ไปเจอน้องขาวที่โป่งแยง เชียงใหม่ เมื่อครั้งไปงานวิ่ง PYT100 / 2019 เมื่อปลายปีที่แล้วนั่นแหละ (อ่านรีวิวงานวิ่งที่ว่าได้ที่นี่ -> บันทึก PYT100 / 2019 : ใครอกหักที่ A12 มากองกันตรงนี้ )
ไปเจอน้องขาวที่โป่งแยง เชียงใหม่ เมื่อครั้งไปงานวิ่ง PYT100 / 2019 เมื่อปลายปีที่แล้วนั่นแหละ (อ่านรีวิวงานวิ่งที่ว่าได้ที่นี่ -> บันทึก PYT100 / 2019 : ใครอกหักที่ A12 มากองกันตรงนี้ )
มาครับ บันทึก PYT 100 / 2019 ฉบับเขียนใหม่ เพราะเวอร์ชั่นแรกเขียนไปอ่านไปแล้วแม่งหล่อเกิ๊น ไม่ใช่ตัวเอง เอาใหม่ ต้องเขียนใหม่
เรา (หมายถึงพี่กับคุณแม่พดด้วง) คุยกันตั้งแต่ช่วงปลายปีที่แล้วว่า ถ้าเราจบฟูลแรกที่จอมบึงมาราธอนแล้วเราจะย้ายค่ายเปลี่ยนไปวิ่งเทรลกันบ้าง พอจบฟูลที่จอมบึงได้เรียบร้อยเมื่อเดือนมกราคมก็เลยมาตั้งเป้ากันว่า ถ้ามาสายเทรลก็อยากจะจบร้อยโลสักครั้งในชีวิต
หลังจากหาข้อมูลแล้วก็ฟันธงว่า โป่งร้อยนี่ล่ะวะที่จะเป็นเป้าหมายของเรา ด้วยเหตุผลว่าเป็นเทรลร้อยโลที่เหมาะกับมือใหม่ที่สุด ผู้จัดดี สนามไม่ยากเกินไป เวลาที่ให้อยู่ในวิสัยที่จะจบได้ ถึงขนาดมีคนบอกว่า เดินยังจบ!!
ระยะที่เราเคยวิ่งจบไกลที่สุดอยู่ที่ ๕๐ โล มาครั้งนี้โดดพรวดขึ้นมาเป็นร้อยโลทำให้เราต้องเตรียมตัวมากกว่างานอื่นก่อนหน้านี้
ซึ่งเรื่องเตรียมตัวนี่ไม่ใช่ปัญหาเพราะแม่พดด้วงทุบโต๊ะเปรี้ยง!! ออกนโยบาย ชิม ช็อป ใช้ เฮ้ยยย นโยบาย “ใช้เงินแก้ปัญหา” อะไรที่ใช้เงินแล้วจบได้ก็จ่ายไป ทั้งอุปกรณ์ รองเท้า เสื้อผ้า ฯลฯ และอะไรที่ใช้เงินแล้วช่วยลดเวลาให้เราได้ เราก็จ่ายไป ส่วนเรื่องการซ้อม บอกเลยว่างานนี้ซ้อมมากที่สุดตั้งแต่เริ่มวิ่งเทรลมา (เหรอออออออออ…)
งานนี้ระยะร้อยโลกับ ๗๐ โลปล่อยตัวที่ Botanic Resort ส่วนเส้นชัยอยู่ที่ Flora Creek เราเลือกที่พักอยู่ใกล้จุดสตาร์ตตามคำแนะนำของผู้จัด และโชคดีที่ในเกสต์เฮาส์ที่เราพักมีนักวิ่งระยะร้อยโลพักอยู่ด้วยอีกคน พี่เจ้าของเกสต์เฮาส์เลยอาสาขับรถพาไปส่งที่จุดสตาร์ต ก่อนที่ตัวเองจะต่อไป Flora Creek เพื่อลงวิ่งระยะ ๕๐ โล
ลงจากรถที่หน้าสวนพฤกษศาสตร์ตอนตีสี่ (เพราะผู้จัดไม่ให้รถขึ้นไปที่ Botanic) ฝากกระเป๋าสัมภาระกับเจ้าหน้าที่แล้วเดินหอบหิ้วข้าวของบรรดามีกับถุง drop bag ขึ้นเนินไปที่ Botanic เหมือนเป็นการวอร์มเล็ก ๆ ก่อนสตาร์ต ระยะทางประมาณ ๙๐๐ เมตรกับความสูงร้อยกว่าเมตร ดีที่อากาศเย็น ไม่งั้นเหงื่อซึมตั้งแต่ยังไม่สตาร์ต
พี่กับคุณแม่พดด้วงตกลงกันว่าภาคกลางวันนี่ใครเร็วกว่าไปก่อนได้เลย แล้วไปรอเจอกันที่สเตชั่นข้างหน้าเป็นจุด ๆ ไป แต่พอเข้าช่วงมืดตอนเย็นต้องมาวิ่งเป็นบัดดี้ไปด้วยกัน เพราะมือใหม่กลางคืนด้วยกันทั้งคู่ เกิดอะไรขึ้นมาจะได้ช่วยกันได้
ปล่อยตัวตอนตีห้า เรามันพวกมือใหม่สายหนีคัตออฟเราไม่รีบ ให้ขาแรงเขาออกไปก่อน ไม่อยากไปเกะกะ
ออกจากจุดสตาร์ตสักพักเริ่มขึ้นเนิน ได้ใช้ไม้โพลตั้งแต่เริ่มเลยงานนี้ (แล้วไม่ได้เก็บเลยจนจบเรซ) วิ่งตามกันไปพักใหญ่ ๆ เกิดช่วงรถติด เพราะทางข้างหน้าเป็น single track แถมยังต้องมุดลอดค้างไม้ไผ่ที่ใช้ปลูกผักของชาวบ้าน ทำให้เสียเวลาช่วงนี้ไปร่วม ๆ ครึ่งชั่วโมง
พอหลุดมาได้แต่ละคนก็เริ่มสับกันล่ะ บวกกับฟ้าเริ่มสว่างให้เห็นทางง่ายขึ้น ก็อัปฮิลตามกันไป ช่วงนี้อากาศเย็นสบาย จนโผล่มาถึงทางแยกที่จะต้องเลี้ยวไป A7 ม่อนล่อง ก็เจอกลุ่มนักวิ่งวิ่งสวนลงมาเป็นระยะเพื่อไป A8 อารมณ์ช่วงนี้เหมือนตอนไป CM3 ช่วงจะขึ้นผานกกกเปี๊ยบเลย แม่ง ชันก็ชัน แถมยังใจเสียจากการที่เห็นคนวิ่งสวนกันลงมาเยอะจังเว้ยเฮ้ย แล้วเมื่อไหร่กูจะถึงซักทีวะ
ขึ้นมาถึง A7 ม่อนล่อง มีเวลาตุนไว้ ๔๐ นาที เช็กอินเรียบร้อย ฉีดสเปรย์ที่น่องทั้งสองข้าง หยิบกล้วยน้ำว้ามากินแล้วตุนใส่เป้มาอีกใบเผื่อไว้กลางทาง เติมน้ำเย็น เสร็จเรียบร้อยแม่พดด้วงตามมาถึงพอดี รออยู่จนแม่พดด้วงจัดการตัวเองเรียบร้อยวิ่งออกไปพร้อมกัน
จากขามาที่เป็นขาขึ้น พอขากลับก็กลายเป็นขาลง เป็นช่วงทำเวลาเก็บมาร์จิ้น ก็ดาวน์ฮิลลงมายาว ๆ แต่ก็ระวังตัว ไม่ห้าวมาก เพราะข้างหน้ายังมีช่วงดาวน์ฮิลแบบชัน ๆ โหดสัสรัสเซียรออยู่ ยังไม่อยากเจ็บเข่าตั้งแต่ตอนนี้
ระหว่างทางไป A8 ปงไคร้ ต้องไต่เขาขึ้นไปหนึ่งลูก ไปเจอม่อนวิวงาม เป็นแหล่งที่พักนักท่องเที่ยว มีจุดให้บริการกางเตนต์กางกระโจมนอนเต็มไปหมด ถึงตรงนี้นักวิ่งหลายคนแวะเข้าร้านค้าไปทำทีซื้อโค้กเพื่อขอใช้ห้องน้ำส่งแฟกซ์ที่อั้นมาตั้งแต่สตาร์ต ส่วนพี่เองอาการมาตั้งแต่ตอนช่วงรถติดก่อนขึ้น A7 แล้ว แต่ยังอั้นได้ ตั้งใจไว้ว่า ขอทำเวลาก่อน ถ้าไม่ไหวจริง ๆ จะปล่อยแม่งกลางป่านั่นล่ะ ฮึ่ยยยยย
ผ่านจุดกางเตนต์มาได้หน่อยนึงเจอจุดเซอร์วิส kak oasis ของเพจนักวิ่งกากๆ กำลังจะวิ่งผ่านไปแต่เห็นมีกาแฟต้ม moka pot เลยแวะเข้าไปขอมาสองอึก ช่วยเพิ่มความดีด (ขอขอบคุณทีมงาน kak oasis มา ณ ที่นี้)
ก่อนเข้า A8 สวนทางกับขบวนกฐินพ่อผู้ใหญ่บ้านผานกกก ที่ลงระยะ ๑๖๖ โล วิ่งต่อไปอีกนิดเจอแอดลุงเบนซ์ เพจ Dnf6+ ที่ลงร้อยโลเหมือนกัน ก้มลงดูนาฬิกา ประเมินคร่าว ๆ แอดลุงน่าจะนำหน้าอยู่ประมาณชั่วโมงนึง
มาถึง A8 ปงไคร้ ตุนเวลามาร์จิ้นเพิ่มเป็นชั่วโมงครึ่ง เดินเข้าไป ทำไมคนยั้วเยี้ยจังวะ? สักพักถึงรู้ว่านี่เป็นสเตชั่นใหญ่ เป็นแหล่งรวมตั้งแต่ระยะ ๑๖๖ / ๑๒๐ / ๑๐๐ และ ๗๐ คนมันถึงเยอะขนาดนี้ ก็เริ่มหวั่นใจว่าตอนแม่พดด้วงมาถึงจะเจอกันมั้ย ระหว่างนั้นไปกินข้าวก่อน เป็นก๋วยจั๊บญวน ซึ่งโชคดีที่เคยกินมาก่อนหนนึง ไม่งั้นท่าจะแย่ รีบกินแล้วออกไปกินแตงโม หยิบกินไปเกือบครึ่งลูกได้มั้ง 5555 นอกจากแตงโมก็มีกล้วย มีส้ม ซึ่งไม่กล้ากินเพราะกลัวจะไปเร่งไอ้ที่อั้นอยู่ให้ออกมาเร็วขึ้น
ระหว่างยืนกินแตงโมอยู่ แม่พดด้วงเข้ามาพอดี ระหว่างรอแม่พดด้วงก็ไปเติมน้ำ เจอคนยืนข้างหน้าใส่เสื้อ GEO CMU Running Club ก็เลยสะกิดถาม จบจีออเหรอ? ปรากฏว่าเป็นรุ่นน้องรหัส ๓๘ พอบอกว่าพี่รุ่นอะไร น้องมันทำปาก โอ้ววววว เฮ้ย ใจเย็น กูไม่ได้แก่ขนาดนั้น 5555
พอแม่พดด้วงพร้อมก็ออกวิ่งต่อ พี่มุ่งหน้าจะไป A9 ตามเส้นทางของระยะร้อยโล ปรากฏว่าแม่พดด้วงเลี้ยวขวับตามคนข้างหน้า ซึ่งเค้าเป็นระยะ ๑๒๐ โล ต้องเรียกให้กลับมา เกือบไปแล้ว
จาก A8 ไป A9 แม่ขิ อันนี้แปลกมาก พี่จำไม่ได้เลย ไม่มีภาพอยู่ในหัวเลยว่าแม่งเป็นยังไง พยายามนึกยังไงก็นึกไม่ออก รูปก็ไม่ได้ถ่ายไว้ จนเหวอว่า เฮ้ย ตกลงกูไป A9 มารึเปล่า แต่หยิบพาสปอร์ตมาดูก็มีตราปั๊มอยู่นะ แสดงว่าพี่ไปมาแน่นอน แต่นึกไม่ออกขอข้ามไปละกัน
จาก A9 ไป A10 แม่ปะ อันนี้ล่ะจำได้แม่น เพราะหลังจากเหนื่อยกับการตะกายเขาขึ้นไปแล้วก็ปล่อยดาวน์ฮิลทางเทรลลงมายาว ๆ ชัน ๆ ตอนเริ่มดาวน์ฮิลก็มีกันอยู่หลายคน พอไหลมาสักพักเริ่มหลุดไปทีละคน พี่เองได้พี่ผู้หญิงคนนึงเป็นหัวลากนำมา วิ่งกันมาสองคนตามพี่เค้ามาเรื่อย ๆ (บอกเลยว่ารองเท้า altra king mt นี่แม่งดีจริง กระชับเท้าดีมาก ดาวน์ฮิลโคตรสนุก เดี๋ยวคราวหน้ามารีวิวกันอีกที)
จนจังหวะเผลอ สะดุดรากไม้ที่โผล่ขึ้นมานิดเดียวมองไม่เห็น พุ่งไปข้างหน้าเป็นซูเปอร์แมนเลยกู ฝ่ามือเป็นแผล เข่าเป็นแผลเหมือนตอนงาน PET เป๊ะเลย ก็ได้พี่ผู้หญิงคนนี้แหละเอายามาให้ อันนี้ก็ความรู้ใหม่ มียาจากญี่ปุ่นที่พอป้ายไปแล้วมันเป็นฟิล์มกันน้ำได้ด้วยว่ะ ถามพี่เค้าว่าซื้อจากที่ไหน ตั้งใจจะซื้อมาใช้มั่ง (ขอบคุณคุณพี่ไว้ที่นี่อีกครั้งครับ)
ก่อนเข้า A10 เจอจุด kak oasis อีกที แต่ครั้งนี้ไม่แวะ ขอไปเข้าที่ A10 เลย ถึงจุดนี้ได้มาร์จิ้นเพิ่มมาเป็นชั่วโมงห้าสิบนาที ความมั่นใจมากขึ้น กูนี่น่าจะจบนะร้อยโลแรก
กินข้าวหมูกระเทียมเสร็จนั่งชาร์จนาฬิการอแม่พดด้วง เห็นนักวิ่งนั่งท้ายรถกะบะมา ดูทรงแล้วคงล้มคางไปกระแทกหินจนคางแตก ต้องหยุดไปเลย เออ กูนี่ยังโชคดี แค่มือเป็นแผลเท่าจิ๋มมด
ออกจาก A10 ไป W1 ที่นั่นไม่มีคัตออฟแต่เราก็คำนวนเวลาไว้ว่าควรไปถึงไม่เกินกี่โมง จุดนี้ดีงามมากเหมือนเรซไดเรกเตอร์อ่านใจคนออก เพราะวิ่งมาเหนื่อย ๆ ร้อน ๆ มาเจอโค้กเย็น ๆ ใส่น้ำแข็งให้กิน น้องคนเทเทให้ไม่อั้น กินแล้วอยากเติมพี่เติมได้อีก เห็นนักวิ่งหลายคนเอาใส่ขวดใส่ถุงน้ำติดตัวไปกินระหว่างทางกันเลย
กินโค้ก กินข้าวต้มมัด ฉีดสเปรย์ที่น่องทั้งสองข้างแล้วเดินไปให้น้องเจ้าหน้าที่ทำแผลให้เป็นเรื่องเป็นราวก่อนออกวิ่งต่อไป A11 สะเมิง
เส้นทางช่วงนี้เราหวั่นใจอยู่นิดหน่อย เพราะโปรหนำเตือนไว้ว่าต้องข้ามน้ำหลายจุด และดูจากเวลาแล้วน่าจะมืดก่อนที่จะไปถึง A11
ช่วงโพล้เพล้มีจังหวะทิ้งช่วงจากคนข้างหน้าข้างหลังนิดหน่อย ตอนที่วิ่งอยู่คนเดียวมีความตื่นเต้นเล็กน้อย ไอ้ประเภทที่ว่าวิ่ง ๆ อยู่มีเสียงเหมือนคนวิ่งมาข้างหลัง พอหันไปดูแล้วไม่มีใครนั่นชักจะธรรมดา คราวนี้เป็นเสียงเหมือนใครมาตีบิบที่ติดไว้ด้านหลังที่เป้น้ำ เสียงชัดมากเพราะอยู่ที่หลังนี่เอง จนต้องหันไปดู เออ ไม่มีใครนะ ไม่เอาสิ ไม่ซน คนกำลังรีบ พยายามไม่คิดอะไร แล้ววิ่งไปต่อ ตอนแม่พดด้วงตามมาทันก็ไม่ได้เล่าให้ฟัง พยายามลืม ๆ ไป 5555
ก่อนถึง A11 ต้องข้ามน้ำหลายจุด โชคดีที่มีคนเอาท่อนไม้ ก้อนหินมาวางให้เหยียบข้ามไปได้ ก็เลยไม่เปียก มาเสียท่าที่จุดสุดท้าย เหยียบแล้วไม้แม่งพลิก ก้าวพรวดลงไปสองขาเลยจ้า ได้ประสบการณ์ใหม่วิ่งแม่งทั้งรองเท้าเปียกนี่แหละจ้า
มาถึง A11 สะเมิง มาร์จิ้นเหลืออยู่ชั่วโมงสิบสี่นาที จุดนี้เป็นจุดดร็อปแบ็ก เราพลาดที่จุดนี้เพราะใช้เวลาอยู่ที่นี่ชั่วโมงนึง ซึ่งนานเกินไป มีกินข้าวไข่พะโล้ อันนี้ไม่นาน แต่ตอนเปลี่ยนเสื้อผ้า เปลี่ยนรองเท้านี่นานอยู่ เสร็จแล้วออกวิ่งต่อ ตอนที่ออกมามากันสองคน แต่มีนักวิ่งอีกคนวิ่งตามมาบอกขอติดไปด้วย ซึ่งเรายินดีมาก เพราะมือใหม่ภาคกลางคืนด้วยกันทั้งคู่ มีคนไปด้วยกันจะได้ไปได้ไกล 5555
จาก A11 ไป W2 จุดนี้เพื่อนยุพราชฯ เจ้าถิ่นบรีฟเส้นทางมาให้ล่วงหน้า แต่มาถึงตรงนี้พี่จำอะไรไม่ได้เลย จำได้อย่างเดียวว่า ทางช่วงนี้เป็นเส้นเก่าที่ไม่ค่อยมีคนใช้แล้วและเคยมีเคสเอาศพไปทิ้ง ชิ_หาย ขอบคุณมาก เส้นทางพอเลยปั๊ม PT มาแล้วแม่งโคตรมืด ไฟไม่มีเลย ทางเป็นถนนดินอัด เหมือนเตรียมจะทำถนน เดินขึ้นเนินไปยาว ๆ ตอนแรกใจเสียเหมือนกัน อารมณ์ประมาณว่าคนอื่นเค้าออกกันไปหมดแล้วหรือเปล่าวะ เหลือกูนี่รั้งท้าย เดินมาเริ่มเจอนักวิ่งคนอื่น แซงมาบ้าง เดินตามกันไปบ้าง ช่วงนี้ยังไม่โหดเท่าไหร่ จนมาเจอพี่เจ้าหน้าที่ป่าไม้นั่งเฝ้าระวังอยู่ พี่บอกว่า ทางข้างหน้าชันหน่อยนะครับ ปกติพวกผมไม่ได้เดินกันทางนี้ ซึ่งประโยคนี้ตีความได้ว่า แม่งต้องไม่ธรรมดาแน่
ซึ่งก็จริง ทำไมกูซื้อหวยไม่ถูกแบบนี้มั่ง ทางแม่งเป็น single track แถมเป็นร่องน้ำมีน้ำไหลมาตลอด เวลาเดินต้องเดินขาถ่างเหยียบสองข้างของร่องน้ำ อย่าว่าแต่จะทำเวลาเลย จะเดินธรรมดายังลำบาก ช่วงนี้เดินอยู่กับแม่พดด้วงสองคน (หมายถึงพี่กับแม่พดด้วงรวมกันเป็นสองคน ไม่ใช่พี่แล้วก็แม่พดด้วงอีกสองคน เข้าใจนะ) เพราะคนที่มาด้วยเขาล่วงหน้าขึ้นไปก่อนแล้ว จนโผล่พ้นทางเทรลขึ้นมาทางถนน เดิน ๆ อยู่ เจอตัวอะไรวะตาเรืองแสงสีเขียว อย่านะมึง ดูดี ๆ อีกที อ่อ หมา 5555
ไปอีกหน่อยมาเจอ W2 มีโค้กอีกแล้ว ดีงาม เราเปลี่ยนแบตเฮดแลมป์ หยิบเสื้อกันลมออกมาใส่เผื่อไว้เลย แล้วออกเดินต่อ ไป A12 กองแหะ ช่วงนี้เริ่มใจชื้น เพราะดูจากแผนที่เส้นทางเราผ่านช่วงขาขึ้นที่เรากังวลที่สุดมาแล้ว เหลือขึ้นอีกนิดเดียวแล้วก็เป็นทางลงแล้วเว้ย มีเวลาสามชั่วโมงกับระยะทางแค่แปดโล คิดในใจว่า สบายยยยยย แม่งไม่ได้รู้ตัวเลยว่านรกรออยู่
เดินมาเรื่อย ๆ จนถึงป้ายบอกทางไป A12 เดินตามไปเจอนักวิ่งสวนทางมา กำลังงง เอ๊ะ มาถูกทางหรือเปล่า ผู้หญิงคนที่สวนมาบอกว่า ถูกทางแล้ว เข้าไปทางนี้แหละ เข้าทางไหน ออกทางนั้น แม่งฟังน้ำเสียงแล้วแปลก ๆ กูว่าต้องมีอะไร
ช่วงนี้เริ่มวิ่งได้ มีนักวิ่งสวนทางมาตลอด วิ่งไปสักพัก มีหมาเหมือนหมาไซบีเรียนวิ่งสวนมาพร้อมกับนักวิ่ง เป็นหมาไม่ได้ใส่ปลอกคอ แต่สภาพขนดูสะอาดสะอ้านเหมือนหมามีเจ้าของ กำลังนึกว่า นี่หมาจริงหรือกูหลอน ก็พอดีแม่พดด้วงทักขึ้นมาว่า เอ้า น้องหมา มาจากไหน เออ ยังอุ่นใจ กูไม่ได้เห็นคนเดียว 5555
วิ่งต่อไปเริ่มเข้าใจล่ะ ทำไมเขาถึงบอกว่า เข้าทางไหน ออกทางนั้น ทางแม่งทั้งขึ้นทั้งลง แถมเป็นทางดินชัน ๆ ขึ้นก็ชัน ลงก็ชัน พอกำลังใจเริ่มมาคนสวนมาแม่งบอก ข้างหน้าโหดกว่านี้ ขอบคุณมาก 5555
เส้นทางช่วงนี้เหมือนไม่สุดซักที ทั้งที่ระยะแค่สี่โลกว่า ขึ้นลง ขึ้นลง อยู่นั่น บางช่วงมองไปข้างหน้าเห็นไฟเฮดแลมป์ยาวเป็นสายลงมา คิดในใจว่า นี่แม่งยกภูเขาทองมาไว้ตรงนี้เหรอ ช่วงนี้แม่พดด้วงบอกว่า ให้วิ่งไปก่อนเลย เพราะถ้ารอกันอยู่อาจไม่ทันคัตออฟ
นั่นแหละ กัดฟันมาเรื่อย ๆ จนโผล่ทางเทรลมาขึ้นทางถนน วิ่งมาสักพักเจอทางดาวน์ฮิลถนนลาดยาง ซึ่งจริง ๆ ไม่ชอบเลย แม่งชวนให้เจ็บเข่า แต่ชั่วโมงนี้แล้ว ปล่อยไหลดาวน์ฮิลลงมายาว ๆ สวนกับนักวิ่งที่ค่อย ๆ เดินขึ้นมา ตอนนั้นใจยังไม่ได้คิดว่า เดี๋ยวกูต้องกลับทางนี้อีกนะ
เข้า A12 กองแหะ ก่อนเวลาคัตออฟ ๒๙ นาที เจอน้องที่วิ่งด้วยกันช่วงนึงนั่งอยู่ก่อนแล้ว น้องตัดสินใจ dnf เรียบร้อยเพราะเจ็บเข่า ตอนนั้นยังคิดอยู่ว่าจะไปต่อแต่ขอพักเอาแรงก่อน กินข้าวต้ม กินกาแฟ สักพักแม่พดด้วงเข้ามาถึง แม่พดด้วงตัดสินใจไม่ไปต่อ ส่วนพี่นั่งรีรออยู่ เอาไงดีวะ ตอนนี้เริ่มคิดถึงทางที่เพิ่งผ่านมา ที่จะต้องกลับไป สเตชั่นต่อไป A13 ต้องต่อไป ๑๕ โลกว่ามีเวลาสามชั่วโมงครึ่ง ทางแม่งก็โหดใช้ได้ หัวแม่เท้าก็เริ่มเจ็บแล้วจากที่เปลี่ยนรองเท้ามาเป็น speedgoat
สุดท้ายตัดสินใจเป็นไงเป็นกันวะ คว้าไม้โพลวิ่งออกไปตอนประมาณตีหนึ่ง พอเริ่มขึ้นเนินทางลาดยางไปได้สักโลนึง คำนวณเพซแล้วไม่ทันนี่หว่า ใจคิดต่อว่าถ้าไปซักครึ่งทางแล้วกูไม่ไหวนี่ชิ_หายแน่ จากพี่บวกกลายเป็นพี่เบิร์ดเลยมึง กลับตัวก็ไม่ได้ ไปต่อก็ไม่ถึง จะกลายเป็นภาระของผู้จัดหรือเปล่าวะ ขอหยุดคิดก่อน
ก็หยุดนั่งคิดแม่งบนถนนนั่นล่ะ สักพักมีแสงไฟตามมาเป็นนักวิ่งผู้หญิงพอเห็นพี่นั่งคิดอยู่ก็มานั่งคิดด้วยอีกคน กำลังถกกันว่าเอาไงดี ก็มีนักวิ่งเดินสวนลงมาบอกว่า ผมลองขึ้นไปแล้ว เปลี่ยนใจ ถ้าไปมากกว่านี้เดี๋ยวจะกลับไม่ได้ ก็มานั่งคุยกันอีกคน รวมเป็นสามล่ะ
สักพักน้องผู้หญิงบอกว่าจะไปต่อ ก็อวยพรให้สำเร็จ ส่วนพี่กับอีกคนก็เดินย้อนลงมาที่ A12 แจ้ง dnf ไป พอเจอหน้า แม่พดด้วงร้อง อ้าว แล้วก็หัวเราะ 5555
สรุปรวมระยะได้ ๗๕ โล รวมเวลาวิ่ง ๒๐ ชั่วโมง ๑๘ นาที
อีกวันถัดมามาเจอโปรหนำกับอาจารย์นทีผู้จัดแถว ๆ ร้าน Basecamp หลังม.ช. อาจารย์นทีบอกว่า A12 เป็นจุดที่นักวิ่ง dnf มากที่สุด คือ ๒๐๐ กว่าคน ตามมาด้วย A13 (ซึ่งเป็นจุดถัดไป) dnf ที่จุดนั้นอีก ๒๐๐ กว่าคนเหมือนกัน ยังคิดในใจว่า นี่กูควรจะดีใจมั้ยที่มา dnf ที่จุดมหาชนเลยนะ 5555
จากสถิติที่แจ้งมา คนที่ลงโป่งร้อยมีอยู่ ๕๙๖ คน dnf ไป ๒๘๑ คน คิดเป็นสัดส่วน dnf ๔๗% เพราะฉะนั้น โป่งเปี๊ยนไป๋ โป่งแม่งไม่เหมือนเดิมแล้วนะครับ อย่าคิดว่า โป่งร้อยเดินยังจบ!! นี่กูวิ่งด้วยยังไม่จบจ้า
สรุปบทเรียนสำหรับครั้งต่อไป (และเผื่อคนที่จะไปปีหน้า)
– ช่วงแรกหลังสตาร์ตสปีดมาก่อนเลย เพื่อหนีช่วงรถติด
– ใช้เวลาในแต่ละสเตชั่นให้น้อยที่สุด
– ฝึกฉี่ / อึ ในป่า เพื่อลดเวลารอเข้าห้องน้ำ
– ฝึกกินมาด้วย อะไรกินได้ อะไรกินไม่ได้ งานนี้แม่พดด้วงกิน real food แทบไม่ได้เลย กินได้แต่เจล
– ใช้เวลาที่จุดดร็อปแบ็กให้น้อยที่สุด
– รองเท้าสำคัญมาก ของพี่คู่แรกที่ใช้ดีมาก ดาวน์ฮิลไม่มีปัญหา ไม่เจ็บเลย พอเปลี่ยนเป็นคู่สอง แป๊บเดียวเจ็บแล้ว แถมยังฝากรอยเล็บม่วงเอาไว้ด้วยจ้า
– ถ้าจะให้ดีหานาฬิกาที่แบตอึด จะได้ไม่เสียเวลาชาร์จ แถมไม่ต้องแบกเพาเวอร์แบงก์มาด้วย
– สควอตมาเยอะ ๆ
– ซ้อมเนิน ซ้อมเขามาด้วยนะ
– จิตใจต้องเข้มแข็งกว่านี้
สรุปของสรุปอีกที โป่งร้อยครั้งนี้เสียดายแต่ไม่เสียใจ ปีหน้าไปใหม่ ให้มันรู้กันไปสิวะ อ้อ เรื่องที่น่ายินดีก็คือ จบงานนี้มีเปิดฤดูกาลช็อปปิ้งใหม่อีกรอบจ้า เพราะข้าวของอุปกรณ์เครื่องใช้หลายอย่างต้องเปลี่ยนใหม่ให้เหมาะกับการวิ่งระยะไกลขนาดนี้
สุดท้ายนี้ ขอขอบคุณคุณแม่พดด้วงผู้ซึ่งใจถึง พึ่งได้ สายเปย์ อนุมัติงบประมาณทุกบาททุกสตางค์ที่ต้องใช้เพื่อโปรเจ็กต์นี้ และยังเป็นกำลังใจในยามที่พี่เดี้ยงด้วยจ้ะ… ❤
รองเท้าคู่นี้ซื้อมาเพราะตั้งใจเอาไปงานโป่งแยง ใส่ไว้ใน drop bag เพราะเห็น race director บอกว่า โป่งแยงปีนี้ลุยน้ำเยอะ หลายจุดมาก มีรองเท้าไปเปลี่ยนที่ drop bag ก็น่าจะดี (ถ้าพี่ลากสังขารไปถึงได้นะ 5555)
ผลจากการใส่วิ่งครั้งแรกที่เขาฉลาก ชอบมาก กระชับเท้า น่าจะเพราะมี velcro ช่วยรัดช่วงกลางเท้า ดาวน์ฮิลไม่ลื่นนิ้วไม่ชน หน้ากว้างตามธรรมชาติของ altra พื้นหนึบจากพื้น vibram แต่ซัพพอร์ตน้อยกว่า speedgoat คู่เดิม ทำให้วิ่ง ๆ ไปรู้สึกถึงสภาพพื้นผิวมากกว่า เหยียบหินลงไปนี่รู้เลย คนละฟีลกับ speedgoat ที่พื้นหนากว่า แต่แลกกับโอกาสขาพลิกน้อยกว่า speedgoat ดีไปคนละอย่าง
ลองไปลองมา ชอบมากอย่างที่บอก เลยเปลี่ยนใจจะใส่คู่นี้เป็นคู่แรกแล้วเอา speedgoat ไปใส่ drop bag แทน
เพิ่มเติมจากคุณภรรยาซึ่งเดิมใส่ altra อยู่แล้ว แต่เป็นรุ่น lonepeak พอมาลองคู่นี้ก็ชอบมากเหมือนกัน
จบการรีวิวจ้ะ ถ้ามีอะไรมากกว่านี้จะมาอัปเดตอีกทีนะ ❤
จัดของครับ งานนี้ของน้อย แต่ที่ขาดไม่ได้คือ ยาดมครับ 5555
มาครับ ประสบการณ์ลงงานวิ่งเทรลครั้งล่าสุด ดงมะไฟเทรล ๒๐๑๙ ระยะ ๔๔ กิโลเมตร ที่บ้านดงมะไฟ อำเภอสีคิ้ว นครราชสีมา ขับรถไปไกลที่สุดและนานที่สุดตั้งแต่ลงงานวิ่งมา เจอรถติดจากการก่อสร้างระหว่างทางเป็นระยะ ไปห้าชั่วโมงกว่า กลับอีกห้าชั่วโมง แต่ที่ลงสมัครงานนี้เพราะเห็นว่าเป็นงานชุมชน รายได้หักค่าใช้จ่ายจะเอาไปลงในชุมชน
ก่อนสมัครก็เช็กฟีดแบ็กงานปีก่อน ที่ชมก็มี แต่ที่ติกันก็เรื่องเดียวเลยคือ เส้นทางวิ่งหลังออกจากจุดสตาร์ตที่เป็น single track ขึ้นเขาทำให้เสียเวลาต้องรอกันเป็นชั่วโมง ซึ่งทางผู้จัดก็ออกมาบอกว่า ปีนี้เปลี่ยนเส้นทางใหม่แล้ว ไม่เจอรถติด (จริง ๆ คือ คนติด) แน่นอน เอา ลองดู
กราฟความสูงของเส้นทางและแผนการวิ่งที่ทำไว้เผื่อหนีคัตออฟ
ตอนที่กราฟความสูงของเส้นทางออกมานี่เล่นเอาร้องซี้ด สตาร์ตเสร็จพี่ให้ดาวน์ฮิลกันยาว ๆ สิบโล ก่อนจะสลับขึ้นลงเนิน (แบบนี้เรียก เนิน ใช่มั้ย 5555) แล้วขึ้นกันยาว ๆ ตั้งแต่โลที่ ๒๐ แล้วไปชันชิ_หายวายป่วงกันที่โล ๔๐ จนถึงเส้นชัย
เรียกว่า นวดมาแล้ว ๔๐ โล แล้วมารีดให้หมดที่สี่โลสุดท้ายครับพี่น้องครับ
งานนี้สรุปกันเป็นข้อดีกว่า เอาข้อดีก่อน
๑. เส้นทางดี มีครบ อัปฮิล ดาวน์ฮิล เข้าป่า ทางโล่ง ปิ้งย่าง ไม่ยากเกินไป ไม่อันตราย แต่ก็ไม่ง่าย วิ่งกำลังสนุก
๒. อากาศดีมาก ตอนเข้าจุดให้น้ำที่โลที่ห้า อากาศเย็นจนควันออกปาก ทีแรกไม่แน่ใจ ต้องลองใหม่ เฮ้ย ใช่จริง ๆ
๓. น้ำท่าบริบูรณ์ดี เครื่องดื่มเกลือแร่มีเพียบ ไปงานอื่นสเปรย์ขาดแต่งานนี้สเปรย์เยอะมาก และที่เจอเป็นครั้งแรกในงานวิ่งคือ อ็อกซิเจนกระป๋องครับ วิ่งมาเหนื่อย ๆ สูดปื้ดยาว ๆ อาห์…
๔. พี่ป้าน้าอาในชุมชนอัธยาศัยดี เข้ามามีส่วนร่วมในงานพอสมควร
ทีนี้มาว่าเรื่องที่ควรปรับปรุงกันบ้าง
๑. เรื่องแรกเรื่องใหญ่สุด หลงกันเช็ดเม็ดครับพี่น้องครับ ระยะอื่นไม่รู้ แต่ ๔๔ นี่หลงกันชิ_หาย เนื่องจากริบบิ้นบอกทางติดห่างกันเยอะ แถมไม่สะท้อนแสงด้วย วิ่งมามืด ๆ ไม่เห็นครับ
อีกอย่างคือ บอกทางด้วยการพ่นสีสเปรย์บนก้อนหินบ้าง บนพื้นถนนบ้าง ซึ่งปกตินักวิ่งจะดูทางจากริบบิ้น ไม่ก้มหน้าดูพื้นกัน แต่โชคดีที่พี่ไม่หลง ไม่ใช่เก่งหรืออะไร วิ่งช้าครับ ตามรอยชาวบ้านแม่งไป รอด!! 5555
๒. ที่พักมีน้อย บริเวณงานมีพื้นที่ให้กางเต๊นต์นอนได้กับพักโฮมสเตย์ของชาวบ้าน แต่เราไม่ถนัดทั้งสองทาง ก็เลยไปพักห่างจุดจัดงานไป ๓๐ โลโน่น
แล้วงานนี้สตาร์ตตีสี่ ต้องตื่นตั้งแต่ตีหนึ่งกว่า ๆ กะเวลาให้อาบน้ำเตรียมของเสร็จขับรถมาถึงงานประมาณตีสาม จะได้ไม่วุ่นวายเรื่องหาที่จอดรถ ซึ่งระหว่างทางที่ขับมาแม่งอย่างมืด แม่พดด้วงมาบอกตอนมาถึงที่งานแล้วว่า ถ้าระหว่างทางมีใครมาโบกให้จอดจะไม่ให้จอดเด็ดขาด กลัวโดนดักปล้น!! 5555
๓. ในขณะที่น้ำท่าบริบูรณ์ดีตามข้อดีข้อ ๓ แต่แม่งไม่เย็นครับ วิ่งมาเหนื่อย ๆ เจอจุดให้น้ำเราก็อยากได้น้ำเย็นให้สดชื่นหน่อย แหม่ ไม่เย็นซะนี่
๔. ต่อเนื่องจากข้อ ๓ นอกจากน้ำท่าจะไม่เย็นแล้ว ผลไม้พวกแตงโม กล้วย สับปะรดอะไรก็ไม่มีให้เลย ขนมเล็ก ๆ น้อย ๆ อะไรก็ไม่มี นักวิ่งต้องพึ่งตัวเองล้วน ๆ ยังดีที่มีข้าวเหนียวหมูทอดให้ตรงกิโลฯ ที่ ๑๘ ที่เป็นจุดใหญ่
๕. ไม่เห็นทีมแพทย์พยาบาลเลยนะ ไม่แน่ใจว่ามีหรือเปล่า ซึ่งก็โชคดีที่ไม่มีใครเป็นอะไรที่ต้องใช้บุคลากรทางการแพทย์
ใครสนใจอยากลองไปปีหน้า ลองดูละกันว่า ข้อดีกับข้อควรปรับปรุงที่เล่ามามีอันไหนที่โอเค อันไหนที่ซีเรียส ซึ่งจริง ๆ ก็น่าเสียดาย เพราะสนามสวยมากและข้อควรปรับปรุงที่ว่ามาทั้งหมดเป็นเรื่องของการจัดการที่แก้ไขได้ อยากให้แก้ไขจริงจัง เพราะเชื่อว่าสนามเส้นทางแบบนี้ไปต่อได้แน่นอน
สู้ ๆ นะ…
โพสต์นี้สาระล้วน ๆ บอกเลย
เมื่อเช้า fb โชว์โพสต์นึงในกลุ่มวิ่งเทรลขึ้นมา คนโพสต์มาถามถึงเสื้อกันลมกันฝนที่จะใส่ไปงานวิ่งช่วงปลายปีนี้ ด้วยความที่เป็นงานเดียวกับที่พี่จะไปก็เลยกดดูคอมเมนต์เก็บเป็นความรู้เอาไว้หน่อย
มีเมนต์นึงมาแนะนำเสื้อกันลมกันฝนบอกรุ่นบอกยี่ห้อ เล่าสรรพคุณมาเรื่อย ๆ อ่านแล้วก็ร้องเหยดดดด แม่งระดับใส่ไป UTMB ได้เลยว่ะ ทั้งกันลม กันฝน ระบายความร้อน จนกระทั่งมาเห็นราคา
๖,๔๐๐ บาทครับ
เชี่_ กูนี่เตรียมเสื้อกันฝน 7-11 เอาไว้ ตัวละ ๓๕ บาทครับพี่น้องครับ
พูดถึงเรื่องนี้แล้ว วันก่อนมีคนมาโพสต์ขายจุกเสียบปลายไม้โพล ยี่ห้อ Vibram (ยี่ห้อนี้ดังมากเรื่องทำพื้นรองเท้าว่าเหนียวหนึบ รองเท้ายี่ห้อไหนเอาพื้นเจ้านี้ไปต้องยกมาเป็นจุดขาย) อีจุกไม้โพลที่ว่านี่ นึกถึงจุกยางรองขาเก้าอี้นะครับ ขนาดประมาณหัวแม่เท้า ใส่ยี่ห้อ Vibram เข้าไป คู่ละ ๔๙๐ บาทครับ
ตอนเห็นราคายังคิดอยู่ว่า ใครจะมาซื้อของมึ้งงงงงงง ที่ไหนได้ เมนต์มากันอย่างเร็ว รับครับ รับค่ะ รับครับ คู่นึงค่ะ
นี่แค่ตัวอย่างนะ ยังมีของอย่างอื่นในแวดวงอีกมาก ระหว่างที่พิมพ์อยู่นี่ก็มีประโยค วิ่งเป็นกีฬาที่ใช้เงินน้อย ก้องอยู่ในหัวนะครับ
เพราะฉะนั้นแล้วไม่แปลกใจเลยว่าทำไมตามงานวิ่งเทรลถึงมี มาม่า เข้าไปเป็นสปอนเซอร์หลัก เพราะนอกจากจะค่าอุปกรณ์แล้ว ยังมีค่าอุปกรณ์สำรอง ค่าสมัครงานวิ่ง ค่าเดินทาง ค่าที่พัก ค่าเดินทางไปซ้อมอีกสารพัด กระเป๋าฉีกนะครับ เรียกว่ามาม่าแม่งเข้าใจ insight ของลูกค้ากลุ่มนี้ดีมาก
วกกลับมาเรื่องสาระที่เกริ่นไว้ตอนต้น
จากที่เล่ามาจะเห็นว่ากลุ่มนักวิ่งเทรลส่วนมากเป็นกลุ่มคนที่มีกำลังซื้อ (ยกเว้นพี่คนนึงนะ) และตัดสินใจซื้อเร็ว ด้วยเหตุว่าถ้าช้าของแม่งจะหมด
เพราะฉะนั้นเพื่อน ๆ ที่ดูแลสินค้าและบริการ แบรนด์ต่าง ๆ รวมทั้งเอเจนซี่ ถ้าสนใจลูกค้ากลุ่มนี้ลองหาวิธีเจาะตลาดดูนะครับ ถ้าเจาะได้รับรองว่า สุขสวัสดีความมั่งมีจะมาสู่ท่านแน่นอน… เลิฟ เลิฟ ❤
หมายเหตุ ภาพประกอบไม่เกี่ยวกับเนื้อหาแต่อย่างใด 5555
ข้าวของและอุปกรณ์ส่วนหนึ่งที่แบกไปวิ่งงานนี้
มาจ้ะ death note เอ๊ย race note งานวิ่งล่าสุด พริบพรีอีโคเทรล Pribpree Eco Trail เรียกสั้น ๆ ว่า PET แต่คนไปงานเรียกง่าย ๆ ว่า งานเป็ด
งานนี้จัดที่บ้านลาด เพชรบุรี เป็นงานวิ่งที่จัดขึ้นครั้งแรก โดยชุมชนในพื้นที่ และทีมงานร้าน Pathwild ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของทีม TET ผู้จัดงานเทรลมากประสบการณ์และทุกงานล้วนได้รับคำชม แต่ผมมาไม่ทัน ทีม TET เลิกจัดงานวิ่งไปก่อน เสียดายมาก
พอมีแจ้งว่าจะจัดงาน PET โดยทีมงานส่วนหนึ่งของทีม TET เลยไม่รอช้า กดสมัครเอาระยะไกลสุด ๕๐ โลแม่งเลย ทั้ง ๆ ที่ยังไม่มีข้อมูลอะไรออกมา รู้แค่ระยะกับสถานที่ ส่วนว่าความชันเป็นยังไง สนามโหดแค่ไหน คัตออฟเท่าไหร่ ไม่มีครับ งานนี้อาศัยเครดิตเดิมของผู้จัดล้วน ๆ แต่ขนาดไม่มีข้อมูลอะไรอย่างนี้ อย่าคิดว่าสมัครง่ายนะครับ แม่งแย่งกันสมัครยังกะวิ่งฟรี เต็มภายในไม่กี่นาที แล้วที่เต็มก่อนก็ระยะไกลสุด ๕๐ โลนี่แหละ ซึ่งแน่นอน ถึงเรื่องวิ่งพี่จะกาก แต่เน็ตพี่ไม่กากนะครับ เรื่องสมัครเร็วเนี่ยขอให้บอก ไม่เคยพลาดครับ
คืนวันศุกร์ทีมผู้จัดมา live facebook เพื่อบรีฟเส้นทางและเปิดให้นักวิ่งได้ถามข้อสงสัย พอเปิดรูปมาพร้อมกับบอกว่า เส้นทางวิ่งเป็นหินลอยเกือบตลอดทาง คนอื่นแม่งเมนต์กันกระจาย ส่วนพี่เฉยมาก บอกเลย ไม่ใช่อะไร ไม่รู้เรื่องว่าหินลอยแม่งโหดแค่ไหน 5555 ส่วนตัวที่อยากรู้มีสองเรื่อง
แผนการวิ่ง คิดไว้แค่ ๓๐ โลแรก เพซเท่าไหร่ กินอะไรตรงไหน เข้า/ออกสเตชั่นกี่โมง
เรื่องแรก ฝนจะตกมั้ย เพราะดูจากความชันแล้วถ้าตกก็น่าจะได้เล่นสไลเดอร์สวนสยาม ทะเลกรุงเทพฯ กันแน่มึง ผู้จัดบอกว่า ฝนตกทุกวัน แต่บอกไม่ได้ว่าวันวิ่งจะตกมั้ย ส่วนเรื่องที่สอง คือ ทางวิ่งในป่ามีทากุซังมั้ย อันนี้ยังไม่เคยเจอ แต่ไม่อยากเจอ เลือดพี่มีน้อยอยู่แล้ว อย่ามาแบ่งเอาไปเลยนะ ซึ่งผู้จัดก็ตอบให้สบายใจว่า ไม่มี (เว้ย)
ตัดฉับมาวันงาน ปล่อยตัวตีห้าครึ่ง ออกจากโรงเรียนบ้านพุตุม วิ่งบนถนนลาดยางมาสักสองโลเลี้ยวซ้ายเข้าทางเทรล หินเริ่มมาเลยจ้ะ วิ่งไปเนินเริ่มมา จนกระทั่งเลี้ยวขวาเข้าทาง single track อัปฮิลไปเรื่อย ๆ จนมาถึง A1 ลานเครื่องร่อน ตอน ๖.๓๖ น. เร็วกว่าที่วางแผนไว้นิดหน่อย ซึ่งถือว่าดี ได้มาร์จิ้นมา ๑๒ นาที กำลังใจมา ถ่ายรูปเป็นที่ระลึกแล้วรีบออก
วิวที่ลานเครื่องร่อน ต้องบอกว่า nice view ไม่แพ้ดอยปุยเลย
ออกจาก A1 เป็นทางดาวน์ฮิลลงไป วิ่ง ๆ อยู่ น้องผู้หญิงคนข้างหน้าสะดุดล้มคว่ำคะมำหงาย เข้าไปช่วยดึงให้ลุกขึ้น อ้าว เป็นน้องที่เคยเจอกันในแคมป์เทรลอาทิตย์ที่แล้วนี่เอง ยังไม่ทันได้ทักทายกันมีเพื่อนน้องวิ่งตามมาพอดี น้องมีคนดูแลแล้วเราก็ไปต่อ เพราะทางข้างหน้าจะเริ่มอัปฮิลยาว ๆ ล่ะ
อัปฮิล หรือเรียกว่าตะกายเขาจะตรงกว่า ขึ้นมาที่ยอดเขาแด่น จุดสูงที่สุดของสนามนี้ที่ระดับ ๕๓๘ เมตรจากระดับน้ำทะเล นั่งรอแม่พดด้วงตามขึ้นมา ให้พักแป๊บนึงพับไม้โพลเก็บแล้วเริ่มดาวน์ฮิลยาว ๆ ได้เวลาทดสอบเทคนิคที่เรียนมาจากแคมป์แล้วตอนนี้ ปล่อยไหลลงมาเรื่อย ๆ เฮ้ย ได้เว้ยกู ไอ้สัส!! ดาวน์ฮิลมาจนถึงลานลั่นทม หยุดพักเหนื่อยแป๊บ หยิบมือถือมาถ่ายรูป แม่พดด้วงตามมาพอดี กำลังจะไปต่อ อ้าว แม่พดด้วงล้มมา เข่าเป็นแผลเลือดไหลมาเลย บอกเพิ่งล้มตอนก่อนจะถึงลานลั่นทมนี่เอง ดีที่ไม่เป็นอะไรมาก ทำแผลใส่ยาแล้วก็ไปกันต่อ
ตลอดทางมีทั้งหินลอย หินไม่ลอย รากไม้ ตอไม้ วิ่งมาจนโลที่ ๑๗ ตากูมั่งล่ะทีนี้ ขาหลังสะดุดก้อนหินโผไปข้างหน้า แปลกมาก ความรู้สึกตอนนั้นเป็นภาพสโลว์โมชั่นเลยนะ พอตัวถึงพื้น มือไปฟาดใส่คมก้อนหินเป็นแผลฉีก ต้องหยิบเอาชุด first aid ใช้แอลกอฮอล์ล้างแผลใส่เบตาดีน แล้ววิ่งต่อ
วิ่งมาได้อีกแป๊บนึง เหยยยย เลือดแม่งไหลออกมาอีกจนหยดมาตามทาง ต้องหยุดแปะพลาสเตอร์ปิดปากแผลเอาไว้ก่อน ตอนนี้กูรีบ เดี๋ยวค่อยว่ากันนะ
ลงมาจนถึง A2 อ่างเก็บน้ำผาน้ำหยด เวลาที่ตุนไว้ ๑๒ นาทีจากสเตชั่นแรกตอนนี้เหลือแค่ ๗ นาที รีบกินแตงโม น้ำตาลสด อาลัว ขนมชั้นชิ้นนึง เติมน้ำเย็นใส่ขวด แล้วออกเลย จุดหน้า ๑๑ โลมีคัตออฟด้วย ต้องขึ้นลงเขาคอแดง มีเวลาอยู่ ๒ ชั่วโมง ๔๐ นาที
จาก A2 วิ่งมาช่วงแรกยังเป็นทางราบ เพซยังได้ พอเริ่มขึ้นเขาเท่านั้นล่ะมึงเอ๊ยยยยยย มึงจะชันไปไหน!! อัปฮิลขึ้นไปเรื่อย ๆ ตอนนี้เริ่มคุยกับเพื่อนร่วมทางเยอะขึ้นแล้ว เพราะมีจังหวะต้องพักเหนื่อย เดินไปเช็คเวลาไป ค่อย ๆ ดูเพซเฉลี่ยตัวเองใกล้เพซเฉลี่ยคัตออฟไปทีละนิด จนกระทั่งแม่งหลุดจนได้ แต่ก็ยังมีความหวังว่าเดี๋ยวตอนดาวน์ฮิลอาจจะทำเวลาคืนมาได้บ้าง ยังมีลุ้น
พอถึงช่วงดาวน์ฮิลก็ซัดลงมาเลยจ้ะ ปล่อยไหลมายาว ๆ แซงใครได้ก็แซง วิ่งไปวิ่งมา บางช่วงวิ่งอยู่คนเดียวมาจนถึงโล ๒๕ กว่า ๆ เจอแอดวิดนุ เพจ Dnf6+ กำลังนั่งพักอยู่ วิ่งไปต่อ จนโลที่ ๒๖ ไอ้ชิบหาย ยังมีขาขึ้นให้กูตะกายขึ้นไปอีกเหรอ เงยหน้ามองลูกนี้แม่งแทบจะถอดใจเลย กัดฟันไต่ขึ้นไป พอถึงยอดก็รู้แล้วว่าหมดสิทธิ์ ไปไม่ทันคัตออฟแล้ว เกมตั้งแต่ตรงนี้ แต่ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้ว ซ้อมดาวน์ฮิลแม่งเลยแล้วกัน ค่อย ๆ ปล่อยไหลไปเรื่อย ๆ แต่ไม่เร่ง เดี๋ยวเจ็บจะไปกันใหญ่
ช่วงนี้วิ่งอยู่คนเดียว เป็นป่าไผ่ ข้างหน้าไม่มีใคร ข้างหลังไม่มีใคร วิ่ง ๆ ไปได้ยินเสียงเหมือนฝีเท้าใครตามหลังมา หันกลับไปดู เผื่อเพื่อนนักวิ่งจะทำเวลาจะได้หลบทางให้ แต่อ้าว เฮ้ย ไม่มีใครว่ะ ครั้งแรกไม่คิดอะไร ครั้งต่อไปก็ยังไม่มีใครเหมือนเดิม ไอ้สัส!! ทีนี้กูเริ่มคิดล่ะ วิ่งไปเหลียวหลังไป ทางแม่งก็ดาวน์ฮิลเป็นไหล่ทางอยู่ริมเขา แถมทางเอียง ๆ ถ้าพลาดขึ้นมาก็กลิ้งหลุน ๆ ลงไปนอนยิ้มอยู่เชิงเขาโน่นเลยนะ เลยตั้งสติ เอาใหม่ คิดว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่บ้านที่ไหว้ขอพรเอาไว้ก่อนจะออกจากบ้านคงตามมาดูแลคุ้มครองน่ะ ก็สบายใจขึ้น แต่ตีนนี่ไม่หยุดเลยนะ ขอกูวิ่งจนเจอใครซักคนก่อน
ลงมาถึงทางราบวิ่ง ๆ เดิน ๆ ไม่รีบแล้วทีนี้ โผล่มาถึงเจอวัวตัวเบ่อเร่อยืนอยู่ตรงลานกว้าง ยังคิดอยู่ว่าสวยดี แม่งน่าถ่ายรูป พอมองไปข้างหน้า เห็นป้าย A3 เจ็ดโกรก ไม่ถ่งไม่ถ่ายแล้วโว้ยยยย หมดกรรมแล้วกู กูจะแดกข้าววววว
สรุปว่ามาไม่ทันคัตออฟไปเกือบครึ่งชั่วโมง ซ้ำรอยงาน CM3 ที่ไม่ทันคัตออฟ ๓๐ โลตรงบ้านผานกกก แต่งานนั้นหลุดเวลาไปแค่สามนาที เดินไปที่เต๊นต์ เจอผู้ประสบภัย A3 อยู่กันเพียบ สนุกสนานเฮฮากันดี พี่สต๊าฟบอกว่า ไอ้ภูเขาสองลูกที่เจอมาน่ะยังไม่เท่าไอ้ลูกที่รออยู่เลยนะ ลูกนั้นน่ะของจริง เยสเข้!! นี่พี่ขู่หรือพูดให้พวกผมรู้สึกดี ที่ไม่ได้ไปต่อครับ
มาถึง A3 มีรถพยาบาลก็เลยได้ทำแผลเป็นเรื่องเป็นราว
ระหว่างนั่งกินข้าวกินขนม เพื่อนนักวิ่งบางคนบอกว่า สนามนี้แม่งโหดกว่า Navy Frog อีก บางคนก็บอก ใครยกเขาแหลมมาไว้ที่นี่ อีกคนบอกโหดกว่างานเกาะช้าง ส่วนเรามันประสบการณ์น้อย เขาแหลมไม่เคยไป งาน Navy Frog ไม่เคยไป งานเกาะช้างยิ่งไม่เคยไป ฟังแล้วก็นึกในใจ ชิบหาย!! นี่กูมาตีบอสโดยไม่รู้สี่รู้แปดอะไรเลย 5555
จะยังไงก็แล้วแต่ คนที่เขาจบก็ยังมี มีเยอะด้วย เพราะฉะนั้นเราไม่อ้างโน่นอ้างนี่ ที่ไม่จบนี่สรุปได้ข้อเดียวว่า กูกาก นะครับ
งานนี้เป็นงาน eco trail ผู้จัดให้เอาแก้วเอาช้อนไปเอง แต่อยากได้แก้วนิ่มที่ระลึกของงาน
สรุป งานนี้ข้อดีมีเพียบสุดจะสาธยาย ผู้จัดดี พี่น้องชาวบ้านในชุมชนให้ความร่วมมือดี เส้นทางดี (ปีหน้าจะมาแก้มือนะครับ) ริบบิ้นถี่ยิบไม่ต้องกลัวหลง ใครหลงมึงโทษตัวเองเถอะ อาหาร ผลไม้ น้ำดื่มมีพร้อม ใครเป็นเบาหวานอย่ามาวิ่งงานนี้ กูเตือนไว้ก่อน กลับไปมึงโดนตัดขาไม่ก็เบาหวานขึ้นตาแน่นอน หม้อแกง ทองหยอด เม็ดขนุน อาลัว ขนมชั้น พอนะ รับรองปีหน้าแม่งแย่งกันสมัครจนไฟลุกแน่ ๆ
หมายเหตุอีกที ใครอ่านมาถึงตรงนี้ ขอกราบขอบพระคุณเป็นอย่างสูงที่ทนอ่านมาได้ขนาดนี้ แล้วเจอกันใหม่ สวัสดีจ้ะ ❤
ผู้ร่วมชะตากรรม เอ๊ย ผู้เข้าร่วมกิจกรรมถ่ายภาพร่วมกับโค้ชและผู้ช่วยโค้ชหลังผ่านมาสามเขา
เสาร์อาทิตย์ที่ผ่านมาไปเป็นนักเรียนมาครับ เข้าแคมป์เทรลที่ชื่อว่า Hilltop Trail Running Camp ที่รีสอร์ต Hilltop Chalet ปากช่อง สาเหตุมาจากลงงานวิ่งเทรลครั้งล่าสุด (งาน CM6 ระยะ CM3) แล้วโดนคัตออฟอันเนื่องมาจากวิ่งดาวน์ฮิลไม่ได้ ทำให้ช่วงที่ควรจะเร่งเวลากลับทำไม่ได้ โดนตัดตัวเพราะเวลาเกินไปสามนาที พอรู้จุดอ่อนของตัวเองยังงี้ กลับมาก็เลยมาหาที่ซ้อมเนินเพื่อฝึกอัปฮิลดาวน์ฮิล แต่ก็ยังไม่ค่อยมั่นใจ
พอ fb เด้งโพสต์รับสมัครแคมป์นี้ขึ้นมาก็เลยกดไปดู เห็นสอนมาแล้วหกรุ่น กำลังจะเปิดรุ่นที่เจ็ด โค้ชที่มาสอนเป็นอดีตนักกีฬาทีมชาติ ชื่อ โค้ชเดี่ยว ปฏิการ เพชรศรีชา ซึ่งก็มีเพจสอนวิ่งที่ follow อยู่แล้ว ดูราคาก็ไม่แพง ตัดสินใจง่ายเลย
ใช้เงิน (ที่ไม่ค่อยมี) แก้ปัญหาสิวะงานนี้
สำหรับเครดิตโค้ชเดี่ยวเผื่อใครที่ยังไม่รู้จัก นอกจากจะได้เหรียญทองแดงซีเกมส์มาแล้ว แกยังเข้าที่หนึ่งจอมบึงมาราธอน ๒๐๑๕ เป็นแชมป์ตะนาวศรี ๖๐ ปี ๒๐๑๘ และแชมป์โคลัมเบีย ๕๐ ปี ๒๐๑๘ มาด้วย (นี่แค่ส่วนหนึ่ง) เรียกว่ามีดีกรีแชมป์ทั้งงานถนนงานเทรล คิดว่างานนี้ต้องได้ทางสว่างกลับมาแน่นอน อย่างน้อยก็เรื่องดาวน์ฮิลที่เป็นปัญหาอยู่นี่ล่ะ
ไปถึงแคมป์วันแรกนอกจากโค้ชเดี่ยวก็ยังมีโค้ชอาร์ต มโนชา มาเป็นผู้ช่วยโค้ชเดี่ยวอีกคน รวมกับพี่หมึก เจ้าของโปรเจ็กต์แคมป์นี้มาช่วยดูแล สอนกันตั้งแต่การวอร์ม (สอนโคตรละเอียด วอร์มเสร็จก็เหนื่อยแล้ว หัวใจขึ้นโซนสามแล้วมั้ง 5555) แล้วออกไปวิ่งเบา ๆ ดูสถานที่จริง ประเดิมกันก่อน ได้ทดลองอัปฮิลดาวน์ฮิลในพื้นที่จริงกันทุกคน คนละสองสามรอบ เสร็จแล้วกลับมาเรียนการดริล (Drills – ภาษาไทยเรียกอะไรไม่รู้)
วอร์มกันแบบจัดเต็ม วอร์มเสร็จแม่งเหนื่อย 5555
จบจากดริล โค้ชสอนยืดเหยียดต่อ เรียกว่าเอาให้ครบ มีทั้งวอร์ม ทั้งวิ่ง วิ่งเสร็จต้องยืดเหยียดด้วย
วันที่สองโค้ชนัดพร้อมกันตีห้าครึ่ง ออกมาวอร์ม (เหมือนเมื่อวาน) เสร็จแล้วพาวิ่งออกไปตามเส้นทาง เอาเทคนิคที่โค้ชสอนเมื่อวานมาลองของจริง ตามโปรแกรมบอกว่า ๑๓ โล แต่วิ่งเสร็จดูนาฬิกาปาเข้าไป ๑๔ โลกว่า มีแถมด้วย 5555 ขึ้นเขาลงเขาไปสามลูก เริ่มจากลูกเมื่อวาน ซึ่งนั่นง่ายสุด แล้วขยับยากขึ้น ชันขึ้น ใช้เทคนิคมากขึ้น ลูกสุดท้ายนี่ ถ้าโค้ชไม่ลงให้ดูก่อนยังคิดไม่ออกว่ากูจะลงยังไงไม่ให้กลิ้งลงมา ตอนที่โค้ชทำให้ดูนี่ก็เหมือนง่ายเลยนะ
ดูวิวสิ ต้นข้าวโพดมันสูงขนาดนี้เลยเหรอ
วันนี้ ๑๔ โลกว่าเบ็ดเสร็จใช้เวลาไปเกินสี่ชั่วโมง กลับมาถึงแคมป์มียืดเหยียดอีกรอบด้วยท่าที่ไม่ซ้ำกับเมื่อวาน
สรุปสั้น ๆ มาแคมป์นี้โคตรคุ้ม โค้ชสอนแบบไม่มีกั๊ก สงสัยอะไรถาม ตอบได้!! อยากรู้อะไรถาม ตอบได้!! อับดุล!! ผู้ช่วยโค้ชดี ทีมงานดูแลดี ตอนออกวิ่งระหว่างทางมีรถเซอร์วิส น้ำเย็น โค้ก เกลือแร่ น้ำมะพร้าวมาครบ เรียกว่า น้ำท่าบริบูรณ์ดี ได้วิ่งพื้นที่จริง ลองของจริง อัปฮิลเป็นอัปฮิล ดาวน์ฮิลเป็นดาวน์ฮิล ลื่นเป็นล้ม 5555
แคมป์นี้เหมาะกับใคร?
เหมาะกับนักวิ่งเทรลขั้นเริ่มต้น อาจจะวิ่งถนนมาระยะนึงแล้วอยากจะขยับมาวิ่งเทรล หรือเคยวิ่งเทรลบ้างแล้วและอยากจะเก็บพื้นฐานที่ถูกต้องก่อนจะขยับอัปเลเวลต่อไป ส่วนนักวิ่งเทรลที่ช่ำชองแล้วถ้าสนใจแคมป์แบบนี้ พี่หมึกเจ้าของโปรเจ็กต์บอกว่าปีหน้าจะเปิดแคมป์สำหรับรุ่นแอดวานซ์ขึ้นไป ใครสนใจอัปร่างรอกันไว้ได้เลยนะฮะ
หมายเหตุ ภาพประกอบเครดิตทีมงาน Hilltop Trail Running Camp ยกเว้นคลิปนะครับ