ประสบการณ์งานวิ่ง Kumarathon : Together We Run 2017

Kumarathon 2017 medals

เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาคุณแม่พดด้วงไปลงงานวิ่ง Kumarathon : Together We Run 2017 ที่สวนหลวงร.๙ มาครับ ผมทำหน้าที่สารถีขับรถ ซึ่งเป็นการขับรถข้ามเมืองจากฝั่งธนไปสวนหลวงร.๙ เป็นครั้งแรก งานนี้จัดให้เพื่อแม่พดด้วงโดยเฉพาะเลย (#โพสต์สร้างภาพ 5555)

แม่พดด้วงเล่าว่าเห็นประกาศงานวิ่งงานนี้มาจากเพจ Kumamon Thailand เมื่อราว ๆ ประมาณปลายเดือนตุลาคม (หรือต้นพฤศจิกายนนี่แหละ) ตอนแรกที่เห็นก็สนใจแต่ไม่ได้สมัคร เพราะมันไกลบ้าน ก็เลยตัดใจไป

ทีนี้ปรากฎว่า หลังจากที่เปิดให้สมัครกันแล้วเกิดมีคนสละสิทธิ์ ไม่โอนเงินค่าสมัครเข้ามา ไม่รู้ว่าเป็นเพราะตอนที่สมัครนั่นมือลั่น หรืออยู่ในอารมณ์ไม่ฟังอีร้าค่าอีรม (สำนวนเก่าบอกวัยมาก) เฮ้ย งานวิ่งเว้ย สมัครไว้ก่อนเว้ย!! อะไรแบบนี้หรือเปล่า (สองอาการที่ว่ามานี้ลองไปถามนักวิ่งดูเถอะ เชื่อว่าเป็นกันเยอะ 5555) ทางผู้จัดงานก็เลยมีการเปิดรับสมัครทดแทน

คราวนี้แม่พดด้วงไม่พลาด เพราะความมุ้งมิ้งตะมุตะมิของ race kit ที่ทางเพจเอามาโชว์นี่ต้องบอกว่า เห็นแล้วรอดยาก แล้วงานนี้เป็นงานที่ให้ของเพียบมาก โดยเปิดให้คนสมัครเลือกได้ว่าจะอยู่ Team Kumamon (สีดำ) หรือ Team Sister (สีเหลือง) ซึ่งทั้งสองทีมมีทั้งเสื้อวิ่ง (แบรนด์ Mizuno) สายรัดข้อมือ กระเป๋าผ้า รวมไปถึงฟิกเกอร์ แถมยังเปิดขายตัวติดบิ๊บลายคุมะมงสำหรับคนที่สนใจ ซึ่งแน่นอนว่า แม่พดด้วงโดนไปหนึ่งชุด

Kumarathon Team Sister Race Kit

ส่วนหนึ่งของ race kit ชุดนี้เป็น Team Sister สีเหลืองครับ

เช้าวันเสาร์เราตื่นตั้งแต่ยังไม่ตีสี่ เตรียมตัวเสร็จ เช็กของให้เรียบร้อยว่าไม่ลืมอะไร โดยเฉพาะบิ๊บ (ใครลืมบิ๊บวันงานนี่เหมือนไปถึงสนามบินแล้วลืมพาสปอร์ตยังไงยังงั้นนะฮะ) ออกจากบ้านตอนตีสี่ครึ่ง ขับรถข้ามเมืองไปสวนหลวงร.๙ โดยพึ่งคุณพี่ Google Map ไปตลอดทาง (กราบบบบบบ)

Kumarathon 2017 gear

ส่วนหนึ่งของ race kit ตัวติดบิ๊บกลม ๆ สี่อันนั่นต้องซื้อต่างหากนะครับ

ไปถึงที่จอดรถตอนตีห้านิด ๆ กำลังจะเลี้ยวเข้าที่จอดรถที่ทางผู้จัดงานเตรียมไว้ ปรากฎว่า มันเต็มที่คันก่อนหน้าเราพอดี เราเป็นคันแรกที่โดนกั้น (ให้มันได้ยังงี้!!) กำลังคิดว่าแล้วกูจะไปจอดที่ไหนดีวะ ขับออกมาไม่ถึงสิบเมตรมีที่จอดรถหน้าอาคารพาณิชย์ที่ยังว่าง ๆ อยู่ ก็เอาวะ ขอตรงนี้ละกัน ซึ่งพอเราเข้าไปจอดก็มีคันอื่นตามหลังเข้ามาจอดอีกร่วมยี่สิบคันจนเต็มและทั้งหมดเป็นรถของคนที่มางานวิ่งวันนี้ 5555

เดินข้ามถนนเข้าไปในงานบนเวทีมีพิธีกรหญิงชายดำเนินรายการอยู่ บอกกำหนดการว่าตอนตีห้าสี่สิบห้าจะมีการวอร์มกัน คุณภรรยาก็ไปเตรียมตัว กินขนมปังรองท้อง ยืดเหยียดกล้ามเนื้อ เข้าห้องน้ำให้เรียบร้อย

พอได้เวลาก็มีการวอร์มนำโดยคุมะมง!!! อันนี้เสียดาย ถ่ายวิดีโอเก็บไว้ไม่ทัน เพราะคุมะมงนำวอร์มด้วยเพลง ชูมือขึ้นแล้วหมุน ๆ ซึ่งบรรดาสาวน้อยสาวใหญ่นับพันคนต่างก็พร้อมใจทำท่าตามคุมะมงกันอย่างพร้อมเพรียง เป็นที่สนุกสนานเฮฮาน่าชมยิ่งนัก

วอร์มเสร็จมีพิธีการอีกเล็กน้อย ถ่ายร่งถ่ายรูปคุมะมงกับสปอนเซอร์รายใหญ่ก่อนจะปล่อยตัวตอนหกโมงตรง งานนี้ปล่อยตัวทีเดียวเลยเพราะวิ่งระยะเดียว คือ ๕.๖ กิโลเมตร

งานนี้แปลกอยู่อย่าง ปล่อยตัวแล้ว นักวิ่งก็ทยอยวิ่งกันออกไปแล้ว ยังมีนักวิ่งอีกหลายสิบคน หรือเกือบร้อยที่แต่งตัวชุดวิ่งกันมาแล้ว แต่ไม่วิ่งเว้ย มาเดินถ่ายรูปกับแบ็กดรอปคุมะมงที่คนจัดวางเตรียมเอาไว้หลายจุด นี่เหมือนรู้นิสัยนักวิ่งสายเซลฟี่บ้านเราเลยนะ ทำการบ้านมาดีมาก 5555 แต่ก็มีหลายคนที่พอถ่ายรูปหนำใจแล้วค่อยออกวิ่งตามไป เรียกว่างานนี้มาวิ่งเอาสนุก วิ่งขำ ๆ ไม่จริงจังเอาเป็นเอาตายนะ

พอแม่พดด้วงออกวิ่งแล้วทีนี้เราก็ว่าง ก็เดินดูนักวิ่งสาว ๆ เฮ้ย!! บูธสปอนเซอร์ ทีแรกนึกว่า mizuno จะมาตั้งบูธขายรองเท้า ยังคิดอยู่เลยว่า วันนี้กูโดนอีกคู่แน่ ๆ ปรากฎว่า mizuno ไม่มา ก็เลยรอดไป ไม่เสียเงินนะฮะ

เดินไปเดินมาไปเจอบูธ uber eats กำลังยืนดู ๆ อยู่มีน้องหน้าใสมาชวนให้โหลดแอป ลงทะเบียนแล้วมีของแจก แถมได้โค้ดใช้ฟรีอีกห้าครั้ง อ่ะ อย่างนี้น่าสนใจ ลงไว้ก่อน เผื่อช่วงหยุดปีใหม่ขี้เกียจออกจากบ้านจะได้นอนไม่แห้งตายคารัง

เดินดูอยู่สักพักเห็นมีนักวิ่งคนแรกเข้าเส้นชัยมาแล้ว ก็เลยเดินไปยืนรออยู่หน้าเส้นชัย ระหว่างที่รอก็ถ่ายรูปเหรียญรางวัลเขาไปพลาง ๆ แล้วได้เห็นว่าพอนักวิ่งเข้าเส้นชัยมาเจ้าหน้าที่จะให้เหรียญแล้วกาเครื่องหมายบนบิ๊บเป็นสัญลักษณ์ให้รู้ว่า คนนี้รับเหรียญไปแล้วนะ มั่วไม่ได้แน่นอน

ดูนักวิ่งที่เข้าเส้นชัยมาก็แปลกใจนิดนึง ทีแรกคิดว่างานวิ่งที่มุ้งมิ้งแบบนี้คนมาวิ่งน่าจะเป็นผู้หญิงสาว ๆ เป็นส่วนใหญ่ (เหมือนคุณแม่พดด้วง 5555) ที่ไหนได้ นอกจากสาว ๆ แล้วยังมีสาวใหญ่ มีหนุ่ม ๆ ทั้งที่เป็นหนุ่มแมน ๆ ถึก ๆ และหนุ่มที่ไม่แมน เรียกว่ามากันครบทุกเพศทุกวัยนะฮะ

สักพักใหญ่ ๆ แม่พดด้วงก็วิ่งเข้าเส้นชัยมา เราก็ไปยืนเสนอหน้าถ่ายรูปตอนวิ่งเข้าเส้นเก็บไว้เป็นที่ระทึก 5555 รับเหรียญเรียบร้อยก็ไปยืดเหยียดกล้ามเนื้อเพื่อจะได้ไม่เจ็บ แล้วแวะไปรับอาหาร งานนี้มีแมคโดนัลส์ มีมาม่า เข้าคิวรับกันได้ตามใจชอบ ระหว่างที่กินเบอร์เกอร์เราก็นั่งตอบคำถามชิงรางวัล รางวัลใหญ่เป็นตั๋วเครื่องบินไปญี่ปุ่นสองที่นั่ง ปรากฎว่า ตอบผิดเกินจำนวนที่จะได้เข้าไปลุ้นรางวัล ช่วงนั้นคุมะมงวิ่งเข้าเส้นชัยมาแล้วกำลังจะเข้าไปพักในรถตู้ที่จอดอยู่บริเวณที่เรานั่งอยู่พอดี เลยได้เจอระยะประชิด ทั้งตัวคุมะมงและสาวญี่ปุ่นที่เป็นพี่เลี้ยงคุมะมง ฮ่า…

Kumarathon 2017 medal

พอพักหายเหนื่อยแล้วเราก็กลับ ไม่ได้อยู่ร่วมงานต่อ เพราะเราต้องขับรถข้ามเมืองกลับบ้านโดยที่ไม่ชินทาง (อาศัยพี่ Google Map เช่นเดิม กราบบบบบบอีกที) ก็เลยไม่อยากให้สายนัก เดี๋ยวจะเจอรถติดเกินความจำเป็น ตอนที่เดินออกมาเห็นรถนักวิ่งที่จอดอยู่ริมถนนเจออุบัติเหตุ ไม่รู้ใครมาเฉี่ยวหรือชน กำลังเคลียร์กับประกันอยู่ คงเซ็งน่าดู

สิ่งที่ประทับใจมากของงานนี้คือ การบริหารจัดการ เรียกได้ว่าเป็นมืออาชีพมาก ถึงเราจะมีประสบการณ์ลงงานวิ่งมาน้อยมาก แต่เรื่องแบบนี้มันดูออก รู้สึกได้ เริ่มจากก่อนวันงานมีการให้ข้อมูลสม่ำเสมอ ส่ง race kit ให้ถึงมือก่อนวันงานนานพอสมควร แผนผังการวิ่งชัดเจน ให้ข้อมูลที่จอดรถชัดเจน ปล่อยตัวตรงเวลา แม่พดด้วงบอกว่ามีเจ้าหน้าที่คอยบอกเส้นทางวิ่งทุกทางแยก วิ่ง ๆ อยู่ไม่มีหลงแน่นอน ส่วนเรื่องการฝากของ อันนี้ไม่รู้เพราะเราไม่ได้ฝาก

ถ้าให้สรุปสั้น ๆ ต้องบอกว่า เป็นงานวิ่งที่จัดได้ดีมาก ทีมงานพร้อม เหรียญสวยดึงดูดใจ ถึงจะวิ่งระยะแค่ฟันรันแต่ก็ประทับใจ แม่พดด้วงบอกว่า ปีหน้ามาอีกแน่นอน…

Kumarathon2017 medal in car

วิ่งโซน ๒ สิบโล วันพ่อ ๕ ธันวาคม ๒๕๖๐

10K Zone 2 Running on 5 December 2017

เมื่อเช้าหนุ่มใหญ่วัยเกรียนย่านบางบัวทองออกไปปฏิบัติธรรม เฮ้ย ไปซ้อมวิ่งโซนสองสิบโลอีกที ครั้งนี้มุ่งมั่นมาก ระหว่างที่วอร์มยืดเหยียดกล้ามเนื้อ ด้วยความคึก (จากเสียงเพลง eye of the tiger) ก็เลยตั้งเป้าว่า วันนี้จะกดหัวใจให้ต่ำลงอีก เพราะครั้งที่แล้วยังอยู่ปริ่ม ๆ ปลาย ๆ โซนสอง แถมมีเด้งหลุดขึ้นไปโซนสามเป็นระยะ แต่วันนี้แหละเว้ยยยยยย มึงเจอกรู!!! (fist pump!!)

ตัดภาพมาตอนวิ่ง คิดในใจว่า ไม่น่าเลยกู วิ่งแบบครั้งที่แล้วก็เบื่อพออยู่แล้ว เจือกคึกจะกดหัวใจลงอีก เบื่อหนักเลยทีนี้ แต่ก็พยายามคุมสติ ดูจิตไปเรื่อย ๆ ก้าวเท้าซ้ายให้รู้ ก้าวเท้าขวาก็ให้รู้ ซ้าย ขวา ซ้าย ขวา แตะ ยก ก้าว แตะ ยก ก้าว สลับกับดูนากาเช็กหัวใจไปเรื่อย ๆ

สุดท้าย ทำได้เว้ยยยยยย ครั้งที่แล้วหัวใจ ๑๒๖ ครั้งนี้ ๑๑๙ (งวดหน้ามีบ้านขายบ้าน มีรถขายรถ แทงแม่มเต็ม ๆ) ลดลงมาได้ ๗ แต่ถ้าดูกราฟจะมีบางช่วงที่โดดขึ้นมาหน่อย น่าจะเป็นช่วงที่หลุด เผลอไปคิดถึงโดนัทปลายปี ปีนี้จะได้เท่าไหร่ว้า ได้โดนัทมาแล้วเอาไปทำไรดีว้า คิดถึงโดนัทปั๊บหัวใจมาเลย เลือดลมสูบฉีด แต่ดีที่รู้ตัว เสียงพระอาจารย์ปราโมทย์ลอยมาเลย จิตเผลอไปก็ให้รู้ ไม่ต้องไปบังคับ แต่ให้รู้ว่าตอนนี้เผลอไปแล้วนะ เออ พอรู้แล้วมันก็กลับมานะ

หัวใจได้ตามเป้า แต่เพซหนักกว่าเดิมอีกจ้า ครั้งที่แล้วเพซ ๑๔ กว่า ครั้งนี้เพซ ๑๖ กว่าเกือบ ๑๗ วิ่งสิบโลเท่าเดิมแต่เวลาเพิ่มเป็น ๒ ชั่วโมง ๔๘ นาที!!

เหยดดดดดด นี่ถ้าเมื่อซักห้าปีที่แล้วมีใครมาบอกว่า อีกหน่อยพี่จะตื่นแต่มืดในเช้าวันหยุดเพื่อลุกมาวิ่งเกือบสามชั่วโมงไม่หยุดเลย นี่แม่มฮาเลยนะ ใครจะเชื่อ

สำหรับไฮไลต์ของวันนี้นะฮะ นอกจากจะมีสายตาของคนในหมู่บ้านที่มองมาอย่างสงสัยในการวิ่งโคตรช้าแล้ว วิ่ง ๆ อยู่ มีอาม่าเดินแซงมาจากข้างหลัง จังหวะที่แซง อาม่ามองมาเหมือนมีคำถามประมาณว่า ลื้อทำอะไรของลื้อวะ?

ชายหนุ่มยังหนุ่มยังแน่นออกมาวิ่งตอนเช้าเจออาม่าอายุเจ็ดสิบกว่าที่ออกมาเดินชิลชิลแซง

ชีช้ำอ่า…

วิ่งโซน ๒ สิบโล

zone2_10K

วิ่งเมื่อวานโพสต์บล็อกวันนี้

เช้าเมื่อวานหนุ่มใหญ่วัยเกรียนย่านบางบัวทองออกไปซ้อมวิ่ง (คุมหัวใจไว้ที่) โซนสอง ตั้งใจเต็มที่เพราะเป็นวันหยุด มีเวลาจัดเต็ม แถมก่อนออกไปวิ่งซัดกล้วยตากกันหิว มีวอร์มและยืดเหยียดกล้ามเนื้อตามที่เพิ่งดูคลิปมาเมื่อคืนก่อนหน้า เอาท่าเท่าที่จำได้ (จริง ๆ ตอนวอร์มนี่ต้องเปิด eye of the tiger ไปด้วย จะได้อารมณ์เหมือนตอนที่ร็อกกี้ บัลโบ กำลังซ้อมก่อนขึ้นเวทีลุยคู่ชก แต่เพิ่งนึกได้ตอนออกไปวิ่งแล้ว)

วอร์มไปก็คิดไป มาาาาาา มึงมาาาาา วันนี้มึงเจอกู!!! ไม่ได้หมายถึงใคร แต่หมายถึงมารที่จะมาขวางการวิ่ง ทั้งความขี้เกียจ อาการเมื่อย อาการเจ็บ มึงมาาาาาา

ออกไปวิ่งนี่ตั้งใจมาก จะคุมหัวใจให้อยู่โซนสองให้ได้ อย่างอื่นช่างมัน ผลออกมาได้อย่างที่ตั้งใจ หัวใจเฉลี่ยอยู่โซนสอง แต่เพซกระจายยยยยจ้า ปกติวิ่งเพซห้าเพซหก นี่ปาไป ๑๔ กว่า วิ่งสิบโลใช้เวลาเกือบสองชั่วโมงครึ่ง วิ่งตั้งแต่มืดยันแดดเปรี้ยง สงสัยคราวหน้าต้องทากันแดดกับใส่หมวกออกมาวิ่งด้วย (มิน่า พี่คิปโชเก้ถึงผิวขนาดนั้น พี่แกคงซ้อมหนักแล้วไม่ได้ทากันแดดนี่เอง)

นี่วิ่งช้าจนเพื่อนบ้านตะโกนถาม วิ่งช้าแบบนี้เดินเอาก็ได้มั้ย?

แหม่…

เข้าโหมดสาระแปร๊บ จริง ๆ การวิ่งโซนสองนี่เหมือนได้ปฏิบัติธรรมเหมือนกันนะ เพราะต้องมีสติรู้ตัวตลอดเวลา ถ้าหลุดคิดเรื่องอื่นจะเผลอ หรือถ้าก้าวยาว ก้าวเร็วไปหน่อย หัวใจขึ้นเลย หลุดไปโซนสามเลย แล้วพอขึ้นแล้วคุมให้ลงยากอิ๊บอ๋าย

สรุปเอาเองว่า นอกจากการทำงานจะเป็นเหมือนการปฏิบัติธรรมแล้ว การวิ่งก็เป็นการปฏิบัติธรรมได้ด้วยนะจ๊ะ ชิตังเม โป้ง รวยยยยยยย!!!

เหยดดดดดดด โคตรมีสาระอ่ะ หนุ่มใหญ่วัยเกรียนย่านบางบัวทองกล่าวแล้ววิ่งเสียสติออกไป…

รีวิวรองเท้าวิ่ง Pan Predator Marathon

Pan Predator Marathon Left

เรื่องมันเริ่มตรงที่เปิดดู facebook แล้วมีโพสต์ของเพจวิ่งเพจนึงโผล่ขึ้นมา เป็นโพสต์เกี่ยวกับงานวิ่ง แต่ที่แปลกออกไปก็คือ รูปที่โพสต์มีแต่รูปรองเท้าล้วน ๆ เต็มที่ก็สูงขึ้นมาถึงแค่หน้าแข้ง ไม่เห็นหน้าคนใส่ว่าสวยหล่อแค่ไหน แต่บอกว่า ทุกยี่ห้อที่รุ่นที่โพสต์มาวิ่งจบระยะฟูลมาราธอนมาแล้ว

เราก็ไถดูไปเรื่อย ๆ ยี่ห้อดัง ๆ ที่คนนิยมมีมาครบ ทั้ง nike adidas asics on saucony ฯลฯ สารพัดรุ่น แล้วก็มาเจอคู่นึง ดูแล้วไม่คุ้นเลย ก็เลยกดไปดูคอมเมนต์จะดูว่ายี่ห้ออะไร

แล้วก็เซอร์ไพรส์ที่เป็นยี่ห้อ Pan

ที่ว่าเซอร์ไพรส์ก็เพราะเมื่อสองสามปีก่อนอ่านเจอข่าวผ่านตาว่า Pan ปิดโรงงาน ตอนนั้นเข้าใจว่าเลิกทำยี่ห้อนี้ไปเลย ไม่มีอีกแล้ว ตอนนั้นยังเสียดายอยู่เลย เพราะรองเท้าแบดมินตันของ Pan นี่เจ๋งมาก แล้วก็ไม่เคยได้ข่าวคราวอีก ไม่เคยเดินดูตามห้างด้วย ก็นึกว่าเลิกไปแล้วจริง ๆ

หลังจากนั้นก็ลองเสิร์ชดูว่า รุ่น Predator Marathon นี่มันมีดียังไงบ้าง แต่เจอน้อยมาก แทบไม่มีรีวิวเลย แต่ไปเจอข้อมูลว่า มีนักวิ่งเคนยาใส่รองเท้ารุ่นนี้วิ่งชนะฟูลมาราธอนในงาน Bangkok Marathon เมื่อปี ๒๐๑๕

เฮ้ยยยยยยยย หยั่งงี้มันก็ไม่ธรรมดาดิ ไม่ใช่แค่พาวิ่งจบระยะฟูลธรรมดา แต่คว้าแชมป์มาแล้วด้วย

ข้อมูลที่เจอเพิ่มบอกว่า น้ำหนัก ๒๑๕ กรัม ตอนนั้นอ่านแล้วคิดในว่า แม่งโม้หรือเปล่า น้ำหนักแค่นี้นี่ถือว่าโคตรเบาเลยนะ แล้วอีกเรื่องที่เพิ่มความน่าสนใจให้สูงขึ้นไปอีกคือ ราคา

คู่ละสองพันนิด ๆ เอง!!!

ตอนนั้นก็เลยตัดสินใจว่า เอาวะ ไปลองใส่ดู ถ้าไม่เลวร้ายก็ซื้อมาลองดู ขำ ๆ ถ้าไม่เวิร์กก็ไม่เสียดายมาก แต่ถ้าเวิร์กนี่มีเฮเลยนะ

ไปเจอที่ซูเปอร์สปอร์ต เซ็นทรัล ปิ่นเกล้า มีสีเหลืองที่อยากได้ด้วย จริง ๆ ตอนนั้นมีรุ่นใหม่ออกมาแล้ว ชื่อว่า Pan Predator Ace แต่ว่าไม่รู้ไง ก็เลยลองแต่รุ่นนี้ แล้วอีกอย่างชอบสีของรุ่นนี้ด้วย รุ่น Ace มันสีทูโทน มันไม่โดน

ความรู้สึกแรกที่ลองคือ มันเบาจริงว่ะ เบาแบบเบาเลย วัสดุที่ทำตัว upper จะโปร่ง ๆ หน่อย ตัวพื้น outsole เป็นยางสีดำ ไม่รู้ทนแค่ไหน แต่ก็หนาประมาณนึงนะ ลองสวมดูแล้ววิ่งเหยาะ ๆ กลับไปกลับมาอยู่ในซูเปอร์สปอร์ตหลายรอบ เฮ้ย ก็โอเคนะ ไม่ได้เด้งแบบเด้งมาก แล้วก็ไม่ได้นุ่มจนยวบ กลาง ๆ ทั่วไป ตอนนั้นซูเปอร์สปอร์ตมีเซลพอดี ได้ลด ๒๐% เหลือ ๑,๘๐๐ กว่า ๆ ก็เลยจัดสีเหลืองสดใสกลับมาหนึ่งคู่

Pan Predator Marathon BoxPan Predator Marathon ใส่มาในกล่องหน้าตาอย่างนี้แหละ

ช่วงสองสามวันแรกยังไม่มีโอกาสได้ใส่วิ่ง ก็เอาไปใส่เดินออกกำลังกายตอนเย็นเป็นเพื่อนคุณภรรยาไปก่อน ตอนนั้นเริ่มคิดแล้วว่า จะเวิร์กมั้ยวะ? เพราะรู้สึกว่าตอนที่เดินอยู่ตรง heel cup (ภาษาไทยเรียกอะไรไม่รู้ ขออภัยนะฮะ) มันจะดันเท้าไปข้างหน้า แล้วทำให้ปลายเท้าไปชนหน้ารองเท้า ทีแรกนึกว่าเป็นเพราะยังไม่ชิน แต่ลองเดินอยู่สองสามวันก็เป็นทุกวัน ถ้าดูที่รูปแรกข้างบนจะเห็นว่าตัวส้นมันเอียงมาข้างหน้านิดนึง คิดว่าอาการที่เกิดขึ้นมาจากสาเหตุนี้แหละ

Pan Predator Marathon Unboxแกะกล่องออกมาใหม่ ๆ หมาด ๆ สีมันจะสดใสหน่อย

แล้วก็มาถึงวันที่ใส่วิ่งจริง ต้องบอกก่อนว่า คู่ก่อนหน้านี้ใส่ nike free flyknit ๔.๐ ปี ๒๐๑๕ (อ่าน รีวิว nike free flyknit ๔.๐ ปี ๒๐๑๕ และ รีวิวตอนวิ่งครบ ๓๗๐ โล) แล้วก็ไม่ใส่ถุงเท้า เพราะมันสบายมาก ตอนที่เอา Pan ไปลองก็ไม่ใส่ถุงเท้าเหมือนเดิม จะลองดูว่าจะโอเคมั้ย

PanPredatorMarathonOutsoleoutsole เป็นลวดลายแบบนี้ ยางยังใหม่กริ๊บอยู่เลย

ผลก็คือ โอเคมาก ด้านในรองเท้าไม่มีร่องรอยหรือวัสดุจากการผลิตมาขีดข่วนเท้าเรา (หรือว่าเป็นเพราะเท้าเรามันด้านจนไม่รู้สึกไปแล้ววะ?) ไม่มีปัญหาเรื่องเหงื่อ เพราะหน้าผ้าโปร่ง แม่งโปร่งมากจนแทบมองทะลุได้ ซึ่งก็ช่วยเรื่องการระบายอากาศ (แต่ปกติเราเป็นคนไม่มีปัญหาเรื่องเหงื่อที่เท้าเวลาวิ่งอยู่แล้วนะ)

พอมาใส่วิ่งแล้วความรู้สึกที่ว่า heel cup มันดันเท้าไปข้างหน้าก็ไม่เป็นแล้วนะ คงเป็นเพราะลักษณะการลงเท้าของการเดินกับการวิ่งมันไม่เหมือนกัน ส่วนเรื่องการรับแรงกระแทกก็ปกติทั่วไป เท่าที่ใส่วิ่งมา (ยังไม่เคยใส่วิ่งเกินระยะสิบกิโลฯ) ประมาณกิโลฯ ที่เจ็ดนี่จะเริ่มรู้สึกที่ฝ่าเท้าหน่อย ๆ อันนี้ต้องบอกก่อนว่าอาจเป็นเพราะเราเองยังซ้อมไม่ถึงก็ได้ เพราะเห็นในกลุ่มวิ่งใน fb มีหลายคนมาบอกว่าเอาไปลงงานวิ่งจบฮาล์ฟจบฟูลกันมาแล้ว

ทีแรกตั้งใจจะเขียนรีวิวนี้ตั้งแต่ที่ใส่วิ่งใหม่ ๆ แต่ด้วยความสงสัยว่า ยาง outsole ของรุ่นนี้ทนแค่ไหน ก็เลยรอจนใช้สักระยะนึงก่อน นี่ใส่วิ่งมา ๓๐๐ กิโลฯ แล้ว คิดว่าน่าจะพอเห็นภาพได้ ลักษณะการใช้งานจะวิ่งบนถนนในหมู่บ้านที่เป็นคอนกรีตอย่างเดียว ไม่เคยใส่ไปวิ่งที่อื่น การสึกหรอของ outsole ก็ตามภาพประกอบนะฮะ สำหรับผมถือว่าใช้ได้ ส่วนความหม่นหมองของสีเหลืองที่เคยสดใสอันนี้ก็ตามสภาพ ไม่เคยซัก ไม่เคยทำความสะอาดอะไรครับ

อัปเดต : ดูสภาพรองเท้าคู่นี้หลังใช้งานมา ๗๔๒ โล ได้ที่โพสต์นี้ครับ สภาพรองเท้าวิ่ง Pan Predator Marathon ระยะ ๗๔๒ โล

Pan Predator Marathon Right Heelสภาพส้นเท้าข้างขวาหลังวิ่งมาแล้ว ๓๐๐ กิโลฯ

Pan Predator Marathon Right Frontสภาพพื้น หน้าเท้าข้างขวาหลังวิ่งมาแล้ว ๓๐๐ กิโลฯ

Pan Predator Marathon Left Heelสภาพส้นเท้าข้างซ้ายหลังวิ่งมาแล้ว ๓๐๐ กิโลฯ

PanPredatorMarathonLeftFrontสภาพพื้น หน้าเท้าข้างซ้ายหลังวิ่งมาแล้ว ๓๐๐ กิโลฯ จะเห็นว่าสึกไปนิดนึง

PanPredatorMarathonRight300สภาพข้างขวาหลังวิ่งมาแล้ว ๓๐๐ กิโลฯ มันก็จะเยิน ๆ หน่อย

Pan Predator Marathon Rightสภาพข้างขวา (ด้านใน) หลังวิ่งมาแล้ว ๓๐๐ กิโลฯ

ช่วงหลัง ๆ เห็นคนมาโพสต์มาคอมเมนต์ถึงรองเท้ารุ่นนี้กันเยอะ ทำให้รู้ว่ามีคนใช้กันอยู่ไม่น้อยเลย ถ้า Pan ทำการตลาดดี ๆ ก็น่าจะไปได้อีกไกล นี่ล่าสุดเห็นมีออกรุ่นพิเศษ Bangkok Marathon 2017 เป็นลิมิเต็ด เอดิชั่น มีแค่ ๒๑๗ คู่ ก็ขายได้หมดนะ

ถ้าจะสรุปข้อดีข้อด้อยของ Pan Predator Marathon จากที่ใส่วิ่งมากว่า ๓๐๐ กิโลฯ ขอบอกว่า ข้อดีคือ

  • เบา
  • หน้ากว้าง ไม่บีบเท้า
  • วัสดุที่ทำตัวรองเท้าโปร่ง ระบายอากาศดี
  • พื้นยาง outsole ทนใช้ได้
  • ข้อสุดท้ายที่เด่นมากคือ ราคา เป็นมิตรกับกระเป๋าตังค์มวลมหาชนมาก 5555

ส่วนข้อด้อย จริง ๆ จะเรียกข้อด้อยก็ไม่ตรงเสียทีเดียว เอาเป็นว่า สิ่งที่ไม่ถูกใจดีกว่า

  • ลิ้นรองเท้าหนาไปนิดนึง เวลาผูกเชือกแน่น ๆ แล้วรู้สึกไม่ค่อยสบายเท่าไหร่ ถ้าบางลงสักนิดจะดีมาก
  • ข้อนี้ไม่เจอเอง แต่เห็นในเพจวิ่งมีคนมาคอมเมนต์หลายคน คือ เชือกผูกแล้วไม่ค่อยแน่น แต่พอผูกสองทบแล้วก็ไม่มีปัญหา

ใครที่หารองเท้าวิ่งคู่ใหม่อยู่อยากให้ไปลอง ชอบไม่ชอบก็ค่อยว่ากัน ลองดูนะครับ

หมายเหตุ เห็นมีคนคอมเมนต์กันว่า Pan Predator Marathon นี่หน้าตายังกะพี่น้องฝาแฝดกับ asics tarther japan กันเลย ก็เลยหารูปมาให้ดูเทียบกับรูปด้านบน (ขอบคุณรูปจากร้าน monster run นะครับ) เหมือนไม่เหมือนยังไงสรุปกันเอาเอง ฮ่า…

AsicsTartherJapanหมายเหตุสอง ต้องบอกก่อนว่าถึงคุณภาพมันจะคุ้มเกินราคา แต่มันก็เท่าที่รองเท้าราคาสองพันกว่าจะทำได้นะ ไม่อยากให้คาดหวังเกินจริง เอาไปเทียบกับพวก nike zoom fly ที่มีแผ่นคาร์บอนไฟเบอร์อยู่ข้างใน หรือ ultraboost ที่โฟมเด้ง ๆ หรือรองเท้าของขาแรงอย่าง newton เพราะถ้าได้ขนาดนั้นพวกรองเท้าที่ราคาห้าพันหกพันอัปมันจะอยู่ยังไง ใช่มะ…

หมายเหตุสาม (ทำไมเยอะจังวะ?) เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๑๙ พฤศจิกายนที่ผ่านมา นักวิ่งชาวเคนยาสวมรองเท้า Pan Predator Ace (แต่ไม่ใช่รุ่นลิมิเต็ด เอดิชั่น ที่ว่านะครับ) เข้าที่หนึ่งในงานวิ่ง Bangkok Marathon 2017 ด้วยเวลา ๒:๒๘ ชั่วโมง ครับ #แม่งวิ่งหรือบินวะ

Pan Predator Marathon Left Lateral

 

แม่พดด้วงลงงานวิ่งครั้งแรก

RunforWheels

เมื่อวานนี้แม่พดด้วงไปลงงานวิ่งครั้งแรก!!

[ในฐานะพ่อบ้านที่บิลต์คุณภรรยาให้ลุกขึ้นมาออกกำลังกายได้ เริ่มจากการเดินตอนเย็นวันเสาร์อาทิตย์ จนมาถึงลงงานวิ่งระยะมินิ (๑๐.๕ กิโลเมตร) ได้ นี่เป็นความปลื้มปริ่มส่วนตัวเป็นอย่างมาก]

งานวิ่งที่ว่าชื่อว่างาน Run for Wheels วิ่ง ให้หมาได้ วิ่ง เป็นงานวิ่งการกุศลที่เอารายได้บริจาคให้มูลนิธิ ศ.ดร.จักร พิชัยรณรงค์สงคราม ซึ่งจะใช้ในการผลิตวีลแชร์สำหรับหมาพิการ เพื่อให้เดินได้สะดวกขึ้น

ก่อนลงวิ่งงานนี้แม่พดด้วงเตรียมตัวฝึกซ้อมมาเดือนกว่า ๆ วิ่งซ้อมเก็บระยะจริงเพื่อให้มั่นใจว่าวันจริงจะวิ่งได้ครบระยะ ไม่มีหยุดเดิน แล้วก็ไม่เจ็บแน่ ๆ

เมื่อวานเราตื่นตีสี่ เพื่อออกเดินทางไปมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ จอดรถเสร็จเดินต่อไปที่โรงพยาบาลสัตว์ ที่เป็นจุดจัดงาน จุดสตาร์ตและเส้นชัย ก่อนปล่อยตัวก็มีการวอร์มกันเล็ก ๆ น้อย ๆ สลับกับเล็งหมาสารพัดสายพันธุ์ที่เจ้าของพามาวิ่งด้วย มีตั้งแต่ตัวเล็กกว่ากำปั้นอย่างชิวาว่า ไปจนถึงตัวใหญ่บิ๊กบึ้มอย่างไซบีเรียนและลาบราดอร์ โดยเราอดคิดไม่ได้ว่า ถ้าพดด้วงยังอยู่และถ้าเราพามันมางานนี้คงสนุกแน่ แม่มคงป่วนงานเขากระจุยแหง ๆ 5555

ตอนหกโมงปล่อยตัวนักวิ่งชุดแรก (ระยะมินิ) แม่พดด้วงไปวิ่ง เราก็ไม่รู้จะทำอะไร ก็เลยส่องนักวิ่ง เฮ้ย หมาที่มาวิ่งไปพลาง ๆ ระหว่างที่เขาทยอยปล่อยตัวนักวิ่งทีละชุด

จนใกล้เวลาตามที่แม่พดด้วงซ้อมเอาไว้ก็ไปยืนรอที่เส้นชัย รอถ่ายรูปจังหวะเข้าเส้นชัยไว้เป็นที่ระลึก ก่อนแม่พดด้วงเข้ามาแป๊บนึงมีนักวิ่งสาวขาววิ๊งมากจูงหมาวิ่งเข้ามา แล้วคนแถวนั้นก็วงแตกวิ่งมาถ่ายรูปน้องคนนี้กันใหญ่ เราก็งง ใครวะ

ดูดี ๆ สักพักถึงรู้ว่า แพนเค้ก

ก็ถือว่า เป็นเรื่องราวดี ๆ ของเมื่อวานนี้นะ