หนังสือเล่มที่สิบของปี ๒๕๕๘ : สาบสูญ

สาบสูญ

ถ้าจู่ๆ แฟนคุณบอกเลิกคุณแล้วไปแต่งงานกับไอ้หนุ่มที่ไหนซักคนแบบไม่มีวี่แววมาก่อน แถมยังบอกให้คุณเลิกติดต่อกับเธอไม่ว่าจะทางไหน เจอตัว โทรศัพท์ อีเมล ฯลฯ เรียกง่ายๆ ว่า เลิกคบกันไปเลยนั่นแหละ

คุณจะว่ายังไง?

ถ้าคุณทำได้อย่างที่ว่ามาหกปี แล้วบังเอิญไปเจอข่าวการเสียชีวิตของไอ้หนุ่มคนที่แต่งงานกับแฟนคุณ พอคุณไปงานศพกลับเจอว่า เมียของไอ้หนุ่มนั่นดันไม่ใช่แฟนเก่าคุณ ที่ร้ายไปกว่านั้นคือ พอคุณไปตามหาคนที่ไปงานแต่งงานแฟนคุณ ทุกคนปฎิเสธว่าไม่รู้จักคุณและงานแต่งที่ว่าไม่เคยมีมาก่อน ทั้งๆ ที่คุณเองก็อยู่ในงานนั้นด้วย

ที่เด็ดคือ ไม่มีใครรู้ว่าแฟนคุณอยู่ไหน เป็นหรือตายยังไง เสิร์ชจากแหล่งไหนก็ไม่มีข้อมูลแฟนคุณหลังจากวันแต่งงานอีกเลย เหมือนเธอหายไปเฉยๆ และทุกคนก็บอกให้คุณเลิกตามหาเสียที

เพราะยิ่งตามก็ยิ่งมีคนตายเพิ่มขึ้น

ที่เล่ามาข้างบนคือเรื่องย่อๆ ของ สาบสูญ ที่แปลจาก Six Years ของพี่ Harlan Coben โดยคุณมณฑารัตน์ ทรงเผ่า เจ้าเก่าที่แปลมาแล้วหลายเล่มนะครับ เล่มนี้ออกมาก่อน ลวง ที่ผมเคยเขียนถึงไปแล้ว (ดูที่นี่ครับ)

ปกติแล้วงานของพี่ Coben จะเด่นมากเรื่องการหักมุม สร้างเซอร์ไพรส์อะไรทำนองนั้น แต่เล่มนี้ประเด็นการหักมุมไม่ค่อยเท่าไหร่ ที่เด่นมากๆ แซงหน้าขึ้นมาคือ การผูกปมและเล่าเรื่อง เตือนไว้ก่อนเลยว่า ถ้ามีงานที่อะไรที่ต้องทำไปทำให้เสร็จก่อนจะหยิบเล่มนี้ขึ้นมาอ่าน เพราะหยิบแล้วจะวางลงยากมาก ปมเรื่องที่วางไว้จะทำให้คนอ่านอ่านแล้วอยากรู้ว่าเรื่องราวต่อไปจะเป็นยังไง ตัวเอกจะเจออะไรต่อ (วะ)

สำหรับคนที่มีนิสัยชอบอ่านหนังสือก่อนนอน เล่มนี้ไม่ควรเป็นอย่างยิ่ง เพราะคืนนั้นคุณอาจจะนอนน้อยหรือไม่ได้นอนเลยนะครับ

เล่มนี้มีที่ตินิดเดียวคือ เจอจุดที่ปรู๊ฟผิดสี่ห้าจุด ถือว่าเป็นเรื่องผิดปกติสำหรับสำนักพิมพ์ใหญ่ระดับนี้ แถมเล่มที่เจอนี่เป็นฉบับพิมพ์ครั้งที่ ๓ แล้วด้วย

 

สาบสูญ
ผู้เขียน : Harlan Coben
ผู้แปล : มณฑารัตน์ ทรงเผ่า
สำนักพิมพ์ : แพรวสำนักพิมพ์
ราคา : ๒๓๕ บาท

 

ก่อนหน้าเล่มนี้อ่านอะไรไป… 

หนังสือเล่มแรกของปี ๒๕๕๘ : Gone Girl

หนังสือเล่มที่สองของปี ๒๕๕๘ : ระวังหลัง

หนังสือเล่มที่สามของปี ๒๕๕๘ : Offscreen

หนังสือเล่มที่สี่ของปี ๒๕๕๘ : กับดักฆาตกร

หนังสือเล่มที่ห้าของปี ๒๕๕๘ : แกล้ง

หนังสือเล่มที่หกของปี ๒๕๕๘ : ลวง

หนังสือเล่มที่เจ็ดของปี ๒๕๕๘ : สารวัตรเถื่อน

หนังสือเล่มที่แปด & เก้าของปี ๒๕๕๘ : แม่ลาวเลือด

แนะนำหนังสือ : เครื่องเบญจรงค์และลายน้ำทอง

เครื่องเบญจรงค์และลายน้ำทอง ปกหน้า

มีหนังสือดีมาแนะนำอีกแล้วครับ เมื่อช่วงต้นปีทางศูนย์ศิลปาชีพ บางไทร ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ได้จัดทำหนังสือ เครื่องเบญจรงค์และลายน้ำทอง เพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคล เฉลิมพระชนมพรรษา ๘๓ พรรษา ๑๒ สิงหาคม ๒๕๕๘

หนังสือเล่มนี้เก็บรวบรวมเรื่องราวประวัติความเป็นมาของเครื่องเบญจรงค์ในประเทศไทย ไล่มาแต่ละยุค ตั้งแต่สมัยยังเป็นเครื่องถ้วยของจีน จนมาในสมัยสุโขทัย อยุธยาและรัตนโกสินทร์ แถมด้วยเรื่องราวของผู้ผลิตเครื่องเบญจรงค์ในปัจจุบัน

นอกจากนี้ ที่พิเศษสุดคือ ภาพถ่ายเครื่องเบญจรงค์ที่ผู้จัดทำเก็บภาพมาทั้งจากพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติและจากคอลเล็กชั่นส่วนตัวของนักสะสมหลายท่านที่ปกติแล้วจะไม่เปิดให้ใครชมได้ง่ายๆ เรียกได้ว่า หนังสือเล่มนี้คัดของดีที่หาชมได้ยากมารวบรวมไว้ในเล่มเดียว

ใครที่สนใจสามารถติดต่อซื้อได้ที่ศูนย์ศิลปาชีพ บางไทร ราคาเล่มละ ๓,๖๐๐ บาท หรือถ้าใครจะซื้อฝากชาวต่างชาติก็มีฉบับภาษาอังกฤษด้วยครับ

เครื่องเบญจรงค์และลายน้ำทอง ปกหลัง

รีวิวหนังสือ : แม่ลาวเลือด – ภารกิจภาคต่อจากสารวัตรเถื่อน

แม่ลาวเลือด เล่ม ๑

จากเล่มที่แล้ว สารวัตรเถื่อน ที่ได้เริ่มย้อนตำนานบุรุษร่างสูง ผิวคล้ำ ถือเป็นการเปิดตัว ธนุส นิราลัย เป็นครั้งแรก ผมตามมาด้วยภารกิจที่สองใน แม่ลาวเลือด ซึ่งเวอร์ชั่นนี้แบ่งออกเป็นสองเล่ม หน้าปกดูไม่ค่อยคุ้นและไม่เข้าพวกกับเล่มอื่นๆ ในชุดเดียวกันเท่าไหร่ เพราะเล่มนี้ทางประพันธ์สาส์นเป็นผู้จัดพิมพ์ไม่ใช่มติชนที่เป็นเจ้าประจำของคุณวสิษฐ เดชกุญชร

เนื้อหาในเล่มนี้เล่าให้ผู้อ่านรับรู้ถึงเรื่องราวในอดีตของชายร่างสูง ผิวคล้ำมากขึ้น (เพราะในสารวัตรเถื่อนแทบไม่ได้บอกความเป็นมาอะไรของพี่เค้าเลย) นอกจากนี้ ยังได้เปิดตัว ลำเพา เจ้าหน้าที่สาวของบราโว่ ที่ต้องมาปฎิบัติภารกิจร่วมกันและต่อมาได้กลายมาเป็นคนรักของธนุส

สำหรับภารกิจของธนุสในเล่มนี้ ต้องเรียกว่ามาด้วยความไม่ตั้งใจ เพราะหลังจากปฎิบัติภารกิจครั้งก่อนหน้าเสร็จ เขาปฎิเสธภารกิจที่ได้รับมอบหมายเพราะตั้งใจจะไปพักผ่อนที่เกสต์เฮ้าส์ทางภาคเหนือของอดีตเพื่อนร่วมงานคนหนึ่ง แต่เมื่อไปถึงก็เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดที่บีบให้เขาต้องกลับมาปฎิบัติภารกิจให้กับบราโว่อีกครั้ง โดยเป็นการต่อสู้กับขบวนการค้าเสพติดที่มีกองกำลังติดอาวุธทำหน้าที่คล้ายกับบราโว่ด้วย

เนื่องจากเรื่องราวส่วนใหญ่เกิดขึ้นในจังหวัดเชียงใหม่ ทำให้นอกจากจะมีการต่อสู้ในป่าแล้ว เล่มนี้ยังมีการถล่มกันด้วยอาวุธหนักในเขตเมืองเชียงใหม่ด้วย

สนุกและดำเนินเรื่องรวดเร็ว ไม่ทำให้แฟนแนวนี้ผิดหวังแน่นอน

แม่ลาวเลือด เล่ม ๒

 

แม่ลาวเลือด ๑ & ๒
ผู้เขียน : วสิษฐ เดชกุญชร
สำนักพิมพ์ : ประพันธ์สาส์น
ราคา : ๑๖๐ บาท (๒ เล่ม)

 

ก่อนหน้าเล่มนี้อ่านอะไรไป… 

หนังสือเล่มแรกของปี ๒๕๕๘ : Gone Girl

หนังสือเล่มที่สองของปี ๒๕๕๘ : ระวังหลัง

หนังสือเล่มที่สามของปี ๒๕๕๘ : Offscreen

หนังสือเล่มที่สี่ของปี ๒๕๕๘ : กับดักฆาตกร

หนังสือเล่มที่ห้าของปี ๒๕๕๘ : แกล้ง

หนังสือเล่มที่หกของปี ๒๕๕๘ : ลวง

หนังสือเล่มที่เจ็ดของปี ๒๕๕๘ : สารวัตรเถื่อน

หนังสือเล่มที่แปด & เก้าของปี ๒๕๕๘ : แม่ลาวเลือด

แม่ลาวเลือด เล่ม ๑

จากเล่มที่แล้ว สารวัตรเถื่อน ที่ได้เริ่มย้อนตำนานบุรุษร่างสูง ผิวคล้ำ ถือเป็นการเปิดตัว ธนุส นิราลัย เป็นครั้งแรก ผมตามมาด้วยภารกิจที่สองใน แม่ลาวเลือด ซึ่งเวอร์ชั่นนี้แบ่งออกเป็นสองเล่ม หน้าปกดูไม่ค่อยคุ้นและไม่เข้าพวกกับเล่มอื่นๆ ในชุดเดียวกันเท่าไหร่ เพราะเล่มนี้ทางประพันธ์สาส์นเป็นผู้จัดพิมพ์ไม่ใช่มติชนที่เป็นเจ้าประจำของคุณวสิษฐ เดชกุญชร

เนื้อหาในเล่มนี้เล่าให้ผู้อ่านรับรู้ถึงเรื่องราวในอดีตของชายร่างสูง ผิวคล้ำมากขึ้น (เพราะในสารวัตรเถื่อนแทบไม่ได้บอกความเป็นมาอะไรของพี่เค้าเลย) นอกจากนี้ ยังได้เปิดตัว ลำเพา เจ้าหน้าที่สาวของบราโว่ ที่ต้องมาปฎิบัติภารกิจร่วมกันและต่อมาได้กลายมาเป็นคนรักของธนุส

สำหรับภารกิจของธนุสในเล่มนี้ ต้องเรียกว่ามาด้วยความไม่ตั้งใจ เพราะหลังจากปฎิบัติภารกิจครั้งก่อนหน้าเสร็จ เขาปฎิเสธภารกิจที่ได้รับมอบหมายเพราะตั้งใจจะไปพักผ่อนที่เกสต์เฮ้าส์ทางภาคเหนือของอดีตเพื่อนร่วมงานคนหนึ่ง แต่เมื่อไปถึงก็เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดที่บีบให้เขาต้องกลับมาปฎิบัติภารกิจให้กับบราโว่อีกครั้ง โดยเป็นการต่อสู้กับขบวนการค้าเสพติดที่มีกองกำลังติดอาวุธทำหน้าที่คล้ายกับบราโว่ด้วย

เนื่องจากเรื่องราวส่วนใหญ่เกิดขึ้นในจังหวัดเชียงใหม่ ทำให้นอกจากจะมีการต่อสู้ในป่าแล้ว เล่มนี้ยังมีการถล่มกันด้วยอาวุธหนักในเขตเมืองเชียงใหม่ด้วย

สนุกและดำเนินเรื่องรวดเร็ว ไม่ทำให้แฟนแนวนี้ผิดหวังแน่นอน

แม่ลาวเลือด เล่ม ๒

 

แม่ลาวเลือด ๑ & ๒
ผู้เขียน : วสิษฐ เดชกุญชร
สำนักพิมพ์ : ประพันธ์สาส์น
ราคา : ๑๖๐ บาท (๒ เล่ม)

 

ก่อนหน้าเล่มนี้อ่านอะไรไป… 

หนังสือเล่มแรกของปี ๒๕๕๘ : Gone Girl

หนังสือเล่มที่สองของปี ๒๕๕๘ : ระวังหลัง

หนังสือเล่มที่สามของปี ๒๕๕๘ : Offscreen

หนังสือเล่มที่สี่ของปี ๒๕๕๘ : กับดักฆาตกร

หนังสือเล่มที่ห้าของปี ๒๕๕๘ : แกล้ง

หนังสือเล่มที่หกของปี ๒๕๕๘ : ลวง

หนังสือเล่มที่เจ็ดของปี ๒๕๕๘ : สารวัตรเถื่อน

What We Read: พรชัย แสนยะมูล (กุดจี่)

พรชัย แสนยะมูล (กุดจี่)

ซีรี่ย์ What We Read (ซึ่งเป็นไอเดียที่เป็นที่มาของบลอก What We Read นี้) ต้องการจะนำเสนอการอ่านของผู้คนทุกเพศ ทุกวัย ทุกสาขาอาชีพ เพื่อเป็นแรงบันดาลใจและอาจทำให้นักอ่านได้รู้จักหนังสือที่น่าสนใจมากขึ้นครับ

หมายเหตุ : ขอขอบคุณ คุณกนกวรรณ บัวงาม บรรณารักษ์ สำนักหอสมุด มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ สำหรับการสัมภาษณ์ครั้งนี้

 

ชื่อ-นามสกุล : พรชัย แสนยะมูล (กุดจี่)

อาชีพ : นักเขียน

คุณจัดสรรเวลาสำหรับการอ่านอย่างไร?
ไม่ได้จัดสรรขนาดนั้นครับ เพราะผมไม่ใช่เจ้าของหมู่บ้านจัดสรร (ฮา) การอ่านหนังสือ หรือการเขียนหนังสือก็เหมือนกับการใช้ชีวิตประจำวัน ผมต้องนอนทุกวัน ตื่นทุกวัน ทานอาหารทุกวัน เข้าห้องน้ำปลดทุกข์ ฉี่ ทุกวัน อ่านและเขียนทุกวัน แต่การอ่านและการเขียนจะไม่เหมือนกับการตื่น การทานข้าว การนอน ที่ค่อนข้างมีเวลาตายตัว มีเวลามากก็จะอ่านวรรณกรรมเป็นเล่ม มีเวลาว่างไม่มากก็จะอ่านนิตยสารเป็นคอลัมน์ๆ ไป ครับ ทำเช่นนี้มาหลายปีแล้ว จนการอ่านการเขียนกลายเป็นกิจวัตรประจำวันแล้ว แม้สายตาจะเริ่มสั้น เอียง ก้ำกึ่งยาวเกินกู่กลับ (ฮา) แต่สายใยที่ผมมีต่อตัวหนังสือยังยืนยาวต่อไป เป็นความสัมพันธ์ระหว่างตัวคนเขียนกับตัวหนังสือที่ค่อนข้างอธิบายยาก (ฮา)

เมื่อเธอรักตัวเองเธอจะรักการอ่าน เมื่อเธอรักคนอื่นเธอจะรักการเขียน เป้ สีน้ำ เคยกล่าวไว้เช่นนั้น สำหรับผม – ผมรักทั้งตัวเอง ผมรักทั้งคนอื่น เพราะฉะนั้น ผมจึงหลายใจ (ฮา) หนังสือไม่ได้บอกให้เรามีหลายใจต่อคนรัก แต่หนังสือบอกให้เรามีหลายใจต่อหนังสือ กล่าวคือ อ่านหนังสือหลายๆ แนวเข้าไว้ จะได้เข้าใจชีวิตครับ ทั้งชีวิตเขาและชีวิตเรา

ตอนนี้คุณกำลังอ่านหนังสือเล่มไหน? เนื้อหาเกี่ยวกับอะไร?
ฉันกับฬา ปลาเตโร เป็นวรรณกรรมสเปนอันเลื่องชื่อของนักเขียนรางวัลโนเบล นามว่า ‘ฆวน รามอน ฆิเมเนซ’ อ่านยังไม่จบครับ ปกติผมชอบอ่านกวีนิพนธ์อยู่แล้ว มีศิลปินแห่งชาติท่านหนึ่ง (อ.สถาพร ศรีสัจจัง) ท่านได้อ่านกวีนิพนธ์เรื่อง นิธาร ของผม ท่านบอกว่าท่านชอบในภาษาที่บริสุทธิ์ และท่านยังแนะนำว่า กุดจี่ ควรจะไปหา ฉันกับฬา ปลาเตโร มาอ่าน ดูซิว่า ‘ร้อยกรองในรูปแบบร้อยแก้ว’ เป็นเช่นไร อ่านไปยังไม่ถึงครึ่งเล่ม ใจจึงยังบอกไม่ได้ว่าชอบหรือไม่ชอบ แต่ไม่ได้ตื่นเต้นนะ เมื่อไม่ตื่นเต้นกับภาษาและไม่หวือหวากับเรื่องราว มันก็เลยไม่ถึงขั้นต้องอ่านรวดเดียวจบ…แต่ ต้องอ่านให้จบ! เอาไว้ว่างเมื่อไหร่จะมาอ่านต่อครับ

นิธาร

นิธาร ผลงานกวีนิพนธ์ของ พรชัย แสนยะมูล (กุดจี่)

ปลาเตโร่

หนังสือที่คุณอ่านจบเล่มล่าสุดคือเล่มไหน? เนื้อหาเกี่ยวกับอะไร
กาลครั้งหนึ่งสอนให้รู้ว่า ของ ‘นิ้วกลม’ กับกวีนิพนธ์เรื่อง เงาไม่มีเงา ของ ‘นายทิวา’ ของ ‘นิ้วกลม’ นี่ เล่มนี้อ่านตอนแรกหงุดหงิด เพราะผู้เขียนเขียนนิทานด้วยรูปแบบของกาพย์กลอน ที่หงุดหงิดเพราะ สัมผัสไม่ได้ สัมผัสผิดเยอะมาก อ่านๆ ไปถึงครึ่งเล่มก็เลยขจัดความหงุดหงิดออกไปโดยคิดเข้าข้างคนเขียนว่า ‘นิ้วกลมคงตั้งใจจะไม่เคร่งครัดฉันทลักษณ์’ จากนั้น ความสนุกก็เกิดขึ้น เมื่อเรามุ่งตรงไปยังเนื้อหาและจินตนาการที่นิ้วกลมนำเสนอได้อย่างน่าสนใจ นิ้วกลมจะเคืองไหมเนี่ยเมื่อกุดจี่ตบหัวแล้วลูบตูด (ฮา) ถ้าเคืองก็เคืองคนสัมภาษณ์ก็แล้วกันนะ (ฮา)

กาลครั้งหนึ่งสอนให้รู้ว่า

อีกเล่ม เงาไม่มีเงา ของ ‘นายทิวา’ เป๊ะมากในแง่ของฉันทลักษณ์ เป็นบทกวีแฝงธรรมะ สะกิดสะเกาให้เราได้มองสังคมแล้วย้อนดูตนเอง แม้มุมมองจะไม่ใหม่แต่ก็ได้มุมมองของธรรมะที่ลุ่มลึกไม่น้อยครับ

เงาไม่มีเงา

หนังสือที่คุณตั้งใจจะอ่านเป็นเล่มต่อไป? เพราะอะไร
ผู้คนแห่งมหานครดับลิน ว่ากันว่า เป็นรวมเรื่องสั้นเพียงชุดเดียวในชีวิตของ ‘เจมส์ จอยซ์’ ครับ

Dubliners

หนังสือเล่มไหนที่คุณอ่านจบแล้วและอยากแนะนำให้คนอื่นได้อ่าน พร้อมเหตุผล
ข้อนี้ นึกนาน อ่านเยอะ ชอบเยอะ ตามแต่ละช่วงวัยของชีวิต ตั้งแต่ผลงานของ คาลิล ยิบราน, เฮอร์มาน เฮสเส, มิลาน คุนเดอรา, ประภาส ชลศรานนท์, เสกสรรค์ ประเสริฐกุล, เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์, ไพวรินทร์ ขาวงาม, บินหลา สันกาลาคีรี, พิบูลศักดิ์ ละครพล, ปะการัง, ศุ บุญเลี้ยง,โน้ต อุดม ฯลฯ จำไม่หวาดไม่ไหว ถึงยังไงอย่าลืมอ่านงานของกุดจี่นะครับ (ฮา) เอาเป็นว่า ผมยกหนังสือ พระไตรปิฎก (ฉบับที่ทำให้ง่ายแล้ว อ.วศิน อินทสระ เรียบเรียง) ให้อ่านแล้วกัน เพราะอะไรน่ะเหรอ เพราะเราเกิดมาเป็นชีวิต และสักวันเราต้องตายอย่างไรล่ะครับ ผมอยากให้กัลยาณมิตรเป็นผู้หลุดพ้น อย่างน้อยก็หลุดพ้นจากความเกลียดชัง ครับ

ศิลปะของการตัดสินใจ

(ภาพโดย Padurariu Alexandru)

เคยมีปัญหากับการตัดสินใจกันมั้ยครับ?

ว่ากันตั้งแต่เรื่องง่ายๆ ในชีวิตประจำวันอย่างกลางวันนี้จะกินอะไรดี? ยากขึ้นมาอีกนิดเป็นจะซื้อรองเท้ารุ่นไหน สีไหนดี? จะเอาไอโฟนหรือแอนดรอยด์? ขยับขึ้นมาอีกหน่อย จะเอารถรุ่นนี้ยี่ห้อนี้หรืออีกยี่ห้อ? ไปจนถึง จะซื้อบ้านของบริษัทไหนดี?

ในชีวิตทำงานเราก็มีเรื่องให้ต้องตัดสินใจกันมากมาย ไล่ไปตั้งแต่การจัดลำดับความสำคัญของงาน พอเริ่มเป็นหัวหน้าก็ต้องตัดสินใจเรื่องการรับพนักงาน เมื่อขึ้นสู่ระดับบริหารก็ต้องตัดสินใจเรื่องของนโยบาย

การตัดสินใจเรื่องต่างๆ เหล่านี้ ถ้าถูกก็ดีไป แต่ถ้าผิดพลาดไม่เป็นอย่างที่คิดก็อาจเกิดความเสียหายได้ตั้งแต่เล็กๆ น้อยๆ จนถึงใหญ่โตและอาจส่งผลตามมาถึงชีวิตส่วนตัวและชีวิตการงานได้

ถ้าอย่างนั้นจะทำยังไงถึงจะมั่นใจได้ว่าการตัดสินใจของเราจะไม่พลาด

คำตอบแรกที่ลอยเข้ามาในหัวก็คือ ต้องหาข้อมูลให้ครบถ้วน รอบด้านที่สุด ซึ่งนี่เป็นหลักการสำคัญเบื้องต้น แต่ในชีวิตจริงการตัดสินใจหลายครั้งเราไม่สามารถรอให้มีข้อมูลครบถ้วนได้ อาจเนื่องมาจากเงื่อนไขทางด้านเวลาที่จำกัด หรือบางเรื่องต่อให้มีเวลาก็ไม่สามารถหาข้อมูลมาได้มากกว่านี้แล้ว ก็ต้องตัดสินใจกันทั้งที่ไม่พร้อมอย่างนี้แหละ

ตรงนี้แหละที่จะวัดศักยภาพของแต่ละคน

เมื่อหลายปีที่แล้วนิตยสาร BusinessWeek ไทยแลนด์ ได้ตีพิมพ์บทความเกี่ยวกับหลักสูตร MBA ของมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย (ซึ่งเมื่อปีที่แล้วสำนักข่าว Bloomberg ได้จัดอันดับหลักสูตร MBA ของที่นี่เป็นอันดับที่ ๕) ที่ได้ปรับหลักสูตรให้ผู้เรียนคุ้นเคยและพร้อมที่จะตัดสินใจแม้ในยามที่มีข้อมูลไม่ครบถ้วน ซึ่งการปรับหลักสูตรนี้เป็นผลมาจากฟีดแบ็กของบริษัทต่างๆ ที่ต้องการให้บัณฑิตเอ็มบีเอพร้อมที่จะทำงานในสภาพการทำงานจริงที่ต่างไปจากการเรียนในห้องเรียน

BusinessweekThailand

สิ่งที่โคลัมเบียทำก็คือ ส่งกรณีศึกษาให้นักศึกษาพร้อมข้อมูลจำนวนหนึ่ง แล้วให้นักศึกษาหาคำตอบหรือโซลูชั่นสำหรับแต่ละกรณีออกมาโดยที่มีข้อมูลไม่สมบูรณ์ เมื่อได้คำตอบแล้วก็มานั่งวิเคราะห์กันว่าสิ่งที่ตอบมานั้นถูกต้องหรือผิดพลาดอย่างไร เพราะอะไร เสร็จแล้วก็ส่งเคสใหม่มาให้ทำอีก ซ้ำอยู่อย่างนี้ ผลที่ได้ก็คือ นักศึกษาจะเริ่มคุ้นเคยกับการวิเคราะห์สถานการณ์ที่เกิดขึ้นและสามารถทำการตัดสินใจได้โดย “ไม่เกร็ง”

จริงอยู่การตัดสินใจเช่นนี้อาจได้ผลทั้งถูกและผิด แต่สิ่งที่สำคัญคือ กระบวนการเรียนรู้ที่เกิดขึ้น ซึ่งทางโคลัมเบียหวังว่าจะช่วยให้นักศึกษาสามารถตัดสินใจได้ถูกต้องมากขึ้น

นอกจากการตัดสินใจบนความไม่พร้อมของข้อมูลแล้ว เรามักจะเจออีกประเภทหนึ่งก็คือ การตัดสินใจที่ดูแล้วไม่สมเหตุสมผลเอาเสียเลย เมื่อชั่งน้ำหนักข้อดีข้อเสียทั้งหลายทั้งปวงแล้วควรจะเลือกทางหนึ่ง แต่ใจมันกลับเรียกร้องให้เลือกอีกทางหนึ่ง แม้ทางที่เลือกจะลำบากจะยากและขัดกับเหตุผลที่ควรจะเป็นก็ตาม

กรณีแบบนี้เป็นการตัดสินใจด้วย “กึ๋น” ล้วนๆ ถ้าเป็นฝรั่งก็บอกว่ามันเป็น gut feeling

ยกตัวอย่างนี้ก็แล้วกัน เมื่อเกือบ ๒๐ ปีก่อน มีผู้บริหารระดับสูงคนหนึ่งทำงานอยู่ในบริษัทที่เป็นเบอร์สองของวงการ บริษัทนี้มีรายได้หลายพันล้านและมีกำไรต่อเนื่อง ผู้บริหารคนนี้ฝีมือดีเป็นที่ประจักษ์ จนไปเข้าตาซีอีโออีกบริษัทนึงที่อยู่ในวงการเดียวกัน ก็ชักชวนให้มาทำงานด้วย ปัญหาก็คือบริษัทที่มาชวนนี้ในอดีตเคยรุ่งเรือง แต่ตอนนั้นสถานะง่อนแง่นเต็มที จะล้มละลายเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ แต่ผู้บริหารคนนี้รู้สึกว่าคุยกับซีอีโอที่มาชวนแล้วมัน “คลิก”

กลับมาเขาลองทำการประเมินข้อดีข้อเสียเปรียบเทียบระหว่างสองบริษัท ไม่ว่าจะด้วยวิธีไหนก็ได้ผลเหมือนกันคือ อยู่ที่เดิมต่อไป ลองไปถามไปขอคำปรึกษาจากคนรอบตัว ทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า อยู่ที่เดิมรุ่งกว่า

ถ้าตัดสินใจด้วยเหตุผล ผู้บริหารคนนี้ก็คงเลือกทำงานที่เดิม แต่ในใจเขามีความรู้สึกบางอย่างที่อธิบายไม่ได้คอยบอกว่า ไปที่ใหม่เถอะ ไปที่ใหม่เถอะ สุดท้ายเขาฝืนคำแนะนำของทุกคน ยอมรับข้อเสนอย้ายมาทำงานที่บริษัทใหม่

ผ่านมาเกือบ ๒๐ ปีเขายังทำงานอยู่ที่บริษัทนี้ แต่ขยับมาเป็นซีอีโอต่อจากซีอีโอคนที่ชวนเขามาทำงาน

คนที่ชวนเขาชื่อ สตีฟ จ็อบส์

บริษัทที่ใกล้จะล้มละลายที่ว่าตอนนี้เป็นบริษัทที่มีมูลค่าตลาดสูงที่สุดในโลกและมีนวัตกรรมเปลี่ยนโลกมากมาย คือ แอปเปิล

ผู้บริหารคนที่เล่าเรื่องนี้คือ ทิม คุก ซีอีโอของแอปเปิล

กรณีนี้ gut feeling ล้วนๆ ครับ

รีวิวหนังสือ : สารวัตรเถื่อน – ปฐมบทชายร่างสูง ผิวคล้ำ

สารวัตรเถื่อน

เรื่องมันเริ่มมาจากการที่มีโอกาสได้ไปเดินงานสัปดาห์หนังสือมาแป๊บนึง และในช่วงเวลาแป๊บนึงนั้นเองผมได้หนังสือมาสี่ห้าเล่ม สองเล่มในนั้นเป็นหนังสือในชุด ธนุส นิราลัย ชายร่างสูง ผิวคล้ำ ผลงานของคุณวสิษฐ เดชกุญชร คือ ประกาศิตอสูร กับอวสานสายลับ (สองเล่มนี้ต้องบอกว่า โคตรหนานะครับ แต่ละเล่มเกินหนึ่งพันหน้า ห้ามนอนอ่านเด็ดขาด หลุดมือตกใส่หน้านี่อาจบาดเจ็บได้)

พอกลับมาพลิกๆ จะอ่านอวสานสายลับ ซึ่งเป็นเล่มที่เรื่องราวเกิดขึ้นก่อนก็พบว่า ผมจำวีรกรรมที่ผ่านมาของชายร่างสูง ผิวคล้ำคนนี้ไม่ค่อยได้แล้ว เหตุที่อ่านทิ้งช่วงมานานมาก จริงๆ จะอ่านลุยไปเลยก็ได้เพราะคิดว่าเนื้อเรื่องคงไม่ได้มีการคาบเกี่ยวอะไรกันมากนัก แต่มาคิดอีกที ไหนๆ ก็ไหนๆ วะ กลับมาเริ่มตั้งแต่เล่มแรกแล้วจัดยาวๆ ไปเลยดีกว่า ก็เลยเป็นที่มาของการหยิบเอาสารวัตรเถื่อน ซึ่งเป็นผลงานเล่มแรกในชุด ธนุส นิราลัย มาอ่านใหม่อีกครั้ง

สำหรับคนที่ไม่เคยอ่านนิยายชุดนี้มาก่อน ถ้าจะให้อธิบายคร่าวๆ น่าจะประมาณว่า ถ้าอังกฤษมีเจมส์ บอนด์ ไทยก็มี ธนุส นิราลัย นี่ล่ะครับ ถ้าจะต่างกันก็คือ ธนุสไม่เพลย์บอยเหมือนบอนด์ และภารกิจส่วนใหญ่จะหนักไปทางจัดการกับขบวนการค้ายาเสพติด

สารวัตรเถื่อนเป็นเรื่องราวของขบวนการค้ายาเสพติดที่อำเภอวัฒนานิมิต จังหวัดเพชรบูรณ์ ซึ่งเป็นอำเภอที่ผู้เขียนสมมุติขึ้น ที่อำเภอนี้ทุกอย่างอยู่ภายใต้อิทธิพลของนักธุรกิจใหญ่ ผู้มีทั้งธุรกิจถูกกฎหมายและใต้ดิน ทรัพย์สมบัติที่ได้มาจากการทำธุรกิจทั้งสองประเภทมีการจัดสรรปันส่วนให้กับผู้มีอำนาจในเครื่องแบบอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง ทำให้อิทธิพลของนักธุรกิจผู้นี้ครอบคลุมทั้งอำเภออย่างสมบูรณ์

จนกระทั่งมีชายร่างสูง ผิวคล้ำ ปรากฎกายขึ้นที่นี่เพื่อรับตำแหน่งสารวัตรคนใหม่แทนคนเก่าที่เสียชีวิตจากอุบัติเหตุ สถานการณ์ถึงเริ่มเปลี่ยนไป คนอ่านจะได้ความมันส์จากการขับเคี่ยวกันระหว่างชายร่างสูง ผิวคล้ำ กับนักธุรกิจผิดกฎหมายชนิดที่ว่าถ้าเป็นหนังก็เป็นหนังแอกชั่น เร้าใจ ใส่กันตูม ตูม ตูม ขนาดนั้น

แล้วกว่าที่คนอ่านจะรู้จักชื่อจริงของชายร่างสูง ผิวคล้ำ ก็ตอนเกือบจะจบเรื่องแล้วนะครับ

ถ้าใครชอบแนวอาชญากรรม สายลับ สืบสวนสอบสวน เล่มนี้ไม่ผิดหวังครับ

ป.ล. สารวัตรเถื่อน เล่มนี้ขึ้นบนปกไว้ว่าเป็นฉบับพิมพ์ครั้งที่ ๒ เมื่อเดือนพฤศจิกายน ๒๕๓๐ จำไม่ได้ว่าตอนนั้นกระดาษเป็นสีอะไรแต่ตอนนี้กลายเป็นสีน้ำตาลหมดแล้ว

 

สารวัตรเถื่อน
ผู้เขียน : วสิษฐ เดชกุญชร
สำนักพิมพ์ : มติชน
ราคา : ๗๐ บาท

 

ก่อนหน้าเล่มนี้อ่านอะไรไป… 

หนังสือเล่มแรกของปี ๒๕๕๘

หนังสือเล่มที่สองของปี ๒๕๕๘

หนังสือเล่มที่สามของปี ๒๕๕๘

หนังสือเล่มที่สี่ของปี ๒๕๕๘

หนังสือเล่มที่ห้าของปี ๒๕๕๘

หนังสือเล่มที่หกของปี ๒๕๕๘

 

หนังสือเล่มที่เจ็ดของปี ๒๕๕๘ : สารวัตรเถื่อน

สารวัตรเถื่อน

เรื่องมันเริ่มมาจากการที่มีโอกาสได้ไปเดินงานสัปดาห์หนังสือมาแป๊บนึง และในช่วงเวลาแป๊บนึงนั้นเองผมได้หนังสือมาสี่ห้าเล่ม สองเล่มในนั้นเป็นหนังสือในชุด ธนุส นิราลัย ชายร่างสูง ผิวคล้ำ ผลงานของคุณวสิษฐ เดชกุญชร คือ ประกาศิตอสูร กับอวสานสายลับ (สองเล่มนี้ต้องบอกว่า โคตรหนานะครับ แต่ละเล่มเกินหนึ่งพันหน้า ห้ามนอนอ่านเด็ดขาด หลุดมือตกใส่หน้านี่อาจบาดเจ็บได้)

พอกลับมาพลิกๆ จะอ่านอวสานสายลับ ซึ่งเป็นเล่มที่เรื่องราวเกิดขึ้นก่อนก็พบว่า ผมจำวีรกรรมที่ผ่านมาของชายร่างสูง ผิวคล้ำคนนี้ไม่ค่อยได้แล้ว เหตุที่อ่านทิ้งช่วงมานานมาก จริงๆ จะอ่านลุยไปเลยก็ได้เพราะคิดว่าเนื้อเรื่องคงไม่ได้มีการคาบเกี่ยวอะไรกันมากนัก แต่มาคิดอีกที ไหนๆ ก็ไหนๆ วะ กลับมาเริ่มตั้งแต่เล่มแรกแล้วจัดยาวๆ ไปเลยดีกว่า ก็เลยเป็นที่มาของการหยิบเอาสารวัตรเถื่อน ซึ่งเป็นผลงานเล่มแรกในชุด ธนุส นิราลัย มาอ่านใหม่อีกครั้ง

สำหรับคนที่ไม่เคยอ่านนิยายชุดนี้มาก่อน ถ้าจะให้อธิบายคร่าวๆ น่าจะประมาณว่า ถ้าอังกฤษมีเจมส์ บอนด์ ไทยก็มี ธนุส นิราลัย นี่ล่ะครับ ถ้าจะต่างกันก็คือ ธนุสไม่เพลย์บอยเหมือนบอนด์ และภารกิจส่วนใหญ่จะหนักไปทางจัดการกับขบวนการค้ายาเสพติด

สารวัตรเถื่อนเป็นเรื่องราวของขบวนการค้ายาเสพติดที่อำเภอวัฒนานิมิต จังหวัดเพชรบูรณ์ ซึ่งเป็นอำเภอที่ผู้เขียนสมมุติขึ้น ที่อำเภอนี้ทุกอย่างอยู่ภายใต้อิทธิพลของนักธุรกิจใหญ่ ผู้มีทั้งธุรกิจถูกกฎหมายและใต้ดิน ทรัพย์สมบัติที่ได้มาจากการทำธุรกิจทั้งสองประเภทมีการจัดสรรปันส่วนให้กับผู้มีอำนาจในเครื่องแบบอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง ทำให้อิทธิพลของนักธุรกิจผู้นี้ครอบคลุมทั้งอำเภออย่างสมบูรณ์

จนกระทั่งมีชายร่างสูง ผิวคล้ำ ปรากฎกายขึ้นที่นี่เพื่อรับตำแหน่งสารวัตรคนใหม่แทนคนเก่าที่เสียชีวิตจากอุบัติเหตุ สถานการณ์ถึงเริ่มเปลี่ยนไป คนอ่านจะได้ความมันส์จากการขับเคี่ยวกันระหว่างชายร่างสูง ผิวคล้ำ กับนักธุรกิจผิดกฎหมายชนิดที่ว่าถ้าเป็นหนังก็เป็นหนังแอกชั่น เร้าใจ ใส่กันตูม ตูม ตูม ขนาดนั้น

แล้วกว่าที่คนอ่านจะรู้จักชื่อจริงของชายร่างสูง ผิวคล้ำ ก็ตอนเกือบจะจบเรื่องแล้วนะครับ

ถ้าใครชอบแนวอาชญากรรม สายลับ สืบสวนสอบสวน เล่มนี้ไม่ผิดหวังครับ

ป.ล. สารวัตรเถื่อน เล่มนี้ขึ้นบนปกไว้ว่าเป็นฉบับพิมพ์ครั้งที่ ๒ เมื่อเดือนพฤศจิกายน ๒๕๓๐ จำไม่ได้ว่าตอนนั้นกระดาษเป็นสีอะไรแต่ตอนนี้กลายเป็นสีน้ำตาลหมดแล้ว

 

สารวัตรเถื่อน
ผู้เขียน : วสิษฐ เดชกุญชร
สำนักพิมพ์ : มติชน
ราคา : ๗๐ บาท

 

ก่อนหน้าเล่มนี้อ่านอะไรไป… 

หนังสือเล่มแรกของปี ๒๕๕๘

หนังสือเล่มที่สองของปี ๒๕๕๘

หนังสือเล่มที่สามของปี ๒๕๕๘

หนังสือเล่มที่สี่ของปี ๒๕๕๘

หนังสือเล่มที่ห้าของปี ๒๕๕๘

หนังสือเล่มที่หกของปี ๒๕๕๘

 

รีวิวหนังสือ : ลวง (Missing You)

ลวง

เนื่องจากยังติดใจกับ แกล้ง ของ Harlan Coben ซึ่งเป็นเล่มล่าสุดที่เพิ่งอ่านจบไป (และเป็นผลงานเล่มแรกของพี่เค้าด้วย) ผมหยิบผลงานล่าสุดของโคเบนมาอ่านต่อเลย ก็คือ ลวง (แปลจาก Missing You) และคุณมณฑารัตน์ ทรงเผ่า เป็นผู้แปลเหมือนเล่มที่แล้ว เล่มนี้เพิ่งได้มาในช่วงงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ พลิกดูในหน้าข้อมูลเห็นลงไว้ว่าพิมพ์ครั้งแรกเมื่อเดือนมีนาคมนี่เอง ก็น่าจะเป็นเล่มล่าสุดจริงๆ

เล่มนี้ต้องบอกว่า คุณพี่โคเบนขยายวงเรื่องราวกว้างขึ้นจากเดิม จากประสบการณ์ที่ผมอ่านงานคุณพี่มา (พูดเหมือนเยอะ แต่จริงๆ เพิ่งไม่กี่เล่มนะครับ ถ้าผิดพลาดหรือเข้าใจผิดต้องขอโทษล่วงหน้ามาก่อนเลย) มักจะเป็นเรื่องราวของการฆาตกรรมในแวดวงคนใกล้ตัว โดยมีที่มาหรือต้นเหตุมาจากอดีตแล้วมาปรากฎในเหตุการณ์ปัจจุบัน แต่เล่มนี้โคเบนใส่ประเด็นเรื่องแก๊งอาชญากรรมเข้าไปด้วย แล้วอาชญากรรมที่ว่าเป็นเรื่องของ G&j*(k%4$,: (คือถ้าบอกมันจะสปอยล์นะครับ อันนี้ต้องอ่านเอง) ซึ่งที่เมืองนอกมีแน่ๆ ส่วนในไทยนี่ไม่รู้ว่ามีหรือยัง ถ้ายังไม่มีอีกไม่นานก็จะมีแน่ๆ เตรียมตัวรับมือไว้ได้เลย

เรื่องราวแบบย่อๆ ก็คือ ตัวเอกของเรื่องเป็นตำรวจสาวแห่งกรุงนิวยอร์กที่มาเป็นตำรวจหลังจากพ่อที่เป็นตำรวจถูกฆ่าตาย ถึงฆาตกรจะถูกจับได้และรับสารภาพแต่ก็ไม่ยอมซัดทอดไปถึงตัวผู้บงการ กลายเป็นประเด็นคาใจตัวเอกของเราตลอดมา ขณะเดียวกันเพื่อนสนิทของตัวเอกก็แอบไปสมัครเว็บไซต์หาคู่เอาไว้ให้ พอตัวเอกเข้าไปใช้ก็ไปเจอว่าแฟนเก่าที่เลิกรากันไปเมื่อนานนมมาแล้วก็ใช้เว็บนี้อยู่เหมือนกัน พอทักไปก็ปรากฎว่าหมอนี่จำเธอไม่ได้

จากนั้นก็มีเหตุที่เกิดขึ้นและเป็นประเด็นชักนำให้ตัวเอกของเราต้องสืบต่อไปเรื่อยๆ จนเรื่องราวคลี่คลายในที่สุด ทั้งเรื่องของอาชญากรรมที่เกิดขึ้นและเรื่องการตายของพ่อเธอ

สนุกและไม่ผิดหวังแน่นอนครับสำหรับคอหนังสือแนวนี้ ไม่ว่าจะเป็นแฟนพี่โคเบนหรือไม่ก็ตาม

ขอให้มีความสุขกับการอ่านครับ ❤

 

ลวง (Missing You)
ผู้เขียน : Harlan Coben
ผู้แปล : มณฑารัตน์ ทรงเผ่า
สำนักพิมพ์ : แพรวสำนักพิมพ์
ราคา : ๓๒๕ บาท

 

ก่อนหน้าเล่มนี้อ่านอะไรไป…

หนังสือเล่มแรกของปี ๒๕๕๘

หนังสือเล่มที่สองของปี ๒๕๕๘

หนังสือเล่มที่สามของปี ๒๕๕๘

หนังสือเล่มที่สี่ของปี ๒๕๕๘

หนังสือเล่มที่ห้าของปี ๒๕๕๘

หนังสือเล่มที่หกของปี ๒๕๕๘ : ลวง

ลวง

เนื่องจากยังติดใจกับ แกล้ง ของ Harlan Coben ซึ่งเป็นเล่มล่าสุดที่เพิ่งอ่านจบไป (และเป็นผลงานเล่มแรกของพี่เค้าด้วย) ผมหยิบผลงานล่าสุดของโคเบนมาอ่านต่อเลย ก็คือ ลวง (แปลจาก Missing You) และคุณมณฑารัตน์ ทรงเผ่า เป็นผู้แปลเหมือนเล่มที่แล้ว เล่มนี้เพิ่งได้มาในช่วงงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ พลิกดูในหน้าข้อมูลเห็นลงไว้ว่าพิมพ์ครั้งแรกเมื่อเดือนมีนาคมนี่เอง ก็น่าจะเป็นเล่มล่าสุดจริงๆ

เล่มนี้ต้องบอกว่า คุณพี่โคเบนขยายวงเรื่องราวกว้างขึ้นจากเดิม จากประสบการณ์ที่ผมอ่านงานคุณพี่มา (พูดเหมือนเยอะ แต่จริงๆ เพิ่งไม่กี่เล่มนะครับ ถ้าผิดพลาดหรือเข้าใจผิดต้องขอโทษล่วงหน้ามาก่อนเลย) มักจะเป็นเรื่องราวของการฆาตกรรมในแวดวงคนใกล้ตัว โดยมีที่มาหรือต้นเหตุมาจากอดีตแล้วมาปรากฎในเหตุการณ์ปัจจุบัน แต่เล่มนี้โคเบนใส่ประเด็นเรื่องแก๊งอาชญากรรมเข้าไปด้วย แล้วอาชญากรรมที่ว่าเป็นเรื่องของ G&j*(k%4$,: (คือถ้าบอกมันจะสปอยล์นะครับ อันนี้ต้องอ่านเอง) ซึ่งที่เมืองนอกมีแน่ๆ ส่วนในไทยนี่ไม่รู้ว่ามีหรือยัง ถ้ายังไม่มีอีกไม่นานก็จะมีแน่ๆ เตรียมตัวรับมือไว้ได้เลย

เรื่องราวแบบย่อๆ ก็คือ ตัวเอกของเรื่องเป็นตำรวจสาวแห่งกรุงนิวยอร์กที่มาเป็นตำรวจหลังจากพ่อที่เป็นตำรวจถูกฆ่าตาย ถึงฆาตกรจะถูกจับได้และรับสารภาพแต่ก็ไม่ยอมซัดทอดไปถึงตัวผู้บงการ กลายเป็นประเด็นคาใจตัวเอกของเราตลอดมา ขณะเดียวกันเพื่อนสนิทของตัวเอกก็แอบไปสมัครเว็บไซต์หาคู่เอาไว้ให้ พอตัวเอกเข้าไปใช้ก็ไปเจอว่าแฟนเก่าที่เลิกรากันไปเมื่อนานนมมาแล้วก็ใช้เว็บนี้อยู่เหมือนกัน พอทักไปก็ปรากฎว่าหมอนี่จำเธอไม่ได้

จากนั้นก็มีเหตุที่เกิดขึ้นและเป็นประเด็นชักนำให้ตัวเอกของเราต้องสืบต่อไปเรื่อยๆ จนเรื่องราวคลี่คลายในที่สุด ทั้งเรื่องของอาชญากรรมที่เกิดขึ้นและเรื่องการตายของพ่อเธอ

สนุกและไม่ผิดหวังแน่นอนครับสำหรับคอหนังสือแนวนี้ ไม่ว่าจะเป็นแฟนพี่โคเบนหรือไม่ก็ตาม

ขอให้มีความสุขกับการอ่านครับ ❤

 

ลวง (Missing You)
ผู้เขียน : Harlan Coben
ผู้แปล : มณฑารัตน์ ทรงเผ่า
สำนักพิมพ์ : แพรวสำนักพิมพ์
ราคา : ๓๒๕ บาท

 

ก่อนหน้าเล่มนี้อ่านอะไรไป…

หนังสือเล่มแรกของปี ๒๕๕๘

หนังสือเล่มที่สองของปี ๒๕๕๘

หนังสือเล่มที่สามของปี ๒๕๕๘

หนังสือเล่มที่สี่ของปี ๒๕๕๘

หนังสือเล่มที่ห้าของปี ๒๕๕๘