Podcast ว่าด้วยเรื่องค่าตัวของตัววิ่งใน NFL ลดลง

เป็น podcast ที่เหมาะเหม็งมากกับช่วงเวลาที่จะแข่ง Super Bowl ในอีกไม่กี่วันนี้ คุยกันว่าด้วยเรื่อง ทำไมนักกีฬาตำแหน่งตัววิ่ง (running back) ในอเมริกันฟุตบอลถึงมีค่าตัวลดลง

สั้น ๆ คือ เป็นไปตามกลไกตลาด แต่อะไรเป็นสาเหตุของกลไกตลาดแบบนี้ มาคุยกันแบบนักเศรษฐศาสตร์และนักวิจัย ว่าด้วย demand supply กติกาของ NFL ที่เปลี่ยนไป และ ฯลฯ

เหมือนเอาเนื้อหาช่วงแรกของหนังสือ the blind side ของพี่ michael lewis มารวมกับคอนเซ็ปต์ของ moneyball (ของพี่ lewis อีกเหมือนกัน) แล้วเติมหนัง jerry maguire ที่ป๋าทอม ครูซ เข้าชิงออสการ์ เข้าไปอีกหน่อย

สนุกเลยสำหรับคนที่ดู NFL และสนใจด้าน business side ของกีฬานี้นะฮะ

เลิฟ เลิฟ ♥️

https://podcasts.apple.com/th/podcast/freakonomics-radio/id354668519?i=1000687251397

หนังสือวิชาคนตัวเล็ก

อ่าน red rabbit ได้ไม่กี่วันเจอว่ามีแต่คนพูดถึงเล่มนี้ เลยไปหาซื้อแล้วลัดคิวอ่านก่อน

เป็นฮาวทูจากประสบการณ์จริง ย่อยเป็นบทสั้น ๆ ใช้ภาษาที่เข้าใจง่าย ไม่ประดิษฐ์คำ ไม่มีศัพท์แสงที่เข้าใจยาก

ถึงคนเขียนจะเล่าเรื่องราวการทำธุรกิจหนังสือ แต่คนอ่านที่ไม่ได้ทำหนังสือก็ได้ประโยชน์นะฮะ 📚♥️

โหมดต้องรอดของเจ้าของกิจการ

หมายเหตุ : เรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้ไม่เกี่ยวกับการเมือง ไม่มีนัยทางการเมืองใด ๆ ทั้งสิ้น ถึงแม้ว่าผู้ถูกกล่าวถึงในเรื่องนี้จะชวนให้คิดไปทางนั้นก็ตาม เล่าแค่ในมุมของทางธุรกิจล้วน ๆ ตามนี้นะ โอเคนะ

วันก่อน fb ขึ้นรูปในอดีตมาเป็นหนังสือ shoe dog ที่อ่านไปหลายปีแล้ว เล่มนี้ฟิล ไนต์ ผู้ก่อตั้งไนกี้เขียนเล่าถึงประวัติช่วงเริ่มต้นของไนกี้ ซึ่งมีช่วงที่ต้องดิ้นเอาตัวรอดจะไปแหล่มิไปแหล่อยู่หลายรอบ จนพี่ฟิลต้องเข้าโหมดต้องรอด (survival mode) ทำทุกทางเพื่อให้รอดมาได้

แล้วก็เลยพาให้นึกถึงเรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้ ซึ่งเป็นเรื่องที่เจ้าของกิจการต้องทำเรื่องที่หมิ่นเหม่เพื่อให้อยู่รอดเหมือนกัน

เรื่องนี้เกิดขึ้นหลายปีแล้วน่าจะเล่าได้แล้ว

หลายปีขนาดไหน ขนาดที่ว่าคุณทักษิณยังไม่เข้าแวดวงการเมืองนั่นล่ะ (เด็กยุค Gen Z คงงงว่ามีด้วยเหรอวะ ตั้งแต่จำความได้ก็เห็นทักษิณในหมวกนักการเมืองมาตลอด)

ตอนนั้นคุณทักษิณเป็นนักธุรกิจใหญ่และรวยแล้ว เพราะแอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส เข้าตลาดหุ้นแล้ว เปิดศักราชทุนสื่อสารแห่งตลาดหุ้นไทยก่อนที่จะขยับไปสู่การเมืองอีกที

วันนึงพี่นก ไพเราะ หัวหน้าในตอนนั้นสั่งงานให้ไปฟังคุณทักษิณบรรยายพิเศษที่สโมสรตำรวจ ตรงวิภาวดี เผื่อจะได้ประเด็นอะไรมาบ้าง เพราะตอนนั้นคุณทักษิณขยับอะไรก็เป็นข่าว

เราก็ไป คิดว่าคงเป็นเซสชั่นเปิด คงเจอสื่อมวลชนเต็มไปหมด แต่เปล่าเลย พี่นกไปเอาหมายมาได้ไงวะ นอกจากเราก็มีแค่น้องตา ไทยโพสต์ อีกคนเท่านั้นเอง คนอื่นที่มาฟังก็เป็นนายตำรวจกันแทบทั้งหมด ไปถึงก็ขอเข้าฟัง เจ้าหน้าที่ก็อึกอักนิดหน่อย คงไม่รู้จะจัดการยังไง แต่สุดท้ายก็ให้เข้าแต่ขอให้นั่งข้างหลัง ซึ่งไม่มีปัญหา

ตอนคุณทักษิณบรรยายคงไม่มีใครบรีฟก่อนว่ามีนักข่าวมาฟังอยู่ด้วย เพราะคุณทักษิณเล่าไปถึงตอนช่วงเริ่มต้นทำธุรกิจ ที่ยังเป็นชินวัตร คอมพิวเตอร์ฯ (ตอนนี้คือ อินทัช โฮลดิ้งส์ นะฮะ) และยังถือว่าเป็นบริษัทเล็ก ๆ เมื่อเทียบกับเจ้าอื่นในวงการ

คุณทักษิณเล่าว่า ในตอนนั้นต้องเข้าประมูลงานระบบคอมพิวเตอร์ตามหน่วยงานภาครัฐ และหลายแห่งเจอเรียกรับผลประโยชน์แลกกับการได้งาน

ทีนี้จะเอายังไง งานก็อยากได้ เงินก็ไม่มี คุณทักษิณเลยตัดสินใจบินไปฮ่องกงแล้วซื้อนาฬิกาโรเล็กซ์ปลอมกลับมาให้กับคนที่เรียกผลประโยชน์ ซึ่งก็ส่งผลให้ได้งาน

คุณทักษิณเล่าไปก็หัวเราะชอบใจไป คนที่นั่งฟังอยู่ก็หัวเราะชอบใจตามไปด้วย แล้วก็เล่าต่อไปเรื่องอื่น

จนจบการบรรยายตอนนี้คงมีเจ้าหน้าที่บอกให้รู้กันแล้วล่ะว่ามีนักข่าวมาฟังอยู่ด้วย ก็มีนายตำรวจสี่ห้าคนเดินมาหาพี่กับน้องตาที่นั่งอยู่ด้วยกัน

พี่ตำรวจคนนึงถามว่า มาจากไหนกัน? ดูสถานการณ์แล้วใจนี่คิดว่า ถ้าตอบว่า มาจากบางบัวทองนี่น่าจะเป็นคำตอบที่ผิด ก็เลยบอกสังกัดไป พี่เขาฟังแล้วก็บอกว่า เรื่องที่คุณทักษิณเล่าเมื่อกี้บางเรื่องก็ไม่ต้องไปเขียนก็ได้นะ ก็บอกพี่เขาว่าสบายใจได้ นี่สายเศรษฐกิจเรื่องแบบนั้นไม่สนใจหรอก

ที่เล่ามานี่ไม่ได้ตัดสินใครใด ๆ ทั้งสิ้น แค่จะเล่าเป็นตัวอย่างถึงการปากกัดตีนถีบของเจ้าของกิจการที่ต้องดิ้นรนทำทุกอย่างเพื่อพาองค์กรให้รอด ส่วนจะทำแค่ไหนอันนี้ก็แล้วแต่ปัจเจกนะฮะ

เลิฟ เลิฟ ♥️

ดีลล้ม คนล้ม

เมื่อ ๒๕ ปีที่แล้วมีการประกาศดีลยักษ์ใหญ่ในแวดวงการเงินการธนาคาร

เป็นดีลใหญ่ที่เหลือเชื่อและไม่น่าเป็นไปได้ด้วยการควบรวมกิจการระหว่างธนาคารพาณิชย์และกลุ่มธุรกิจการเงินที่หวือหวา มาแรงและทรงพลังที่สุดในยุคนั้น

ทว่าหลังจากการตรวจสอบฐานะกิจการ หรือ due diligence นานหลายเดือนก็มีการประกาศยกเลิกดีลนี้

ดีลล้ม

หลังจากนั้นอีกไม่นานกลุ่มธุรกิจการเงินรายดังกล่าวก็ประสบปัญหาฐานะการเงิน กิจการไม่สามารถดำเนินต่อไปได้ ถูกทางการเข้าตรวจสอบ มีการตั้งข้อหาเพื่อจะดำเนินคดีคณะผู้บริหาร ซึ่งสุดท้ายแล้วหนีคดีไปอยู่ต่างประเทศ

ปิดฉากบทบาท King of Finance ของไทยไปเพียงเท่านี้ มิต่างจากดาวตกที่ส่องประกายจรัสฟ้า แต่เจิดจ้าแค่เพียงช่วงเวลาไม่นาน

หมายเหตุ นี่กล่าวถึงเหตุการณ์เมื่อ ๒๕ ปีก่อนนะฮะ ย้ำกันอีกที

The Fifth Risk

the fifth risk
The Fifth Risk by Michael Lewis

หลังจากจบ atomic habits ลองหยิบเล่มนั้นมาอ่านได้สิบหน้า เปลี่ยนเป็นเล่มโน้นได้สามสิบหน้า ย้ายไปเล่มนู้นได้ห้าหน้า ฟีลก็ยังไม่ใช่

ตอนนี้สรุปว่าน่าจะเป็นเล่มนี้ล่ะ… 📚

เตรียมตัว Work from Home

หนังสือ REMOTE โดย Jason Fried และ David Heinemeier Hansson

ตอนที่ดูทรงล่วงหน้าเอาไว้ว่าจะต้อง work from home แน่ ๆ ก็เตรียมหาข้อมูลหาเคสตัวอย่างรอไว้ ปุบปับขึ้นมาจะได้ไม่ล่ก

นอกจากหาในเน็ตในอะไรแล้ว คนแรกที่นึกถึงก็คือ คุณพี่ Jason จากหนังศุกร์ ๑๓ เฮ้ย ไม่ใช่สิ Jason Fried จาก 37signals (เปลี่ยนชื่อเป็น Basecamp แล้ว) ที่ใช้ work from home มานาน ๒๐ ปีแล้วนะ

และการ wfh ของ 37signals นี่เป็นแบบขั้นสุดมาก ไม่ใช่แค่อยู่ในเมืองเดียวกันเท่านั้นนะ แม่งข้ามเมือง ข้ามประเทศ ข้ามโซนเวลาไปถึงข้ามทวีปโน่นเลย

พี่ Jason เอาประสบการณ์ของตัวเองและของบริษัทมาเขียนเป็นหนังสือเรื่องนี้โดยเฉพาะได้หนึ่งเล่ม ชื่อว่า REMOTE หน้าตาตามภาพด้านล่าง ถือเป็นไบเบิลสำหรับองค์กรที่อยากจะทำอย่างนี้จะได้มาดูแนวทางกันก่อน

อุปสรรคใหญ่ข้อนึงที่พี่ Jason บอกว่าทำให้การ wfh (จริง ๆ พี่แกเรียก remote working นะ แต่ให้เข้ากับบริบทบ้านเราตอนนี้ก็ขอเรียก wfh ไปละกัน โอเคนะ) เกิดได้ยากคือ ความกังวลของผู้บริหาร กังวลว่าพนักงานจะเหลวไหล ทำให้ได้งานน้อยกว่าที่ควรจะเป็น

สำหรับในประเทศไทย ความกังวลนี้จะโทษผู้บริหารก็ไม่ได้ เพราะตัวพนักงานเองก็มีส่วนอยู่ด้วย เลยกลายเป็นปัญหาโลกแตก จะแก้ยังไงดี

ก็ต้องมาพิสูจน์กัน ให้เกิดเป็นหลักฐานเชิงประจักษ์

ส่วนตัวมองว่าวิกฤติโควิดรอบนี้เมื่อผ่านไปได้จะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในภาคธุรกิจ เหมือนเมื่อครั้งต้มยำกุ้งทำให้สถาบันการเงินต้องขยับตัวครั้งใหญ่

ในส่วนของพนักงานเองก็อาจใช้โอกาสครั้งนี้พิสูจน์ให้ผู้บริหารเห็นได้ว่า ความกังวลที่ว่านั่นมันจะไม่เกิด

แค่นี้ก็แฮปปี้กันทั้งสองฝ่าย… มั้ยวะ? 5555 🤟

คลิปฮาวทูจากบังฮาซัน

วันก่อนได้มีโอกาสไปฟังบังฮาซัน #แม่ฉันต้องได้กินกุ้ง มาเล่าประสบการณ์การ Live ขายของบน facebook จากเริ่มต้นว่าต้องเจอปัญหาอะไรมาบ้างและแก้ปัญหามาได้ยังไง อัดคลิปมาบางส่วน แต่ไม่ได้ใส่ลูกเล่นหรือ effect อะไรเลย ใครสนใจลองดูนะครับ…

ฮาวทูจากบังฮาซัน

บังฮาซัน แม่ฉันต้องได้กินกุ้ง
บังฮาซันเล่าเรื่องการไลฟ์ขายของผ่าน facebook

มาครับ บังเล่า บวกมาเล่าต่อ

ฮาวทูจากบังฮาซัน

เมื่อวันก่อนได้ฟังบังฮาซัน #แม่ฉันต้องได้กินกุ้ง มาพูดเรื่องการค้าออนไลน์ครับ เนื้อหาก็เป็นเรื่องราวของตัวบังว่าเริ่มมาได้ยังไง เจออะไรมาบ้าง เฟลมากี่ครั้ง สุดท้ายทำยังไงถึงเปรี้ยงขึ้นมาได้

เรียกว่าเป็น ฮาวทูแบบบัง เป็นฮาวทูที่มาจากประสบการณ์ตรง เล่นจริง เจ็บจริง รวยจริง บังเล่าไปก็หยอดมุขไป ฟังกันสนุกสนานเฮฮา ลองเก็บเนื้อหาแล้วสกัดออกมาเป็นข้อ ๆ ได้ประมาณนี้ครับ

ข้อแรก คิดแล้วต้องลงมือทำ

บังบอกว่า ถ้าคิดแล้วไม่ทำ มันก็ยังเป็นแค่แผนอยู่อย่างนั้น จะคิดวางแผนให้ดีให้ตายยังไง แต่ไม่ลงมือทำมันก็ไม่เกิด บังบอกหลายคนที่คิดแล้วไม่ทำเพราะกลัวว่าสิ่งที่คิดไว้ยังไม่ดีพอ ไม่ดีพร้อม ขอคิดให้เพอร์เฟกต์ก่อน

ปัญหาคือกว่าจะมั่นใจกล้าทำเวลาและโอกาสก็ผ่านไปแล้ว หรืออาจมีคนอื่นทำไปก่อน ที่สำคัญคือ ถ้าเราทำวันนี้ เราได้รู้วันนี้เลยว่ามันเวิร์กหรือไม่เวิร์ก ต้องปรับอะไร ต้องแก้ยังไง ถ้ายังไม่ทำก็ยังไม่รู้ ได้แต่มโนเอา

เพราะฉะนั้น คิดแล้วต้องลงมือทำครับ

ข้อสอง ต้องอดทน เพราะความสำเร็จไม่ได้มาตั้งแต่ครั้งแรก

เห็นบังดังขนาดนี้ ไลฟ์ทีคนดูเป็นพันเป็นหมื่น ขายได้เป็นแสนขนาดนี้ ไม่ใช่ว่าอยู่ ๆ ก็ทำได้เลยนะครับ ก่อนหน้านี้บังเคยไลฟ์ขายสินค้าตัวอื่นมาก่อน มีคนดูไม่กี่คน ไลฟ์ไปสุดท้ายก็ต้องเลิก กลับไปทำงานเป็นลูกจ้าง คิดหาวิธีแล้วก็มาลองไลฟ์ใหม่ ทำอย่างนี้อยู่หลายครั้ง ไม่ยอมแพ้ ไม่ยอมเลิก สุดท้ายถึงประสบความสำเร็จขึ้นมาได้

ข้อสาม เรียนรู้และปรับกลยุทธ์ให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

ต่อเนื่องจากข้อที่แล้ว ถึงแม้ว่าบังจะไม่ยอมแพ้ ไม่เลิกราจากการไลฟ์ขายของไปง่าย ๆ แต่บังก็ไม่ได้ทู่ซี้ตะบี้ตะบันทำเหมือนเดิมทุกครั้ง หลังจากที่ล้มเหลว บังจะกลับมาคิดว่าเพราะอะไร แล้วหาหนทางทำยังไงเพื่อแก้ปัญหา

ยกตัวอย่างง่าย ๆ บังเคยขายของโลละ ๔๐๐ ค่าส่งต่างหากอีก ๕๐ บาท ปรากฎว่า ลูกค้าสนใจซื้อ แต่มาชะงักตรงที่ต้องเสียค่าส่ง รู้สึกเหมือนเสียหลายต่อ หลายคนเปลี่ยนใจไม่ซื้อ

บังเลยเอาใหม่ สินค้าอย่างเดิม ตั้งราคาโลละ ๔๕๐ แต่ส่งฟรี!! อู้ยยยยย ลูกค้าซื้อกันหนุบหนับ เพราะรู้สึกว่าคุ้ม อันนี้เป็นเรื่องจิตวิทยาการขายของ ซึ่งคนค้าขายต้องพยายามทำความเข้าใจ อ่านให้ขาด

ข้อสี่ สร้างตลาดให้โต แม้ส่วนแบ่งจะลดลงแต่เม็ดเงินสูงขึ้นเยอะ

บังเล่าว่าบังไปสอนเพื่อนให้มาขายของออนไลน์ ทั้ง ๆ ที่ขายสินค้าอย่างเดียวกัน พ่อแม่ญาติพี่น้องทุกคนไม่เห็นด้วย เพราะพอเขาทำได้ ทำเป็น ทุกคนก็มองว่าเพื่อนคนนี้มาเป็นคู่แข่ง แต่บังไม่มองแบบนั้น

บังมองว่า ทุกวันนี้การขายปลาทะเลตากแห้ง กุ้งแห้งออนไลน์ยังมีน้อย คนยังไม่ค่อยเชื่อถือ ยังไม่มั่นใจในคุณภาพ ไม่มั่นใจในคนขาย การมีคนขายเข้ามาเยอะ ๆ จะช่วยกระตุ้นให้ตลาดคึกคัก ตลาดจะโตขึ้น และถึงตอนนั้นคนที่ทำมาก่อน คนที่น่าเชื่อถือ รักษาคุณภาพก็จะรักษาส่วนแบ่งตลาดไว้ได้

อันนี้ขอเสริม ลองนึกถึงตลาดโทรศัพท์มือถือเมื่อก่อน ตอนแรกมีการสื่อสารฯ ให้บริการอยู่เจ้าเดียวราคาก็แพง เครื่องนึงเป็นแสน คนใช้ไม่เยอะ พอเริ่มให้สัมปทาน มี ais มี tac มี true เพิ่มเข้ามา ทุกรายก็แข่งขันทำตลาด มีโฆษณา มีโปรโมชั่น ราคาเครื่องถูกลง ค่าบริการก็ถูกลง คนก็ใช้ได้มากขึ้น จนทุกวันนี้ตลาดโตกว่าเดิมไม่รู้กี่เท่า

มองอย่างบังก็ต้องบอกว่า ธุรกิจขายอาหารทะเลตากแห้งทางออนไลน์ก็เหมือนธุรกิจโทรศัพท์มือถือเมื่อก่อน ถ้าขายอยู่คนเดียวตลาดก็นิดเดียว ถ้ามีคนขายเยอะ ๆ ก็จะช่วยกันโฆษณา ช่วยกันโปรโมต ตลาดก็โตขึ้นเยอะ ส่วนแบ่งอาจจะลดลงแต่ได้เม็ดเงินมากขึ้น

ข้อห้า สร้างเรื่องได้ เล่าเรื่องเป็น (storytelling)

อันนี้ก็สำคัญ ลองนึกดู ปลาทะเลตากแห้งที่ไหนก็เหมือนกัน กุ้งแห้งที่ไหนก็มี แล้วทำไมต้องซื้อจากบัง นี่ก็เป็นสิ่งหนึ่งที่บังได้ลองผิดลองถูกเรียนรู้มา จากครั้งแรก ๆ ที่ไลฟ์ขายของก็แค่บอกคุณสมบัติ บอกราคา มันก็ไม่น่าสนใจ

พอมาไลฟ์ขายอาหารทะเล บังก็หาเรื่องมาเล่า ปลาตัวนี้มันแบบนี้ ปลาหมึกแบบนี้มันหายาก เอามาทำเมนูนั้นเมนูนี้กินจะอร่อย ยังงั้นยังงี้ คนก็ติดใจ ชอบฟัง story ตาดู (หน้าจอ) หูฟัง มือก็จิ้ม cf กันรัว ๆ 5555

ข้อสุดท้าย last but not least (ใช้ภาษาอังกฤษมั่ง กลัวไม่ขลัง 5555) ข้อนี้ทีเด็ดไม่แพ้ข้ออื่น นั่นคือ มีเงินน้อยต้องใช้สมองให้เยอะ

บังเล่าว่า ตอนที่บังเริ่มต้นมีเงินแค่ ๗๐๐ บาท ทุนมีแค่นี้ จะไปซื้อของมาสต็อกก็ได้ไม่เท่าไหร่ เพราะฉะนั้นทำยังไงถึงจะขายของได้ ก็ต้องคิด คิด คิด

นั่นก็เลยเป็นที่มาของการไลฟ์ขายของให้คนอื่น พอขายได้แล้วค่อยแบ่งกำไรมาให้บัง พอทำแบบนี้ การไม่มีทุนก็เลยไม่เป็นปัญหา เพราะต้นทุนบังมีแค่ตัวของบังกับโทรศัพท์แล้วก็อินเทอร์เน็ต

ถ้าบังมัวแต่คิดว่า ฉันไม่มีทุน ฉันยังเริ่มไม่ได้ ต้องรอให้มีทุนก่อน วันนี้บังก็คงยังเป็นลูกจ้างและเราก็คงยังไม่รู้จักบังฮาซัน

แนวคิดนี้ก็เหมือนในนิทรรศการของ tcdc เมื่อหลายปีก่อน ที่ใช้ชื่อว่า กันดารคือสินทรัพย์ วิธีคิดเดียวกัน ความไม่มีไม่ใช่อุปสรรคเสมอไป เพราะมันกลายเป็นบ่อเกิดของความคิดสร้างสรรค์ขึ้นมาได้เว้ย

ย้ำอีกที ถ้ามีเงินน้อยต้องใช้สมองให้เยอะนะฮะ

สวัสดีครับ ❤

อย่าคิดว่าจะชนะเจ้ามือแชร์ลูกโซ่

Image Source – http://www.pulse.ng/gist/ponzi-scheme-twinkas-makes-wave-among-nigerians-as-mmm-fades-away-id6322118.html

เรื่องแชร์ลูกโซ่ (ในภาพรวมนะ ไม่ได้เจาะจงถึงเคสไหน) เอาจริง ๆ จะมีผู้เสียหายที่เป็นผู้เสียหายจริง ๆ ที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่อะไร เข้ามาเพราะอยากได้ผลตอบแทนเกินจริง นี่เป็นกลุ่มนึง

และจะมีอีกกลุ่มนึง กลุ่มนี้รู้แหละว่าไอ้เนี่ยเป็นแชร์ลูกโซ่ แต่เชื่อว่าตัวเองจะ beat the system ได้ เชื่อว่าตัวเองสามารถเข้าเร็วออกเร็ว ทำกำไรได้ก่อนที่เจ้าจะหนี (เจ้า ในที่นี้คือ เจ้ามือ นะฮะ เข้าใจเนอะ)

เปรียบเหมือนคนเล่นหุ้นปั่น รู้ว่าตัวนี้เจ้ากำลังปั่น แต่คิดว่าตัวเองเร็วพอ เข้าเร็วออกเร็ว ออกได้ก่อนที่เจ้าจะเท

ซึ่งสุดท้ายก็รอดบ้างมอดไหม้ไปบ้างนะครับ

If it’s too good to be true then it probably is! ดำรงชีวิตอย่างมีสติและระมัดระวัง ด้วยรักจากใจหนุ่มใหญ่วัยเกรียนย่านบางบัวทองนะฮะ… 😊

นักวิ่งเทรลไทยมีตังค์นะจะบอกให้

PET A1 view

โพสต์นี้สาระล้วน ๆ บอกเลย

เมื่อเช้า fb โชว์โพสต์นึงในกลุ่มวิ่งเทรลขึ้นมา คนโพสต์มาถามถึงเสื้อกันลมกันฝนที่จะใส่ไปงานวิ่งช่วงปลายปีนี้ ด้วยความที่เป็นงานเดียวกับที่พี่จะไปก็เลยกดดูคอมเมนต์เก็บเป็นความรู้เอาไว้หน่อย

มีเมนต์นึงมาแนะนำเสื้อกันลมกันฝนบอกรุ่นบอกยี่ห้อ เล่าสรรพคุณมาเรื่อย ๆ อ่านแล้วก็ร้องเหยดดดด แม่งระดับใส่ไป UTMB ได้เลยว่ะ ทั้งกันลม กันฝน ระบายความร้อน จนกระทั่งมาเห็นราคา

๖,๔๐๐ บาทครับ

เชี่_ กูนี่เตรียมเสื้อกันฝน 7-11 เอาไว้ ตัวละ ๓๕ บาทครับพี่น้องครับ

พูดถึงเรื่องนี้แล้ว วันก่อนมีคนมาโพสต์ขายจุกเสียบปลายไม้โพล ยี่ห้อ Vibram (ยี่ห้อนี้ดังมากเรื่องทำพื้นรองเท้าว่าเหนียวหนึบ รองเท้ายี่ห้อไหนเอาพื้นเจ้านี้ไปต้องยกมาเป็นจุดขาย) อีจุกไม้โพลที่ว่านี่ นึกถึงจุกยางรองขาเก้าอี้นะครับ ขนาดประมาณหัวแม่เท้า ใส่ยี่ห้อ Vibram เข้าไป คู่ละ ๔๙๐ บาทครับ

ตอนเห็นราคายังคิดอยู่ว่า ใครจะมาซื้อของมึ้งงงงงงง ที่ไหนได้ เมนต์มากันอย่างเร็ว รับครับ รับค่ะ รับครับ คู่นึงค่ะ

นี่แค่ตัวอย่างนะ ยังมีของอย่างอื่นในแวดวงอีกมาก ระหว่างที่พิมพ์อยู่นี่ก็มีประโยค วิ่งเป็นกีฬาที่ใช้เงินน้อย ก้องอยู่ในหัวนะครับ

เพราะฉะนั้นแล้วไม่แปลกใจเลยว่าทำไมตามงานวิ่งเทรลถึงมี มาม่า เข้าไปเป็นสปอนเซอร์หลัก เพราะนอกจากจะค่าอุปกรณ์แล้ว ยังมีค่าอุปกรณ์สำรอง ค่าสมัครงานวิ่ง ค่าเดินทาง ค่าที่พัก ค่าเดินทางไปซ้อมอีกสารพัด กระเป๋าฉีกนะครับ เรียกว่ามาม่าแม่งเข้าใจ insight ของลูกค้ากลุ่มนี้ดีมาก

วกกลับมาเรื่องสาระที่เกริ่นไว้ตอนต้น

จากที่เล่ามาจะเห็นว่ากลุ่มนักวิ่งเทรลส่วนมากเป็นกลุ่มคนที่มีกำลังซื้อ (ยกเว้นพี่คนนึงนะ) และตัดสินใจซื้อเร็ว ด้วยเหตุว่าถ้าช้าของแม่งจะหมด

เพราะฉะนั้นเพื่อน ๆ ที่ดูแลสินค้าและบริการ แบรนด์ต่าง ๆ รวมทั้งเอเจนซี่ ถ้าสนใจลูกค้ากลุ่มนี้ลองหาวิธีเจาะตลาดดูนะครับ ถ้าเจาะได้รับรองว่า สุขสวัสดีความมั่งมีจะมาสู่ท่านแน่นอน… เลิฟ เลิฟ ❤

หมายเหตุ ภาพประกอบไม่เกี่ยวกับเนื้อหาแต่อย่างใด 5555