังใจหน่อย

วิ่ง ๆ อยู่ ช่วงเลยสะพานไม้ที่จะข้ามไปสวนสมเด็จฯ มาหน่อยนึง จู่ ๆ สาวนักวิ่งข้างหน้าก็ผงะ แล้วโดดออกไปทางขวา พอมองตามไปก็ต้องร้อง…

เหี้ย!!

ใช่ครับ เหี้ยตัวเป็น ๆ ความยาวน่าจะประมาณสองเมตร กำลังคลานข้ามถนนอยู่ ดูแล้วไม่ได้กลัวคนซักนิด คาดว่าน่าจะคุ้นเคยอยู่ บรรดานักวิ่งนี่แหละที่ต้องหลบทางให้พี่เค้า

ตอนวิ่งรอบที่สี่ วิ่ง ๆ อยู่มีพี่ผู้ชายคนนึงใส่รองเท้า altra (เออ กูนี่เป็นอะไร หน้าตาไม่ได้ดู ดูตีนก่อน 😆) วิ่งมาเทียบแล้วหันมาบอกว่า ขอเกาะไปด้วยคน เพซใกล้ ๆ กัน ไอ้เรานี่เกรงใจ อยากจะบอกว่าผมนี่กากสัสเดี๋ยวพี่จะผิดหวังนะ แต่ก็กลัวแกเสียน้ำใจ วิ่งคู่กันไปสักพัก ดูทรงแล้วชักไม่มั่นใจว่ากูจะเป็นภาระพี่เค้าป่าววะ เลยหันไปบอก ถ้าพี่เร็วกว่าไปก่อนได้เลยนะครับ แกยังบอกว่า พี่น่ะกลัวจะทำให้คุณช้า ปกติวิ่งเพซแปด แต่นี่เจ็ดกว่า ยังพอเกาะไปด้วยได้ วิ่งมาด้วยกันจนเลยซุ้มขายน้ำมาหน่อยพี่เค้าบอกไปก่อนได้เลย ขอเติมน้ำก่อน ก็ต่อมาคนเดียว

ครบรอบที่สี่ ได้สิบโลนิด ๆ แวะจิบน้ำ กินเกลือแร่ เติมกล้วยตากชิ้นนึง เอาชัวร์ไว้ก่อน แล้วออกไปวิ่งต่อ ตอนนี้คนเริ่มเยอะล่ะ วิ่งมาเจอคณะผู้ร่วมงานโรงเรียนแม่พระฟาติมาเริ่มออกมาเดินกันแล้ว กระจายกันเต็มถนน เด็ก ๆ วิ่งซ้ายวิ่งขวา เดาทางไม่ถูก กลัวเหยียบเด็กอิ๊บอ๋าย ต้องชลอบ้าง เปลี่ยนเลนไปซ้ายบ้าง ขวาบ้าง

วิ่งมาเกือบครบรอบมาเจอคุณพี่ altra กำลังเดินอยู่ข้างหน้า เลยวิ่งไปเทียบสวัสดี แล้วเลยวิ่งคู่กันต่อจนมาถึงจุดวางน้ำ บอกพี่ไปก่อนเลยครับ เดี๋ยวเจอกัน

วิ่งครบเจ็ดรอบเหนื่อยเป็นหมาหอบแดดเลย ใจชักเริ่มงอแง เริ่มหาข้ออ้างเพื่อมาเป็นเหตุให้หยุดวิ่ง เริ่มจาก เอาน่า อาทิตย์ที่แล้วก็ไม่ค่อยได้ซ้อม ถ้าวันนี้วิ่งเยอะ มันอาจจะเจ็บนะ ตามมาด้วย ที่ผ่านมาก็ซ้อมตามโปรแกรมมาตลอด ผ่อนซักวันก็คงไม่เป็นไรน่า แต่ละความคิดมันช่างชวนให้หยุดวิ่ง หยุดเหนื่อย มึงจะมาวิ่งให้เหนื่อยทรมานตัวเองทำไมเนี่ย

ยังดีที่คิดได้ว่า วิ่งมาแล้วเจ็ดรอบ เหลืออีกสามเองนะมึง วิ่งต่อหน่อยน่า (ซึ่งจริง ๆ สามรอบที่เหลือนี่ก็เกือบแปดโลเลยนะ) รอบที่แปดนี่กายละเอียดไปนั่งจิบโค้กเย็น ๆ รอในร้านแล้ว ปล่อยกายหยาบแม่งวิ่งออโต้ไพล็อตไป วิ่งไปไปเจอคุณพี่ altra อีก ก็เลยวิ่งเกาะกันไป คุยกันไปด้วย แกเล่าว่าไปวิ่งเทรลมา ไอ้เราก็สนใจจะไปเทรลปีหน้า เลยถามแกว่าเลือกซื้อเป้น้ำยังไง (ขอบคุณมากครับพี่ 🙏) วิ่งไปคุยไป ไม่รู้แกยังไงนะ แต่เรานี่หอบชิบหาย แต่ดีที่เหมือนมีเพื่อนช่วยให้ผ่านมาได้อีกรอบ จนแกแวะเติมน้ำ

ตอนจะเริ่มรอบที่เก้านี่เริ่มลังเล เชี่ยเอ๊ย จะหยุดดีมั้ยวะ ตัดสินใจวิ่งต่อ สมองนี่โล่ง วิ่งไปมองข้างหน้าอย่างเดียว ดูว่าคนข้างหน้าใส่รองเท้าอะไร รุ่นอะไร ยี่ห้อไหนเจอบ่อย ยี่ห้อไหนเจอน้อย เก็บสถิติไปพลาง ๆ

ใกล้ครบรอบเริ่มมีอาการแปลกใหม่ที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เหมือนฝ่าเท้าซ้ายเริ่มชา ๆ (ไม่เป็นกาแฟ 😂) ชิบหาย นี่จะตะคริวมาหรือเปล่า ลองผ่อนลงนิดนึงก็ดูเหมือนจะดีขึ้น ไปจนครบรอบ แวะเติมน้ำ เจอสิ่งผิดปกติ คือ มีหื่น เอ๊ย ผื่นขึ้น ที่ต้นแขนกับที่ต้นขา เฮ้ย เป็นไรวะ เลยตัดสินใจหยุดก่อน เอาแค่นี้นะ กูได้ข้ออ้างแล้ว 😆 ได้เก้ารอบเท่าเมื่อสองอาทิตย์ก่อน กลัวว่าถ้าวิ่งต่อเดี๋ยวได้มีข่าวพาดหัว

สลด!! นักวิ่งหนุ่มใหญ่วัยเกรียนไม่เจียมสังขาร

ขาดใจตายอนาถสุดอุบาทว์ที่สวนรถไฟ

อาทิตย์หน้าค่อยมาใหม่นะฮะ…

ทดสอบ gps Garmin FR235 และ Apple Watch ที่สวนรถไฟ ภาค ๒

จากที่วันเสาร์ที่แล้วได้ไปทดสอบ gps ของ apple watch series 3 และ garmin fr 235 ที่สวนรถไฟ โดยสวม garmin ที่ข้างซ้าย (ข้างที่ถนัด) และ apple watch ที่ข้างขวา ผลที่ได้คือ garmin ได้ระยะ ๒๑.๐๓ โล apple watch ได้ ๒๑.๖๐ โล (อ่านความเดิมตอนที่แล้วได้ที่นี่ครับ https://buak.net/2018/08/12/gps-test-garmin-fr235-apple-watch-series-3/ )

มีเพื่อนสมาชิกได้แนะนำว่า การวิ่งวนซ้าย นาฬิกาที่มือซ้ายจะได้ระยะน้อยกว่ามือขวา เพราะฉะนั้นผลที่ได้ก็ปกติ แต่ด้วยความซนของผมที่อยากรู้อยากเห็น (แต่ไม่สอดรู้สอดเห็นนะฮะ 😆) ก็เลยไปทดสอบกันอีกครั้งเช้าวันเสาร์ที่ผ่านมา (๑๘ สิงหาคม ๒๕๖๑)

วิ่งที่สวนรถไฟเหมือนเดิม เส้นทางเดิม แวะเข้าห้องน้ำตรงจงอยปลายติ่งที่เดิม หยุดซื้อน้ำเกลือแร่ที่ซุ้มน้ำเหมือนเดิม เรียกว่าพยายามคุมปัจจัยให้ใกล้เคียงครั้งที่แล้วทุกอย่าง ที่แตกต่างคือ เปลี่ยนมาใส่ apple watch ที่ข้างซ้ายและย้าย garmin ไปข้างขวา

ผลที่ได้คือ ที่จำนวนรอบเท่ากับครั้งที่แล้ว apple watch ได้ระยะ ๒๐.๙๖ โล ส่วน garmin ได้ ๒๐.๙๕ โล (ซึ่งไม่ตรงตามทฤษฎี) และเมื่อวิ่งต่อให้ครบระยะที่ตั้งใจวิ่งครั้งนี้คือเก้ารอบสวนรถไฟ ได้ผลตามรูปครับ

รูปบนมาจาก apple watch ได้ระยะ ๒๓.๔๘ โล ส่วนรูปล่างของ garmin ได้ ๒๓.๕๖ โล ตรงตามทฤษฎีที่เพื่อนสมาชิกแนะนำมา แต่ถ้าเทียบกับข้อมูลของครั้งที่แล้วจะพบว่า ส่วนต่างของระยะทางที่ได้ทั้งสองครั้งต่างกันอยู่พอสมควรครับ

สวนรถไฟ ๑๘ สิงหาคม ๒๕๖๑

สวนรถไฟ ๑๘ สิงหาคม ๒๕๖๑

ป.ล. ๑ ผมไม่ได้ซีเรียสเรื่องความแม่นยำของระยะทาง แค่ลองดูเพราะอยากรู้เฉย ๆ

ป.ล. ๒ การวิ่งเช้านี้ apple watch เริ่มต้นมีแบต ๙๖% วิ่งเสร็จเหลือแบต ๗๑% ครับ (ครั้งที่แล้วมีเพื่อนสมาชิกสอบถามมาครับ)

ป.ล. ๓ ดูรูปเส้นทางวิ่งแล้วโปรดอย่าคิดลึก เส้นทางวิ่งที่สวนรถไฟเป็นแบบนี้เองนะครับ 😊

ทดสอบ gps Garmin FR235 และ Apple Watch ที่สวนรถไฟ

ด้วยความอยากรู้ว่า apple watch กับ garmin fr 235 จับระยะ gps ใกล้เคียงหรือต่างกันแค่ไหน วันก่อนลองระยะสั้น ๆ ในหมู่บ้านไปแล้ว เมื่อวานก็เลยลองระยะฮาล์ฟแล้วเปลี่ยนสถานที่ด้วย

การทดสอบคือ ใส่ garmin ข้างซ้าย (ข้างที่ถนัด) ใส่ apple watch ที่ข้างขวา ผลที่ได้ก็ตามรูป garmin รูปแรกได้ระยะ ๒๑.๐๓ โล apple watch รูปล่าง ได้ ๒๑.๖๐ โล

สวนรถไฟ 11 สิงหาคม 2561 Garmin FR235

สวนรถไฟ 11 สิงหาคม 2561 Apple Watch

ไม่รู้เหมือนกันว่าเรือนไหนตรงกว่า เพราะไม่รู้ระยะแน่ ๆ เหมือนกัน ถ้าจะให้ดี รบกวนผู้มีเมตตาซื้อ Suunto ให้อีกซักเรือนเพื่อเอามาเปรียบเทียบนะฮะ… 😆

หมายเหตุ ดูรูปเส้นทางวิ่งแล้วโปรดอย่าคิดลึก เส้นทางวิ่งที่สวนรถไฟเป็นแบบนี้เองนะครับ

สภาพรองเท้าวิ่ง Pan Predator Marathon ระยะ ๗๔๒ โล

PanPredatorMarathonLeft

ก่อนหน้านี้เคยโพสต์รีวิวรองเท้า Pan Predator Marathon พร้อมรูปตอนแกะกล่องสภาพปิ๊ง ๆ เหลืองสดใส (ตามภาพด้านบน) กับหลังใช้งาน ๓๐๐ โลไปแล้ว (อ่านรีวิวและดูรูปได้ที่นี่นะฮะ https://buak.net/2017/11/19/review-pan-predator-marathon-running-shoes/ ) เมื่อวันก่อนใช้ไปครบระยะ ๗๔๒ โล เลยเอามาให้ดูกันอีกทีว่าสภาพพื้นรองเท้ายังเหลืออยู่แค่ไหน เผื่อเป็นข้อมูลช่วยในการตัดสินใจของคนที่กำลังลังเลว่าจะซื้อยี่ห้ออะไรดี หวังว่าจะช่วยได้บ้างนะ มาดูกัน

เริ่มด้วยข้างซ้าย ดูเต็ม ๆ ก่อน

Pan Predator Marathon Yellow

ต่อมาก็ช่วงหน้าเท้า

Pan Predator Marathon Yellow

ตามด้วยช่วงส้นเท้า

Pan Predator Marathon Yellow

ทีนี้มาดูข้างขวาบ้าง

Pan Predator Marathon Yellow

อันนี้เป็นหน้าเท้าข้างขวา

Pan Predator Marathon Yellow

ต่อด้วยส้นเท้าจ้ะ

Pan Predator Marathon Yellow

ต้องบอกไว้ก่อนว่า สภาพที่เห็นนี่เกิดจากการใช้วิ่งบนถนนคอนกรีตในหมู่บ้านอย่างเดียวนะฮะ ไม่ได้ใช้วิ่งลงคอร์ต ลูกรัง ลาดยาง หรืออย่างอื่นเลย คอ-นก-รีต เฮ้ย คอนกรีตล้วน ๆ ส่วนลักษณะการสึกจะเป็นด้านนอก ด้านใน หน้าเท้า ปลายเท้าอะไรก็คงแล้วแต่การลงเท้าของแต่ละคน ซึ่งอาจจะไม่เหมือนกันครับ ❤

วิ่งฮาล์ฟมาราธอนครั้งแรก : ศิริราช เดิน-วิ่ง ผสานชุมชน ครั้งที่ ๑๒

Siriraj Walk & Run 2018 Half Marathon Medals

เมื่อเช้าไปปักหมุดหมายใหม่ให้กับการวิ่งของตัวเองมาครับ หลังจากที่ประเดิมงานวิ่งครั้งแรกไปแล้วด้วยงาน Samsung Galaxy 10K Thailand Championship 2018 (ตามที่เล่าไปแล้วในโพสต์นี้) ครั้งนี้เป็นการลงงานวิ่งครั้งที่สองและเป็นการวิ่งระยะฮาล์ฟมาราธอนครั้งแรก ที่งาน ศิริราช เดิน-วิ่ง ผสานชุมชน ครั้งที่ ๑๒ เป็นงานการกุศลที่ทางโรงพยาบาลศิริราชจัดขึ้นและจัดต่อเนื่องมาเป็นครั้งที่ ๑๒ แล้ว โดยที่ครั้งนี้มีเพิ่มระยะฮาล์ฟมาราธอนเป็นครั้งแรก

เมื่อวานวันเสาร์ฝนกระหน่ำกรุงเทพฯ ตั้งแต่เช้ายาวไปยันค่ำ ทำเอาใจไม่ดี บอกเทวดาว่าถึงจะอยากไปบอสตัน มาราธอนแต่ก็ยังอีกนาน ไม่ต้องมาให้ลองบรรยากาศบอสตันตั้งแต่ตอนนี้ก็ได้นะ (เว้ย) ใจนี่คิดอยู่ว่าจะได้ไปวิ่งมั้ย ถ้าไปแล้วเจอฝนจะต้องยังไง ฝนขนาดไหนถึงจะหยุดวิ่ง ดูข้อมูลจากแอปจากเว็บพยากรณ์อากาศก็บอกเหมือนกันหมดว่าเจอฝนแน่นอน แล้วตลอดทั้งวันที่กังวลอยู่นี่มีแต่คุณภรรยาที่ดีใจ อยากให้ฝนตกตอนวิ่ง บอก ไม่ได้เล่นน้ำฝนมานานแล้ว (เอ็งไปเล่นตอนไหนก็ได้มั้ย? -> นี่คิดในใจ 5555)

พอหยั่งงี้เลยต้องเตรียมตัว ต้องเอาหมวกไปด้วย แถมรองเท้าก็เปลี่ยนใจทีแรกจะเอา altra escalante boston ไป หลังจากงาน Samsung 10K ก็ซ้อมคู่นี้ตลอด แต่ถ้าจะเจอฝนขอเปลี่ยนเอา newton ไปดีกว่า ใส่แล้วดูมั่นใจว่าช่วยล็อกเท้าได้แน่นหนาดี

ตอนเช้าตื่นตั้งแต่ตีสอง เมื่อวานโหลดคาร์บไปแล้วด้วยพิซซ่าหนึ่งถาด ตามด้วยมะละกออีกครึ่งลูก แต่เพื่อความมั่นใจเพราะวิ่งฮาล์ฟครั้งแรก กลัวหมดแรงกลางทาง เช้านี้เลยจัดเดนิชลูกเกดอีกสองชิ้น ตามด้วยน้ำเต้าหู้อีกแก้ว กินเสร็จรู้สึกแน่น ๆ ยังคิดอยู่ว่า นี่กูกินมากไปมั้ย (วะ)?

ไปจอดรถที่วัดอมรินทรฯ (หลวงพ่อโบสถ์น้อย) แล้วเดินถึงงานก่อนเวลาพอสมควร มีเวลาได้วอร์มเป็นเรื่องเป็นราวไม่เหมือนงาน Samsung 10K ระหว่างวอร์มก็ว่า ทำไมคนมองมาข้าง ๆ เราเยอะจังวะ หันไปดู อ้าว พี่เมฆ วินัย ไกรบุตร มางานนี้ด้วย

มาวิ่งวันนี้ตั้งเป้าสองข้อ คือ จบไม่เจ็บ (ยังไงก็ต้องจบ ไม่ไหวก็ต้องลากสังขารเดินให้จบ เพราะคุณภรรยาจบฮาล์ฟมาแล้วครั้งนึง ถ้าครั้งแรกนี่ DNF แม่มโดนหยามไปจนถึงงานหน้าแน่ ๆ ) และขอจบด้วยเพซไม่เกิน ๗ จะ ๖:๕๙ ก็ได้ไม่ว่ากัน ตั้งใจว่าจะวิ่งด้วยเพซเจ็ดบวกลบนิด ๆ ไปซัก ๑๕ โล แล้วที่เหลือค่อยเร่งให้จบเร็วกว่า ๗ คิดว่าน่าจะเอาอยู่

ปล่อยตัวตอนตีสี่ วิ่งออกจากโรงพยาบาลทางด้านวังหลังแล้วยิงยาวไปสามแยกไฟฉาย ช่วงแรกคนเยอะก็สปีดหนีกันน่าดู ก้มดูนาฬิกา ชิ_หาย เพซห้ากว่า ไม่ได้ ไม่ได้ เดี๋ยวหมด วิ่งไม่จบ ต้องผ่อนลงหน่อย วิ่งไปสักพักเริ่มรู้สึกไม่ค่อยดี แน่น ๆ ท้อง แถมเลี่ยนเบเกอรี่ที่กินมาเมื่อเช้าด้วยแต่ก็วิ่งประคองไป

จนระยะสามโลกว่าสิ่งที่ไม่เคยเกิดตอนวิ่งและไม่คิดว่าจะเกิดก็เกิดจนได้ แม่ม Murphy’s Law จริง ๆ นั่นคือ ปวดขรี้ครับพี่น้องครับ วิ่งมาหลายปีไม่เคยมีปัญหานี้ แล้วมึงต้องมาเจอครั้งแรกตอนลงงานวิ่งเนี่ยนะ

พยายามหายใจลึก ๆ วิ่งประคองมาจนถึงจุดจอดรถพยาบาลที่กิโลฯ ที่สี่ มีรถสุขาจอดอยู่เลยวิ่งไป ปรากฎว่าท้องเสีย สงสัยจะเป็นเพราะมะละกอ กว่าจะเสร็จเสียเวลาไปประมาณสิบนาที

วิ่งต่อมาสักพักเจอคุณภรรยา (อีกแล้ว ตอนงาน Samsung ก็เจอ) เลยวิ่งไปเทียบ นั่นก็ถามว่า ทำไมเพิ่งอยู่ตรงนี้ ก็เลยบอกว่า ไปขรี้มา ท้องเสีย แล้วก็ขอไปก่อนล่ะนะ ทำเวลาคืนหน่อย

วิ่งมาดูเพซมาเรื่อย ๆ อยู่ที่หกกว่า เอาไงดีวะ นี่ผิดแผนไปหน่อย สองจิตสองใจกลัวหมดตั้งแต่โล ๑๖ – ๑๗ อีกใจก็คิดว่า ไม่เป็นไรเปลี่ยนจากที่จะสปีดตอนท้ายมาเป็นตอนนี้แทนแล้วช่วงท้ายประคองเอาเท่าที่ได้ละกัน สรุปวิ่งแม่มเพซนี้ล่ะ ไปวัดกันอีกทีว่าจะหมดมั้ย

วิ่งมาได้อีกหน่อย เจอสะพานข้ามแยก กำลังขึ้นสะพานเหนื่อย ๆ เจอคนวิ่งสวนกลับมาแล้ว อัดคู่กันมาเลย ไม่มีใครนำใคร ชิ_หาย ก้มดูระยะเพิ่งได้เจ็ดโลครึ่ง คำนวณไปอีกสามโลถึงจุดกลับตัว กลับมาอีกสามโล เท่ากับตอนนี้คนนำวิ่งไปแล้ว ๑๓ โลครึ่ง เหยดดดดดดดดด…

เออ ตรงนี้ประทับใจ จังหวะที่นักวิ่งกลุ่มนำวิ่งสวนกลับมา นักวิ่งที่กำลังวิ่งอยู่มีปรบมือให้กำลังใจด้วยนะ นี่ก็ปรบกับเขาด้วย

ผ่านสะพานข้ามแยกอันแรกไปแล้ว ต่อไปอีกหน่อยเจอสะพานที่สอง ตอนไต่ขึ้นไปไม่ได้คิดถึงโมเมนต์ตอนนี้เลย คิดเผื่อไปตอนขากลับว่า ขากลับกูจะเหนื่อยกว่านี้ แล้วกูจะรอดมั้ย ฮ่าาาาา

วิ่งไปก็นึกไป ทำไมไม่ถึงจุดกลับตัวซะทีวะ เหมือน ๆ จะถึงแต่ก็ไม่ถึง ใครแม่มย้ายจุดไกลออกไปหรือเปล่าวะ (ใครแม่มจะย้ายวะ?) แถมยังมีนักวิ่งกลับตัวมาเยอะขึ้นเรื่อย ๆ ใจก็ฝ่อไปหน่อย พอมาถึงจุดกลับตัวที่โล ๑๐.๕ ดูเพซเฉลี่ยได้ ๖:๓๔ อ้าว โอเคอยู่เว้ย ยังได้อยู่ ใจชื้นขึ้นมานิดนึง

มาถึงโลที่ ๑๓ อาการเจ็บเข่าขวาเริ่มมา เวลาวิ่งผ่านจุดพยาบาลก็แวะขอให้ฉีดสเปรย์ช่วย วิ่งผ่อนลงหน่อย เพซเฉลี่ยค่อย ๆ ขยับขึ้นมาเป็น ๖:๓๗ ไล่มา ๖.๔๑ ก็ยังไหววะ

ขากลับมาเจอสะพานข้ามแยกอันสุดท้ายใจนี่อยากเดินเลย แต่ฝืนใจก้าวสั้น ๆ ขึ้นไป ไอ้ขาขึ้นว่าเหนื่อยแล้ว เจอขาลงนี่อย่านึกว่าสบาย เกร็งขากันน่าดู โฮ้ยยยยย นี่กูมาทำอะไร

มาถึงโลที่ ๑๙ อาการเข่าขวายังมีอยู่แต่กำลังใจยังดี ยิ่งมาถึงสามแยกไฟฉายใจยิ่งมาเลย เหลืออีกนิดเดียวแล้วเว้ย ตั้งใจว่ากูจะเร่งล่ะนะ จะได้จบสวย ๆ เหมือนตอน Samsung 10K แต่ไม่ไหว เร่งได้นิดเดียวก็หมด เลยประคองเพซมาจนเข้าเส้นชัย กดนาฬิกาดู เออ เว้ย ได้เพซ ๖:๕๐ ได้ตามเป้าที่ตั้งไว้

Siriraj Walk & Run 2018 Half Marathon Finisher Shirt

งานนี้ตอนที่วิ่งค่อนข้างดี ปิดการจราจรบางส่วน (อันนี้เข้าใจ วิ่งในกรุงเทพฯ ก็อย่างนี้แหละ) แต่เจ้าหน้าที่กับตำรวจจราจรดูแลตลอดเส้นทาง มีรถพยาบาลพร้อม สเปรย์มีบริการ จุดให้น้ำให้น้ำเกลือแร่ตลอดเส้นทาง จะมีติดนิดนึงคือบางช่วงจะมืดไปหน่อยกับเส้นทางบางจังหวะจะแคบไปนิด

ที่น่าจะต้องปรับปรุงหน่อยก็คือ ช่วงหลังเข้าเส้นชัย ที่ปริ้นต์ผลการวิ่งเสีย ปริ้นต์ไม่ได้ และพื้นที่โซนอาหารแคบไปนิดเมื่อเทียบกับจำนวนนักวิ่ง เลยติดขัดและแออัดกันพอสมควร

แต่รวม ๆ ถือว่าโอเค ปีหน้าเจอกัน (ถ้าสมัครได้นะ) …

Siriraj Walk & Run 2018 Half Marathon Route

ทำไมใคร ๆ ก็อยากจะไป Boston Marathon

ก่อนการแข่งขัน 2018 Boston Marathon จะเริ่มขึ้นในคืนนี้ (ประมาณสี่ทุ่ม เวลาในประเทศไทย) ลองมาดูกันว่า ทำไมใครต่อใครถึงอยากไปกันนัก ไอ้ Boston Marathon เนี่ย

คำตอบสั้น ๆ ก็คือ รายการนี้เป็นหนึ่งในหกการแข่งขันมาราธอนรายการใหญ่ของโลก (โตเกียว / บอสตัน / ลอนดอน / เบอร์ลิน / ชิคาโก / นิวยอร์ก) และเป็นรายการที่จัดแข่งมานานที่สุดในโลกคือ ร้อยกว่าปีแล้ว (ปีนี้เป็นครั้งที่ ๑๒๒)

เรียกว่า สนามนี้แม่มโคตรขลัง

อีกอย่างที่ทำให้ใครต่อใครที่ได้ไปวิ่งรายการนี้ภาคภูมิใจก็คือ การจะลงแข่งได้ต้องไปด้วย “ลำแข้ง” ของตัวเองโดยแท้ (ไม่นับพวกสปอนเซอร์ที่ได้สิทธิ์พิเศษนะ) ด้วยการส่งสถิติเวลาการวิ่งของตัวเองจากสนามที่ทาง AIM (Association of International Marathons and Distance Races) และ IAAF (International Association of Athletic Federations) รับรอง เพื่อไปจัดอันดับและตัดตัว ซึ่งเวลาที่ว่านี้ไม่ง่ายเลย

มาดูเวลาของปีนี้กัน ในส่วนของผู้ชาย ต้องทำเวลาได้อย่างช้าที่สุดตามนี้

อายุ ๑๘ – ๓๔ -> ๓:๐๑:๓๗ ชั่วโมง
๓๕ – ๓๙ -> ๓:๐๖:๓๗ ชั่วโมง
๔๐ – ๔๔ -> ๓:๑๑:๓๗ ชั่วโมง
๔๕ – ๔๙ -> ๓:๒๑:๓๗ ชั่วโมง
๕๐ – ๕๔ -> ๓:๒๖:๓๗ ชั่วโมง
๕๕ – ๕๙ -> ๓:๓๖:๓๗ ชั่วโมง
๖๐ – ๖๔ -> ๓:๕๑:๓๗ ชั่วโมง
๖๕ – ๖๙ -> ๔:๐๖:๓๗ ชั่วโมง
๗๐ – ๗๔ -> ๔:๒๑:๓๗ ชั่วโมง
๗๕ – ๗๙ -> ๔:๓๖:๓๗ ชั่วโมง
๘๐+ -> ๔:๕๑:๓๗ ชั่วโมง

ส่วนเวลาของผู้หญิงก็ต้องได้อย่างช้าตามนี้

อายุ ๑๘ – ๓๔ -> ๓:๓๑:๓๗ ชั่วโมง
๓๕ – ๓๙ -> ๓:๓๖:๓๗ ชั่วโมง
๔๐ – ๔๔ -> ๓:๔๑:๓๗ ชั่วโมง
๔๕ – ๔๙ -> ๓:๕๑:๓๗ ชั่วโมง
๕๐ – ๕๔ -> ๓:๕๖:๓๗ ชั่วโมง
๕๕ – ๕๙ -> ๔:๐๖:๓๗ ชั่วโมง
๖๐ – ๖๔ -> ๔:๒๑:๓๗ ชั่วโมง
๖๕ – ๖๙ -> ๔:๓๖:๓๗ ชั่วโมง
๗๐ – ๗๔ -> ๔:๕๑:๓๗ ชั่วโมง
๗๕ – ๗๙ -> ๕:๐๖:๓๗ ชั่วโมง
๘๐+ -> ๕:๒๑:๓๗ ชั่วโมง

คนจัดงานนี่มึงซาดิสม์หรือเปล่า? คนเฒ่าคนแก่ก็ยังไม่เว้น ขนาดคนวัยเพิ่งเกษียณยังต้องวิ่ง sub 4 แล้วคนแก่อายุ ๘๐ เนี่ยยังต้องมาควอลิฟายด้วยเหรอ ให้คุณปู่คุณย่าเขาลงได้เลยไม่ได้เหรอวะ

ด้วยเหตุนี้นะครับ ใครต่อใครก็เลยอยากไป Boston Marathon กัน และปีนี้มีคนไทยที่ได้ลงแข่งทั้งหญิงและชายรวม ๑๔ คนด้วยกัน

สำหรับตัวเอง พอเห็นเวลาควอลิฟายแล้วยิ้มเลย บอกได้เลยว่า ไม่กังวล

เพราะที่กังวลอยู่ตอนนี้คือ กูจะวิ่งให้จบฟูลฯ ได้ยังไง อย่าเพิ่งมาพูดกันเรื่องเวลา…

หมายเหตุ รายการมาราธอนของไทยที่ใช้ยื่นสมัคร Boston Marathon ได้เท่าที่ลองเช็กมามีหกรายการ คือ จอมบึงมาราธอน กรุงเทพมาราธอน ขอนแก่นมาราธอน ลากูนาภูเก็ตมาราธอน บางแสนมาราธอน และบุรีรัมย์มาราธอน ใครอยากไป Boston ปีหน้าก็จัดเต็มในหกรายการนี้ได้เลยครับ 🙂

ประสบการณ์ลงงานวิ่งครั้งแรก : Samsung 10K Thailand Championship 2018

10k Thailand Championship 2018 medals

เมื่อเช้าตื่นเร็วกว่าปกติ ตั้งนาฬิกาปลุกตอนตีสาม เพราะวันนี้มีลงงานวิ่ง Samsung 10K Thailand Championship 2018 เป็นงานวิ่งงานแรกตั้งแต่ที่เริ่มวิ่งมาสามสี่ปี

ตื่นปั๊บก็เข้าห้องน้ำเสร็จแล้วออกมากินข้าวเหนียวหมูทอดตุนไว้นิดนึง กล้วยน้ำว้าอีกใบ น้ำเต้าหู้อีกแก้ว (ตอนแรกกลัวไม่พอ แต่พอกินไปแล้วเกิดเอ๊ะ มันเยอะไปมั้ยวะ? กูจะจุกมั้ยเนี่ย) แล้วอาบน้ำแต่งตัว ใช้เวลาไม่นานเพราะเสื้อกางเกง รองเท้าถุงเท้าเตรียมรอไว้แล้ว บิบก็ติดเอาไว้เรียบร้อย วันนี้เอารองเท้า Newton ไปใช้ จากความประทับใจที่ใส่วิ่งสิบโลทำเวลาทะลุ ๖๐ นาทีลงมาได้ ด้วยความหวังว่าวันนี้จะทำได้อีก สาธุ 🙏

ขับรถมาจอดที่สยามสแควร์ เลือกที่นี่จากหลาย ๆ ที่ที่ผู้จัดงานเตรียมไว้ เพราะคิดว่าน่าจะมีที่จอดชัวร์ ไม่อยากไปเสี่ยงที่อื่น เกิดพลาดขึ้นมาจะเสียเวลา จอดเสร็จเดินมาสนามศุภชลาศัย เดินกันมากลุ่มใหญ่ อุ่นใจว่าไม่หลงแน่นอนเพราะคนมาวิ่งงานเดียวกันทั้งนั้น ถามว่า รู้ได้ไง? ใครจะไม่รู้ก็แต่งตัวเหมือนกันหมด ใส่เสื้องานกันมาเป็นส่วนใหญ่ ไม่มาวิ่งงานนี้แล้วจะไปวิ่งที่ไหน

งานนี้ปล่อยตัวตีห้า กว่าจะผ่านจุดตรวจมาได้ก็เกือบตีสี่ครึ่งแล้ว ไหนยังจะต้องเข้าห้องน้ำ ต้องยืดเหยียดด้วย ก็เลยต้องรีบจ้ำ ทีแรกตั้งใจจะไปเข้าห้องน้ำที่เป็นรถห้องน้ำติดแอร์ที่ทางผู้จัดโพสต์ไว้ในเพจ แต่เข้ามาได้ซักหน่อยเจอคนยืนรอเข้าห้องน้ำกันอยู่เป็นห้องน้ำรวม คิวไม่ยาว ก็เลยเอาที่นี่ล่ะวะ ซึ่งคิดถูกจริง ๆ เพราะหลังจากนั้นเจอห้องน้ำแต่ละที่คิวยาวทั้งนั้นเลย

โผล่จากห้องน้ำมาเจอน้องหลง ที่ไม่เจอตัวเป็น ๆ กันมาสิบกว่าปีแล้ว เจอกันแต่ใน fb วันนี้ได้มาเจอกันหน้าห้องน้ำ ช่างเป็นจังหวะดีเสียนี่กระไร 5555

ทีนี้ก็รีบจ้ำไปบล็อกตัวเอง ก็ต้องแยกจากคุณภรรยาล่ะ เพราะเราอยู่บล็อก B คุณภรรยาอยู่บล็อก C เดี๋ยววิ่งเสร็จค่อยมาเจอกัน เดินไปถึงบล็อก โอย ใกล้ปล่อยตัวแล้วยังไม่ได้ยืดเหยียดเลย ทำแม่มตรงนี้ล่ะ ใครจะมองยังไงช่างมัน ถ้าไม่ทำก็กลัววิ่งแล้วเกิดเจ็บขึ้นมามันจะไม่คุ้มกัน

จากจุดที่ยืนมองไปที่จุดปล่อยตัว โห ไกลว่ะ ประเมินในใจแล้วว่า ชิ_หายแน่กูงานนี้ เป้าที่ตั้งไว้เห็นท่าจะเหลว เพราะก่อนมาตั้งเป้าไว้สามข้อ ข้อแรก จบไม่เจ็บ (ก็มาวิ่งให้แข็งแรง วิ่งแล้วเจ็บก็ผิดวัตถุประสงค์สิ ใช่มะ) ข้อสอง เวลาต่ำกว่า ๖๐ นาที อันนี้แหละที่คิดว่าน่าจะเหลว เพราะจากจุดที่ยืนอยู่กว่าจะไปถึงจุดสตาร์ตก็น่าจะนาทีกว่าแล้ว ต้องไปเร่งเอาคืนงี้ จะไหวเหรอ

ส่วนเป้าข้อสาม อยากติดอันดับ ๑,๐๐๐ คนแรกของผู้ชาย ข้อนี้เพื่อที่ว่าเผื่อปีหน้าจะลงจะได้ไม่ต้องไปแย่งกันสมัครอีก เพราะเขาให้โควต้าสมัครได้เลย

พอถึงเวลาปล่อยตัวก็จริงอย่างที่คิด กว่าจะไปถึงจุดสตาร์ตปาเข้าไปสองนาทีกว่า นี่เวลาหายไปเฉย ๆ เลย แล้วสองนาทีนี่ยากเลยนะ เลยเปลี่ยนใจ กูไม่เอา gun time ก็ได้วะ ขอ chip time ต่ำกว่า ๖๐ นาทีแทนแล้วกัน

พอเริ่มวิ่งก็มาติดคอขวดตรงประตูทางออกสนามศุภฯ นิดนึง ออกมาได้ก็ โฮ้ยยยยย คนทำไมมันเยอะหยั่งงี้ ปกติวิ่งคนเดียวในหมู่บ้านจะก้าวยาวก้าวสั้นไปซ้ายไปขวาไม่มีปัญหาไม่มีใครบัง นี่ต้องคอยหาจังหวะเสียบแซงขึ้นไป เก็บไปเรื่อย ๆ แต่ก็พยายามไม่เร่ง เพราะวางแผนไว้ว่าจะวิ่งประมาณเพซ ๖ บวกลบ ๕ วิไปซักเจ็ดโล (ถ้าเร่งตั้งแต่แรกกลัวหมดก่อนแล้วมันจะไม่ได้ตามเป้า) หลังจากนั้นค่อยเร่ง วิ่งไปก็คอยดูเพซไป กลัวหลุดไปเยอะตอนหลังจะเร่งไม่ไหว

วิ่งออกจากสนามศุภฯ เลี้ยวซ้าย แล้วมาเลี้ยวเข้าถนนบรรทัดทองวิ่ง ๆ อยู่มองไปข้างหน้าเห็นคนใส่ Escalante Boston 2018 ยังคิดว่าเดี๋ยวจะไปเล่าให้คุณภรรยาฟังว่าเจอคนใส่รองเท้ารุ่นเดียวกันด้วยนะ มองสูงขึ้นอีกหน่อย อ้าว ผู้หญิงด้วยว่ะ พอมองดี ๆ อ้าว เฮ้ย นี่ภรรยาเราตัวจริงเสียงจริง วิ่งยังไงมานำหน้าเราได้วะ ก็วิ่งไปเทียบให้รู้ตัวแล้วก็เร่งแซงมาก่อน

จากบรรทัดทองทะลุมาพระรามสี่ วิ่งมาอีกนิดเจอจุดรับน้ำจุดแรก วิ่งต่อไปจนถึงแยกอังรีดูนังต์ ซึ่งต้องเลี้ยวซ้ายไปจุดกลับตัว แต่มองไปข้างหน้าเห็นชุดที่วิ่งนำหน้ากลับตัวกันมาแล้วเยอะเลย ใจฝ่อไปนิดนึง กลับตัวเสร็จวิ่งมาถึงแยกศาลาแดงผ่านหน้าสวนลุมพินี ดูนาฬิกา ระยะสี่โลปลาย ๆ เวลา ๒๙ นาทีกว่า เอาวะ เวลาใช้ได้ น่าจะได้ต่ำ ๖๐ นาที

ผ่านสวนลุมฯ เลี้ยวเข้าถนนวิทยุ ตอนแรกที่เห็นเส้นทางวิ่งว่ามีวิ่งเข้าถนนวิทยุด้วยนี่ดีใจเลยนะ เพราะส่วนตัวชอบเส้นนี้มาก ต้นไม้ใหญ่แม่มเยอะ แล้วฟีลเขียวครึ้มดี แต่วันนี้วิ่งมามันยังมืดไง แล้วก็ต้องดูคนหลบคน ไม่ได้ดูวิวดูอะไรอย่างที่คิดเลย พอผ่านหน้าตึกสินธร ตลาดหุ้นเก่า ได้ระยะเจ็ดโล คิดในใจว่า เดี๋ยวพอพ้นวิทยุเลี้ยวเข้าเพลินจิตกูจะสับล่ะนะ พอเลยมาหน่อยผ่านโรงแรมพลาซ่า แอทธินี ของผู้ถือหุ้นใหญ่ที่บริษัท เอาวะ เร่งแม่มตั้งแต่ตรงนี้แหละ เดี๋ยวไม่ทัน

ออกวิทยุมาเข้าเพลินจิต สับยาวมาแยกราชประสงค์ บอกเลยว่า Newton นี่พอได้สปีดได้จังหวะแล้ววิ่งสนุกจริง ๆ แล้วนี่เป็นครั้งแรกที่วิ่งบนพื้นถนนลาดยาง ก่อนหน้านี้วิ่งอยู่แต่ในหมู่บ้านเป็นถนนคอนกรีต พอมาวิ่งถนนลาดยางแล้ว เฮ้ย พื้นมันนุ่มกว่าเว้ย

กำลังเร่งดี ๆ มาถึงแยกราชประสงค์ก็ต้องเสียจังหวะ เพราะติดไฟแดง ยืนรออยู่แป๊บนึง พอปล่อยตัวมาก็พยายามเร่งต่อให้ได้เพซเดิม แต่ก็ต้องใช้เวลาอยู่พักนึง แล้วมาติดอีกทีตรงแยกอังรีดูนังต์ที่จะวิ่งเข้าสยาม

ปล่อยมาครั้งนี้มีเท่าไหร่ต้องใส่หมดแล้ว ไม่งั้นไม่ได้ตามเป้าแน่ วิ่งยิงยาวมาถึงแยกมาบุญครอง เห็นน้องสต๊าฟทำท่าจะกั้นไฟแดงอีกเลยต้องรีบสปีด ขอพี่ไปก่อนนนนนนนนน ข้ามมาถึงหน้าสนามศุภฯ เห็นคนที่เข้าเส้นชัยก่อนหน้าเริ่มเดินออกมาแล้ว พอเข้าข้างในมีช่างภาพนั่งเก็บภาพอยู่ กูไม่เอาแล้วรูป พอถึงช่วงสุดท้ายที่วิ่งในลู่ ตอนนี้ยิ่งสับเลย ขอพี่ต่ำกว่า ๖๐ เถอะ พลีสสสสสส…

10K Thailand Championship 2018 medal

เข้าเส้นมาพอยืดเหยียดเสร็จไปเข้าคิวรอเช็คผล ตรงนี้คิวยาวเลย ระหว่างเข้าคิวเจอพี่มาก เฮ้ย พี่เมฆ วินัย ไกรบุตร ที่เพิ่งมาเริ่มวิ่ง กำลังให้สัมภาษณ์คนถ่ายคลิปหรือ fb live ซักอย่าง เห็นพี่เมฆบอกเพิ่งมาวิ่งเดือนกุมภาฯ นี่เองนะ

จากเป้าสามข้อที่ตั้งไว้ ข้อแรกผ่าน จบไม่เจ็บ เพราะระยะสิบโลนี่เป็นระยะที่ซ้อมปกติอยู่แล้ว ข้อสองผ่านเพราะถึง gun time จะเกิน แต่ chip time ซึ่งเป็นเวลาวิ่งจริงยังได้อยู่ (๕๙:๕๔ นาที ฉิวเฉียดเลย) ส่วนข้อสาม ไม่ผ่าน เหลวเป๋วเลย อย่าว่าที่ ๑,๐๐๐ เลยนี่หลุดไปถึงที่ ๑,๘๕๖ เลยนะ ปีหน้าถ้าจะลงก็ต้องมาแย่งกันเหมือนเดิม (แต่คุณภรรยาได้!! ได้ที่ ๗๐๐ กว่าของกลุ่มผู้หญิง ปีหน้าไม่ต้องแย่งอ่ะ)

วิ่งวันนี้มีความรู้ให้เอาไปปรับปรุงเผื่อลงงานครั้งหน้าหลายข้อ ข้อแรก วิ่งในเมืองต้องเผื่อเวลาติดไฟแดงด้วย เพราะวันนี้โดนไปสองครั้ง ฟังดูก็เหมือนเล็กน้อย แต่มันเป็นจังหวะที่สับมาแล้วต้องมาหยุด เสียเวลาไปหนึ่งละ แล้วพอปล่อยตัว กว่าจะสับขึ้นมาได้เท่าก่อนที่จะหยุดก็ต้องอีกพักนึงเลย

ข้อสอง ปริมาณคนที่วิ่งทำให้เร่งจังหวะไม่ได้ตามใจเรา เพราะบางทีก็ติดคนข้างหน้า แซงไม่ได้

ข้อสาม ประเมินตัวเองต่ำไปนิดนึง ช่วงแรกค่อนข้างผ่อน เพราะกลัวไปหมดตรงโลเจ็ดโลแปด ปรากฎว่า พอเร่งจนเข้าเส้นชัยแล้วยังมีเหลือ นี่เสียดาย น่าจะกดได้มากกว่านี้ (ฟังแล้ว แหม่ กูล่ะหมั่นไส้มึงจริง ๆ -> เล่นเองเจ็บน้อยหน่อย)

ข้อสี่ Newton นี่วิ่งสนุกจริงจังมาก ยิ่งเวลาสับเร่งนะ โอ้โห มันใช่!!

สรุปงานนี้ต้องชมว่าผู้จัดจัดได้ดีมาก ตั้งแต่การจัดการรับสมัคร (ถึงจะเต็มเร็วมากก็เถอะ แต่สมัครงานนี้เว็บไม่ล่มนะ -> งานนาวิกฯ โปรดส่งคนมาดูงาน) มีพลาดไปนิดนึงเรื่องข้อมูลเบอร์โทรฉุกเฉินบนบิบ และการจัดส่งช้ากว่าที่บอกนิดหน่อย แต่ก็มาก่อนวันแข่งหลายวัน แบบสบาย ๆ ไม่ต้องลุ้น

การดูแลจัดการจราจรดีมาก เรื่องปิดถนนไม่ได้ ๑๐๐% นี่เข้าใจ ไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่ จัดงานวิ่งสเกลนี้ในใจกลางกรุงเทพฯ ขนาดนี้ ปิดการจราจรได้ขนาดนี้ก็สุดยอดแล้ว แถมระหว่างทางมีกรวยกั้นแบ่งเลนและมีเจ้าหน้าที่คอยดูแลตลอดเส้นทาง จุดให้น้ำมีพร้อมทุกสองกิโลฯ มีจุดให้เกลือแร่อีกจุดนึง

เข้าเส้นชัยมาแยกจุดรับเหรียญให้เดินไปอีกหน่อยจะได้ไม่กองกันอยู่ที่หน้าเส้นชัย อันนี้ใช่เลย จากที่ไปเป็นกำลังใจให้แม่พดด้วงมาสองสามงานหลายงานมาตายตรงนี้ พอคนเข้าเส้นชัยแล้วต้องยืนรอรับเหรียญทำให้แถวยาวไปขวางคนกำลังจะเข้าเส้น อันนี้คิดมาดี ต้องชม

เรื่องอาหารเครื่องดื่มหลังงานมีพร้อม คิวสั้นบ้างยาวบ้างแล้วแต่ประเภทและความสนใจของนักวิ่ง อันนี้เรื่องปกติ

สรุปสั้น ๆ ว่า ดีครับ… (ใครอยากลงงานวิ่งที่การจัดงานได้มาตรฐานปีหน้าเตรียมตัวรอได้เลย)

หมายเหตุ : สำหรับเส้นทางวิ่งเผื่อใครสนใจลงปีหน้านะครับ (ถ้าไม่เปลี่ยนนะ) สนามศุภชลาศัย – ถนนบรรทัดทอง – พระราม ๔ – อังรีดูนังต์ – พระราม ๔ – ถนนวิทยุ – ถนนเพลินจิต – ถนนพระราม ๑ – สนามศุภชลาศัย

10K Thailand Championship 2018 route

เล่าประสบการณ์สมัครลงงานวิ่ง

altra escalante boston 2018

วิ่งออกกำลังกายมาสามสี่ปีไม่เคยคิดจะลงงานวิ่ง จนกระทั่งเมื่อต้นเดือนกุมภาฯ ไปยืนเชียร์เป็นกำลังใจให้คุณภรรยาที่ลงงาน Amazing Thailand Marathon Bangkok 2018 แล้วบรรยากาศมันดี ฟีลมันได้ เลยตัดสินใจสมัครลงงานไปแล้วตอนนี้สามงาน (ยังไม่ได้วิ่งซักงาน)

แล้วเพิ่งรู้ว่าเป็นงานที่สมัครยาก ยากมากและยากอิ๊บอ๋าย

งานแรก 10K Thailand Championship 2018 สมัครออนไลน์อย่างเดียว เปิดรับสมัครตอนเที่ยงตรงเป๊ง ไม่เกินชั่วโมงเต็มจ้า

งานต่อมา ศิริราช เดิน-วิ่ง ผสานชุมชน ครั้งที่ ๑๒ เปิดรับสมัครที่โรงพยาบาลศิริราชก่อนแล้วค่อยเปิดรับออนไลน์ ดูจากภาพที่คนโพสต์มาในกรุ๊ปวิ่ง คนมาสมัครกันล้านเจ็ด!! คนที่สมัครได้คนแรกมารอคิวตั้งแต่ตีสี่กว่า ๆ โอ้โห 😮

นี่โชคดีที่มีกัลยาณมิตรช่วยรับหน้าที่สมัครให้ ก็เลยได้ กราบบบบบบบ

งานที่สามล่าสุด สด ๆ ร้อน ๆ สัปดาห์ที่แล้วนี่เอง นาวิกโยธินมาราธอน ๒๐๑๘ (Marines Marathon 2018) อภิมหาดราม่าแห่งงานวิ่ง เปิดรับออนไลน์อย่างเดียว เปิดปุ๊บล่มปั๊บ ไอ้ชิบหา_ 5555 นั่งเคาะ F5 รัว ๆ เครื่องคอมพ์เปิดเบราเซอร์สองตัว Chrome ตัวนึง Firefox ตัวนึง แถมด้วย Safari ในไอโฟนอีกตัวนึง แม่มยังสมัครไม่ได้ เว็บล่มจนสุดท้ายแอดมินต้องขอเลื่อนวันสมัคร แถมแยกวันเอาฟูลมาราธอนกับฮาล์ฟฯ มาไว้วันนึง แล้วเอามินิกับฟันรันไปอีกวันนึง

เออ ค่อยดูมีความหวังหน่อย

พอถึงวันสมัครครั้งใหม่ เปิดปุ๊บ ไอ้ชิบหา_ ล่มอีกแล้ว 5555 หยุดไปหลายวันมึงทำไรให้ดีขึ้นมั่งเนี่ย นั่งเคาะ F5 ไปสิ เบราเซอร์สามตัว สุดท้าย Firefox แม่มได้เว้ยยยยยย ยัง ยังไม่พอ สมัครได้แต่ปริ้นต์ใบ pay-in ไม่ได้ เพราะระบบพี่แกวางไว้ให้ไปจ่ายเคาน์เตอร์แบงก์อย่างเดียว ใช้อินเทอร์เน็ตแบงกิ้งไม่ได้ ใช้แอปไม่ได้

ที่เล่ามานี่ต้องขอชมแอดมินของเพจงานนาวิกฯ มาก ไม่รู้ใจทำด้วยอะไร เพราะเพจโดนถล่มก่นด่าไม่มีชิ้นดี แม่มไม่มีมาตอบซักคำ 5555555

จนกระทั่งสถานการณ์เริ่มดีขึ้นนั่นแหละ ถึงค่อยมีกระมิดกระเมี้ยนมาบ้าง

หวังว่าหลังจากงานนาวิกฯ แล้วจะลงงานไหนขอให้สมัครง่ายสมัครดายหน่อยเถอะนะ ตอนนี้ในกรุ๊ปวิ่งเขาบอกกันว่า ยากกว่าวิ่งก็สมัครงานวิ่งนี่แหละจ้า