นิยายเรื่องนี้โด่งดังไล่หลังความสำเร็จของ Gone Girl มาไม่นาน และมีหลายอย่างที่คล้ายกัน ไม่ว่าจะเป็นนิยายที่เขียนโดยนักเขียนหญิงเหมือนกัน เป็นหนังสือเล่มแรกของผู้เขียนทั้งสองคนเหมือนกัน มีตัวเอกเป็นผู้หญิงเหมือนกัน แถมชื่อเรื่องยังมี Girl เหมือนกันอีกสิน่า
หนังสือเล่มนี้ออกมานานหลายปีแล้ว แถมยังเอาไปสร้างเป็นหนังแล้วด้วย แต่โชคดีที่ไม่เคยอ่านรีวิว ไม่เคยอ่านสรุปเรื่องย่อ หรือวิจารณ์อะไรใด ๆ ของเรื่องนี้มาก่อนเลย ข้อความบนปกก็ไม่ได้บอกอะไรมาก มีแค่ว่า you don’t know her. but she knows you. ซึ่งจากข้อความนี้เรื่องราวจะออกมาได้หลายหน้ามาก เดาไม่ถูก
สรุปแล้วเปิดอ่านหนังสือเล่มนี้โดยไม่รู้เหนือรู้ใต้อะไรเลยว่าเป็นแนวตื่นเต้น ฆาตกรรม สืบสวนสอบสวน หรือสยองขวัญ ที่สำคัญ มีผีมั้ยวะ 5555 รู้แค่ว่าเป็นหนังสือขายดี แค่นี้เลย
พอเริ่มอ่านความรู้สึกจะประมาณนั่งดูหนัง Memento ผสมกับ Dunkirk (ซึ่งบังเอิญมากที่ทั้งสองเรื่องนี้้เป็นหนังของโนแลนทั้งคู่) ที่ว่าเหมือนก็คือ เรื่องเล่าผ่านตัวละครหลักที่เป็นผู้หญิงสองคน แต่คนละ timeline สองคนนี่ไม่รู้จักกัน ไม่เกี่ยวข้องกัน แต่สักพักเราจะเริ่มเดาทางว่าเดี๋ยวแม่งจะต้องมาเกี่ยวกันยังไงซักทาง เพียงแต่ timeline มันไม่เจอกัน แล้วมันจะมาไขว้เจอกันยังไงวะ?
ระหว่างที่อ่านไปมันก็จะมีคำถามนี้ลอยอยู่ตลอดเวลา
นั่นเป็นส่วนที่ว่าให้ความรู้สึกเหมือน Dunkirk ส่วนที่ว่าเหมือน Memento ก็ตรงที่ตัวละครเอกที่เป็นคนเล่าเรื่องหลักแม่งดันเป็นแอลกอฮอลิก ตอนที่เมาจัด ๆ ก็จะจำเรื่องราวอะไรไม่ได้ เพราะฉะนั้นอะไรที่ตัวละครตัวนี้เล่ามามันก็จะเอาแน่เอานอนไม่ได้ ประมาณว่า มันใช่มั้ยวะ คิดไปเองหรือเปล่าวะ หรือกุมโนเอาวะ มันจะมีอารมณ์นี้อยู่ตลอด
และระหว่างที่เหตุการณ์เดินหน้าไปก็จะมีช่วงเล่าถึงเหตุการณ์ในอดีต เพื่อปูพื้นสถานการณ์และความสัมพันธ์ของตัวละครแต่ละตัวเป็นระยะ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ถ้าออกมาจากตัวละครหลักก็ยังเป็นข้อมูลที่คลุมเครืออีกเหมือนกัน ด้วยความที่ตัวละครมันก็จำไม่ได้อย่างที่บอก แต่อาศัยคำบอกเล่าของตัวละครอื่นบอกให้เจ้าตัวรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง
มันก็เลยเหมือน Memento ที่คนอ่านอ่านไปแล้วจะเริ่มไม่แน่ใจว่าเรื่องที่เกิดจริง ๆ มันยังไงวะ
เรื่องเดินหน้าไปด้วยสอง timeline และความคลุมเครืออย่างนี้ตลอด แม้กระทั่งบางเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นคนเขียนก็จงใจลดทอนรายละเอียดบางอย่างเพื่อจะทำให้คนอ่านไขว้เขว
เอาจริง ๆ พี่จะไม่แปลกใจเลยถ้าอ่านมาถึงตอนจบแล้วเฉลยออกมาว่าเรื่องราวทั้งหมดเป็นเรื่องที่ตัวละครมโนไปเองทั้งหมดในหัว โดยที่ไม่เคยมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นจริง (เหมือนหนึ่งในตอนจบของโดราเอมอนที่มีคนแชร์กันมาว่าเรื่องราวทั้งหมดเป็นเรื่องที่โนบิตะที่นอนป่วยติดเตียงอยู่ในโรงพยาบาลคิดฝันไปเอง ยังดีที่มีข้อมูลตามหลังออกมาว่านี่ไม่ใช่ตอนจบจริง ๆ ของโดราเอมอน ไม่งั้นก็โคตรเศร้าเลย)
จนกระทั่งเข้ามาสู่ช่วงสถานการณ์ที่ค่อย ๆ คลี่คลายให้คนอ่านเริ่มเดาทางได้ว่าเกิดอะไรขึ้น และที่ต้องลุ้นก็คือ ช่วงท้ายหลังจากที่เฉลยเหตุการณ์ทั้งหมดแล้วยังเหลืออีกหลายสิบหน้า ชวนให้สงสัยว่าคนเขียนจะพาไปสู่ตอนจบยังไง
อันนี้ต้องไปอ่านเองนะฮะ… ❤