บันทึกงาน Run for the Wild 2025 วังรี นครนายก

(ยาวมาก เตือนไว้ก่อน)

ปกติจะใช้งานเทรลแรกของปีเป็นการเช็กสภาพร่างกายว่าที่ซ้อมมาเป็นยังไงบ้างก่อนจะถึงงานใหญ่ที่ตัังใจไว้ โดยสองปีที่ผ่านมาใช้งานเขาประทับช้าง 50k ด้วยเหตุผลว่า ใกล้กรุงเทพฯ เดินทางสะดวก สภาพสนามมีทัังเขา ทางราบ มีช่วงเจอแดดปิ้งย่าง

มาปีนี้ตอนกำลังจะสมัครเขาประทับช้าง พอดี facebook ขึ้นฟีดมาเป็นงาน Run for the Wild ซึ่งไม่เคยมาวิ่ง แต่มีภาพจำว่างานไม่ยาก ดูคลิปใน youtube ของนักวิ่งที่มางานปีที่แล้วก็ดูเป็นทางราบ มีช่วงขึ้นเขาสักสองสามช่วงมั้ง

แต่ปีนี้เห็นข้อมูลบอกว่าระยะ 50k มีเกนประมาณ 1,800 เมตร ก็เลยสนใจ อยากเพิ่มความท้าทายให้ตัวเองหน่อย เพราะงานเขาประทับช้างเกนสัก 900 ได้ นี่เพิ่มมาเท่าตัว ก็เลยตัดสินใจสมัครงานนี้แทน

Run for the Wild 2025 map

ประมาณสักเดือนนึงก่อนวันจัดงานไปซ้อมก๊อกแก๊กตามปกติแล้วเกิดเจ็บเท้าขวาด้านนอก หลายวันก็ยังไม่หาย ตัดสินใจไปหาหมอ สรุปว่ากล้ามเนื้ออะไรสักอย่างอักเสบ จากการที่ไปขาพลิกที่งานโป่งแยงครั้งล่าสุด กลับบ้านมาบวมตุ่ย บวกกับกล้ามเนื้ออะไรอีกสักอย่างที่ขาด้านนอกตึง ก็เลยไปดึงไอ้ตรงที่อักเสบนั่นแหละ

หมอช็อกเวฟให้สองหนกับบอกให้มาทำบอดี้เวตที่บ้านด้วยอีกทาง จนดูเหมือนจะเริ่มดีขึ้น กลับไปซ้อมได้ ซ้อมครั้งแรกไม่เป็นไร แต่ซ้อมครั้งต่อไปวิ่ง ๆ อยู่ไม่รู้ลงเท้าอิท่าไหน แม่มแปล๊บขึ้นมาอีก ต้องหยุดซ้อมเลยทีนี้ เหลืออีกแค่ห้าวันจะถึงวันงาน ตัดสินใจว่ารอไปหาหมอทีเดียวหลังจบงานเลยแล้วกัน

ตั้งใจว่างานนี้เอาแค่ประคองตัวไป ได้แค่ไหนเอาแค่นั้น อย่าเจ็บเพิ่มก็พอ

สองวันก่อนแข่งผู้จัดงานปล่อยแผนที่ไฟล์ GPX ให้โหลด เออ ผู้จัดตัดระยะออกไปสี่โล จาก 48 เหลือระยะจริง ๆ ประมาณ 44 โล ดูกราฟแล้วก็ไม่มีอะไรน่ากังวล เขาแต่ละลูกเกนร้อยกว่า สองร้อย จะมีก็แค่ลูกสุดท้ายที่สูงหน่อย

จนมาเห็นในเฟซส่วนตัวของ RD โพสต์ว่า เขาลูกสุดท้ายนี่ขึ้นสองโลแปด เกน 843 เมตร เฉลี่ยความชัน 23% ส่วนขาลง 3.5 โล เกน 865 เมตร เฉลี่ยความชัน 19%

เดี๋ยวนะ!! 😳

เกนแปดร้อยกว่านี่คิดคร่าว ๆ ก็ใกล้ ๆ กับจากศูนย์ประชุมที่เชียงใหม่ขึ้นไปขุนช่างเคี่ยน แต่อันนั้นมันระยะสิบโล แต่นี่แค่สองโลแปด นี่มันต้องชันเบอร์ไหน?

Run for the Wild 2025 all gear

วันงาน ระยะ 50k ปล่อยตัวตีสี่ครึ่ง วิ่งออกมาก็ลุ้นว่าสภาพสนามจะเละมั้ย เพราะช่วงเย็นวันก่อนหน้าฝนตกหนักมาก วิ่งถนนดำมาได้พักนึงเลี้ยวเข้าทางเทรล สักพักงัดขึ้นเขาลูกแรก เท่านั้นแหละ อห

เขาลูกแรกนี่ลูกเดียวกับลูกสุดท้ายที่ต้องเจอก่อนเข้าเส้นชัย แต่รอบแรกนี่เกนแค่สองร้อยกว่าก็หอบแล้ว แล้วรอบหลังที่เกนแปดร้อยกว่าตามที่ RD ว่า จะขนาดไหนเนี่ย

ลงจากเขาลูกแรกเจอ ws (water station) น้ำยังมีอยู่เลยยังไม่แวะเติมให้เสียเวลา วิ่งทางราบไปอีกนิดแล้วขึ้นเขาลูกที่สอง ตรงนี้เส้นทางมาทับกับระยะ 30k ล่ะ ขึ้นเขามาได้ไม่ไกลเจอรถติดยาวเหยียด เพราะทางเป็น single track แซงกันลำบาก

ติดอยู่พักนึงดูทรงแล้วยาวแน่ ๆ เลยสะกิดบอกนักวิ่งญี่ปุ่นระยะเดียวกันที่อยู่ข้างหน้าบอก you follow me แล้วอาศัยมธุรสวาจาเอ่ยปากขอทาง ขออนุญาตระยะ 50 แซงหน่อยนะครับ ขอบคุณครับ แบบนี้มาเป็นระยะ จนหลุดมาได้ แต่รวม ๆ แล้วเสียเวลาไปน่าจะเกินครึ่งชั่วโมงได้

เข้าซีพี A1 เติมน้ำเสร็จไปต่อ A2 วิ่งอยู่ในป่าพักนึงโผล่มาริมอ่างเก็บน้ำ เดินเหยียบดินเละ ๆ ฝ่าดงไมยราบยักษ์เกือบรอบอ่างเก็บน้ำมาขึ้นถนนดำขึ้นเนินไปถึง A2

ออกจาก A2 ขึ้นเขาฝาละมี ทางเป็น single track ชัน ๆ หลายช่วงชันหน้าแหงน มาถึงตรงนี้แรงขาอย่างเดียวเอาไม่อยู่แล้ว ต้องใช้โพลจ้วงพ่วงทั้งแรงขาแรงแขนพาตัวเองขยับไปข้างหน้าทีละก้าว

พ้นไปเนินนึงนึกว่าจะหมดกลับไปเจออีกเนินรออยู่แบบนี้ ขนาดไปเจอพี่เจ้าหน้าที่ที่มาคอยดูแล บอกว่าความชันหมดตรงที่แกอยู่ ไอ้เราก็ดีใจ ที่ไหนได้ มันแค่เนินนั้น ยังมีเนินอื่นต่ออีก

ตรงจุดนี้เจอหมาไซบีเรียนมากับน้องนักวิ่งผู้หญิงระยะ 50k ปกตินี่ต้องหยิบโทรศัพท์มาถ่ายรูปหมาหน่อยล่ะ แต่ตอนนี้ไม่เอาเลย เหนื่อยมาก มาได้ยินนักวิ่งคุยกันที่ซีพีเหมือนน้องหมาจะชื่อคอปเปอร์ หรือคูเปอร์ นี่แหละ

ลงเขามา 10:20 น. ถึง A3 อยู่ริมถนน นักวิ่งหลายคนตัดสินใจ dnf ที่นี่ เพราะระยะ 30k ไม่น่าไป A4 ทันคัตออฟแล้ว ส่วนระยะ 50k บางคนก็ไม่ไปต่อเหมือนกัน

จาก A3 ไป A4 เป็นถนนดำปิ้งย่างล้วน ๆ จังหวะนึงทางตัดเข้าชุมชนเล็ก ๆ มีเสียงเพลง knockin’ on heaven’s door ลอยมา ตอนแรกไม่แน่ใจ นึกว่าเหนื่อยจนหูหลอน แต่ฟังดี ๆ เฮ้ย มีบ้านนึงเปิดจริง ๆ นี่หว่า เวอร์ชั่น Guns N’ Roses ด้วยนะ ช่วยกระตุ้นให้คึกขึ้นมาได้นิดนึง

เข้า A4 11:20 น คัตออฟเที่ยงครึ่ง กินข้าวเติมน้ำ หยิบปลอกแขนออกมาใส่ เตรียมใจเลยว่าจากเดิมที่คิดว่าเวลาเหลือ ๆ กลายเป็นหลังจากนี้ต้องลุ้นทุกคัตออฟแน่ ๆ

Run for the Wild 2025 A4 food

ออกจาก A4 แดดเปรี้ยงเลย วนรอบอ่างเก็บน้ำห้วยปรือ จำได้ว่าช่วงนี้จะมีจุดลงน้ำ ที่ตอนบรีฟ RD บอกว่าน้ำเท่าเอว พอไปถึงจุดลงน้ำของจริง โด่ แค่หน้าแข้ง ไม่ถึงเอว หลอกนี่หว่า

ที่ไหนได้ ไปเจออีกจุดตรงน้ำตก ก้าวลงไป แม่ง บุ๋มมม เกือบเอวจริงเว้ย RD เขาพูดจริงทำจริง แถมพอโผล่มาเจออ่างเก็บน้ำทรายทอง ยังต้องลงน้ำอีกเป็นระยะ โดยเฉพาะจุดสุดท้ายก่อนที่จะไต่มาขึ้นตลิ่งนี่เกือบต้นขา

เอาจริง ระหว่างทางนี่เดินถอดใจมาแล้วนะ เพราะคำนวณระยะทางกับเพซแล้วไม่น่าจะทันคัตออฟหน้า กะว่าจะ dnf ที่ A5 นี่แหละ

เข้ามาถึง A5 ยังไม่ทันแจ้งว่าจะขอ dnf กำลังนั่งกินน้ำอยู่ มีพี่เจ้าหน้าที่ผู้ชายใส่แว่นเอาน้ำเย็นผสมน้ำแข็งมาราดหัว ราดตัว แล้วก็ราดที่ตูด!! เฮ้ย ไม่ใช่ ราดหัว ราดตัวแล้วเปิดเสื้อเทใส่เข้าไปเต็มหลัง

เฮ้ย แม่งฟื้น

Run for the Wild 2025 A5 station

ระยะทางจาก A5 ไป ws ที่เป็นจุดคัตออฟสี่โล ตอนนัันเหลือเวลา 40 นาที เจ้าหน้าที่บอกว่าเป็นถนนดำไปเกือบกิโลที่เหลือเป็นทางเข้าป่า คิดในใจว่าถ้าสภาพเส้นทางเป็นอย่างที่ผ่านมาไม่ทันแน่ ๆ แต่ก็ไปเหอะ ได้แค่ไหนก็แค่นั้น

ออกจาก A5 มาถึงจุดที่เลี้ยวเข้าทางเทรลเห็นป้ายบอกว่า ระยะ 7k ก็ใช้เส้นทางนี้ด้วย ใจชื้นเลย แปลว่ามันไม่น่ายาก เลยจ๊อกสลับเดินมาเรื่อย ๆ เช็กเวลามาด้วยตลอด จนเหลืออีกโลนึงเจอน้องนักวิ่งผู้หญิงใส่ชุดดำกำลังเดินอยู่ บอกน้องว่า มาเร็ว ยังทัน เหลืออีกโลนึง มี 11 นาที น้องเลยกวดตามมาอีกคน

มาถึง ws จุดคัตออฟก่อนเวลาหกนาที น้องสตาฟเตือนว่าเขาลูกนี้ควรมีน้ำไม่ต่ำกว่าสามขวด แล้วยังช่วยเติมน้ำให้ เสร็จแล้วรีบเดินออกมา สักพักเริ่มงัดขึ้นเขา

บอกเลยเหนื่อยหมดหลอด ขึ้นเขาลูกนี้ไม่ดูระยะทางเลยดูกราฟอย่างเดียวว่าขึ้นมาแค่ไหนแล้ว กว่าตัวเลขเกนจะขยับทีละร้อยเมตรนี่นานนนนนนนเหมือนชั่วกัปชั่วกัลป์ กว่าจะไปถึงยอดไม่รู้จะเล่ายังไง อยากให้ไปเจอเอง

ขึ้นไปถึงยอด ขาขึ้นว่ายากแล้ว ขาลงนี่ลงยังไงก่อน 5555 เดินลงไปได้ไม่กี่เมตรเจอทางดิ่ง พื้นผิวเรียบ ๆ ลื่น ๆ ไม่มีจุดให้วางเท้า ต้องหยุดยืนดู ลงยังไงวะ? สักพักนักวิ่งเกาหลีตามหลังมาเลยบอกให้ไปก่อนเลย เกาหลีก็หยุดเว้ย ลงยังไง สักพักทำท่าเหมือนคิดได้ พี่แกหันหลังเอามือจับต้นไม้ข้างทางแล้วค่อย ๆ ปล่อยตัวรูดลงไป แล้วค่อย ๆ ไหลไปแบบนั้น

ลงแบบนี้ใช่มั้ย อ่ะ ได้ เราก็ตามลงมาสักพัก แม่มไม่มีต้นไม้ให้จับทำยังไง น้องผู้ชายที่ตามมาบอก ผมสไลด์ลงเลยแล้วกัน ว่าแล้วน้องก็นั่งกับพื้นแล้วสไลด์ลงมา ชีวิตนี้ไปวิ่งมายังไม่เคยต้องสไลด์แบบนี้แต่ครั้งนี้หมดปัญญาจริง ๆ ตอนที่สไลด์ก็ต้องระวังดี ๆ เผื่อเจอก้อนหิน ตอไม้บาดตูดเข้าให้

ลงมาได้สักพักได้ยินเสียง RD อยู่ตรงฝั่งขาขึ้น ตะโกนถามไปว่าถึงข้างล่างแล้วต้องวิ่งทางราบอีกเท่าไหร่ถึงเส้นชัย RD บอก 700 เมตร ลองคำนวณเวลาแล้วไม่น่าทัน แต่อยากทำให้ดีที่สุด อยากรู้ว่าสภาพแบบนี้จะหลุดคัตออฟกี่นาที

ลงมาถึงเชิงเขา ดูนาฬิกาเหลืออีกนาทีเดียวจะคัตออฟ วิ่งจ๊อกไปตามทาง เริ่มสวนกับสตาฟที่เดินมาเซอร์วิสนักวิ่ง วิ่งต่อไปอีกหน่อยได้ยินเสียงโฆษกสนามเริ่มนับถอยหลัง 10 9 8 …

เข้าไม่ทัน

ก็เลยผ่อนเดินบ้างจ๊อกบ้างเก็บแรงไว้ตอนวิ่งเข้าเส้น จนร้อยเมตรสุดท้ายรวบรวมแรงฮึดจ๊อกเข้าเส้นชัยแล้วหยุดยืนสูดลมหายใจยาว ๆ อยู่พักนึง

Run for the Wild 2025 finisher

สรุปเวลาเข้าไม่ทันคัตออฟไป 6:37 นาที แต่ตอนที่มานั่งกินอาหารหลังงานมีน้องมาบอกว่าผู้จัดขยายคัตออฟระยะ 50k ให้ 15 นาที อ้าว ถ้างั้นก็เป็น finisher ดิ

Run for the Wild 2025 Elevation

กลับมาถึงบ้านมาเช็กข้อมูลในระบบเห็นว่าขึ้นเป็น finisher จริง โอเควะ ถึงจะเป็น finisher ก๊อกสองก็โอเคนะ

Run for the Wild 2025 after

ปีหน้าเจอกันใหม่ในสภาพที่พร้อมกว่านี้ ♥️

ซ้อมเขาตีนไก่ 15 มิ.ย. 2568

วันนี้ไปซ้อมที่เขาตีนไก่ ขึ้นน้ำตกสลัดไดรอบแรก ยืนจิบน้ำอยู่รู้สึกมีแมลงมาเกาะที่ขาสองสามตัว กะว่าเป็นยุง เตรียมจะตบล่ะ เหลือบตาไปมองเพื่อมาร์กตำแหน่งแล้วมือต้องชะงัก

ไม่ใช่ยุงเว้ย แมลงอะไรไม่รู้เหมือนผึ้งหรือต่อ แตน อะไรซักอย่าง โชคดีที่หยุดมือทัน แล้วเปลี่ยนจากตบมาเป็นโบกไล่ เพราะกลัวมันเปลี่ยนใจไม่เกาะเฉย ๆ เกิดมันมันเขี้ยว กัดหรือต่อยขึ้นมาจะเรื่องยาว

โบกยังไงมันก็ไม่ไป บินกลับมาเกาะขาไว้ทุกรอบ เลยเปลี่ยนมาสั่นขาไล่ แม่มก็ไม่ไป ไม่รู้จะพิศวาสอะไรนักหนา กุสั่นขาจนจะเป็นเอลวิสอยู่แล้วเนี่ย 😅

เลยถ่ายคลิปเก็บไว้ กะว่าเผื่อมาโพสต์แล้วมีเพื่อนฝูงเชี่ยวชาญเรื่องแมลงช่วยให้คำตอบได้ว่านี่มันตัวอะไร มีพิษมั้ย เผื่อคราวหน้าจะได้ระวังตัว

เดินกลับลงมาจากน้ำตก เจอน้องผู้ชายคนนึงกำลังเดินสวนขึ้นมา เตรียมจะยิ้มทักตามปกติปรากฏว่าน้องยกมือไหว้เว้ย นี่ต้องรีบรับไหว้แทบไม่ทัน แล้วน้องทักมาว่า เราเคยลงงานเดียวกันใช่มั้ยพี่?

เอาจริงนี่ยังจำน้องเขาไม่ได้ แต่ยังรักษาทรง นิ่ง ๆ ไว้ ยิ้มอย่างเดียว จนน้องเขาพูดมาเองว่างานเขาอีโต้

เออ ทีนี้จำได้เลย น้องคนนี้ขาแรง แต่จังหวะไม่ดีขาพลิกตั้งแต่โลยี่สิบกว่า ๆ แต่ใจสู้มาก ไม่ยอม dnf ไปต่อจนจบได้ ถามน้องว่าวันนั้นจบกี่ชั่วโมงนะ น้องบอก 28 หรือ 29 ชั่วโมงนี่แหละพี่ ก็เลยบอกไป นี่ขนาดเราเจ็บนะ จบเวลาพอ ๆ กับพี่เลย 5555

พอแยกกันแล้วก็มาคิดต่อว่า ทำไมหน้ากุแม่มจำง่ายงี้วะ ครั้งที่แล้วที่มาก็เจอน้องอีกคนมาทัก คนนั้นเจอกันที่โป่งแยง ตอนลงมาจากม่อนล่องกลางดึก ยังอุตส่าห์จำได้เฮ้ย

ยังงี้นะไปเที่ยวทำตัวเฮง ๆ ซวย ๆ ที่ไหนไม่ได้เลย คนอื่นเขาจำได้ ในขณะที่ตัวพี่เองจำใครเขาไม่ได้เลย

อันนี้ไม่ใช่เป็นที่นิสัยนะ

อายุ!! 😆🤣

ทดลองใช้ ChatGPT ทำแผนวิ่ง CM6 2025

ทดลองใช้ ChatGPT ทำแผนวิ่งงาน cm6 ครับ

ตอนนี้ทางผู้จัดยังไม่ได้แจ้งข้อมูลระยะทางระหว่างซีพีและคัตออฟฟิศระหว่างทาง ระหว่างที่รอก็หาอะไรเล่นไปพลาง ๆ เผื่อได้อะไรที่เป็นประโยชน์นะฮะ

ลองโยนรูป elevation profile ของระยะ cm6  (ตามภาพ) ให้ ChatGPT แล้วบอกให้ทำแผนการวิ่งโดยให้จบในเวลา 37 ชั่วโมง (ก่อนคัตออฟงานชั่วโมงนึง จริง ๆ คิดว่าถ้าจะจบ ถ้าจบนะ คงนาทีสุดท้ายโน่นเลย แต่เผื่อเวลาเอาไว้หน่อย)

2025 CM6 Elevation Profile

พี่แชตทำแผนวิ่งพร้อมทำตาราง มีการคำนวณระยะทางแต่ละซีพีเอง มีเวลาพัก พร้อมคำนวณเพซของแต่ละช่วงให้ด้วย

2025 CM6 Plan by ChatGPT 1
2025 CM6 Plan by ChatGPT 2
ระยะทางระหว่างแต่ละซีพีในตารางนี้ทาง ChatGPT คำนวนมาเองจากภาพ elevation profile ด้านบนนะครับ

แล้วมีวางกลยุทธ์ต้นเกม กลางเกม ท้ายเกม ให้ด้วยนะ 😳

2025 CM6 Plan by ChatGPT 3
2025 CM6 Plan by ChatGPT 4

ดูทรงแล้วท่าจะไม่รอด 55555

เดี๋ยวถ้าผู้จัดออกข้อมูลทางการมาแล้วจะมาลองอีกที แล้วเอามาเทียบกับแผนที่ทำเองว่าจะใกล้เคียงกันมั้ยนะฮะ

หมายเหตุ ลองใช้ Grok ของพี่ musk ทำดูแล้วไม่เวิร์ก สู้ตัวนี้ไม่ได้แฮะ

เลิฟ เลิฟ ♥️

ภาพหลอนที่งาน Pong Yaeng 2024

งานโป่งแยงปีนี้ส่วนตัวได้ประสบการณ์ใหม่จากการวิ่งเทรล เป็นสิ่งที่เคยได้ยินนักวิ่งคนอื่นพูดถึงแต่ไม่เคยได้สัมผัสกับตัวเองมาก่อน ที่ผ่านมาก็ยังคิดอยู่ว่า มันมีจริงมั้ยวะ?

สิ่งที่ว่านั่นคือ การเห็นภาพหลอน (hallucination) ครับ 😳

เรื่องนี้ได้ยินนักวิ่งพูดถึงมาตั้งแต่เริ่มวิ่งเทรลใหม่ ๆ บางคนเล่าว่า วิ่ง ๆ อยู่มองไปเห็นเป็นคนกวักมือเรียก บ้างก็เห็นเป็นสัตว์ร้ายยืนรออยู่ก็มี หลากหลายรูปแบบแล้วแต่จะเห็นเป็นอะไร แล้วก็เห็นกันไม่เลือกเวลาด้วยนะ มาได้ทั้งกลางวัน กลางคืนอ่ะ เอาสิ

สาเหตุของการเห็นภาพหลอนนี่เชื่อว่าเป็นเพราะการอดนอนนาน ๆ  ประกอบกับร่างกายอ่อนเพลียจากการใช้พลังงานอย่างต่อเนื่อง (แต่ถ้าสายไสยศาสตร์ก็อาจจะเชื่ออีกแบบนะฮะ 😆)

แต่อย่างที่บอก ส่วนตัวยังไม่เคยเจอ ซึ่งก็อาจเป็นเพราะยังอดนอนไม่นานพอ คนที่เจอส่วนมากจะเจอในเรซระยะร้อยไมล์ ที่ต้องอดนอนนานเอาเรื่องอยู่ ที่ผ่านมาตัวเองลงระยะไกลสุดก็ยังแค่ร้อยโล อดนอนยังพอท้วม ๆ ก็เลยยังไม่เคยเห็นภาพหลอนที่ว่า

แต่งานโป่งแยงปีนี้มั่นหน้ามั่นโหนก (ตามคำของแม่พดด้วง) ไปลงระยะร้อยไมล์ เรซสตาร์ตตอนห้าโมงเย็นก็จริง แต่วันนั้นตื่นตั้งแต่ตีห้าแล้วก็ลากยาวไปถึงตอนสตาร์ต ไม่ได้นอนเก็บแรงไว้ก่อนเลย

ในเรซตั้งแต่สตาร์ตมาก็ตามสภาพแหละ วิ่ง ๆ เดิน ๆ มาเรื่อย ๆ จนมาถึงลานกางเต็นต์ดอยปุย (A4) ออกจากซีพีนี้ประมาณบ่ายสองเพื่อไปลานต้นสน (A5) ทางช่วงแรกก็ดาวน์ฮิลชิล ๆ เลย ไม่ได้เทคนิคอลอะไร เดินมั่งจ๊อกมั่งไปได้สักชั่วโมง ฟ้ายังสว่างอยู่เลย มองไปข้างหน้าเห็นแว๊บ ๆ มีหมานั่งอยู่กลางถนน เหมือนเป็นหมาจร เราก็ เอ๊ะ หมามาจากไหน เพราะตลอดทางนี่ถ้าไม่ได้เข้าหมู่บ้านจะไม่เจอหมาเลย จังหวะก้มไปมองทางแล้วเงยขึ้นมาอีกที อ่ะ หายไปแล้ว

ตอนนั้นก็ไม่ได้คิดอะไร ตาฝาดแหละ

เดินไปอีกหน่อยมองไปซ้ายมือข้างหน้ามีผู้หญิงลักษณะเหมือนชาวบ้านยืนอยู่ข้างทางแล้วก็มีผู้ชายมีอายุหน่อยนั่งอยู่ หันหน้ามองมาทางเรา แว๊บแรกที่เห็นคิดว่าเป็นชาวบ้านมาหาของป่าพวกหน่อไม้ เก็บเห็ด อะไรแบบนี้แล้วคงนั่งพัก นั่งจัดข้าวของกันอยู่

เราก็เหมือนเดิม ก้มมองทางเดินแป๊บนึงกะจังหวะว่าพอเข้าใกล้ได้ระยะจะเงยหน้าขึ้นมายิ้มทัก พอเงยขึ้นมา อ้าว ผู้หญิงคนที่ว่ารูปร่างเปลี่ยนไปแล้ว ยังยืนอยู่แหละ แต่รูปร่างเปลี่ยนไปเหมือนคนละคน ส่วนผู้ชายที่นั่งอยู่ก็ยังอยู่มองมาทางเราเหมือนเดิม จังหวะนี้ก็เริ่มเอ๊ะแล้ว กุยังไงเนี่ย เลยตั้งใจมองไปตลอดที่เดินเข้าใกล้ไปทีละก้าว ๆ

ระหว่างที่เดินเข้าไปก็ยังเห็นสองคนนี่อยู่ตลอด แต่พอกะพริบตาปึ้บ หายไปต่อหน้าต่อตาเลย กลายเป็นผนังดินริมถนนว่าง ๆ

เจอแบบนี้เลยหันไปบอกน้องนักวิ่งสองคนที่เดินตามมาห่าง ๆ ว่า พี่เห็นภาพหลอนว่ะ น้องตอบกลับมาว่า งั้นพี่คงอดนอนถึงจุดแล้ว พี่น่าจะต้องนอนแล้วล่ะ

ตอนแรกก็ไม่ได้คิดประเด็นนี้ เพราะเห็นว่าสตาร์ตห้าโมงเย็นเมื่อวาน ตอนนั้นเพิ่งบ่ายสามบ่ายสี่ ยังไม่ ๒๔ ชั่วโมงเลย มานึกได้หลังจากนั้นว่าถ้ารวมเวลาตั้งแต่ตื่นนอนจนถึงสตาร์ตเข้าไปด้วย รวมกันมันสามสิบกว่าชั่วโมงแล้ว

หลังจากจุดนี้ก็ยังดีที่ไม่เห็นอะไรมาอีกพักใหญ่ จนดาวน์ฮิลลงไปสุดแล้วทางหักกลับเป็นขาขึ้น ระหว่างทางมีต้นกล้วยขึ้นทางทางเป็นระยะ ตอนนี้เดินอยู่คนเดียวล่ะ เดินไปก็ดีใจเป็นพัก ๆ เพราะมองไปเห็นหลังคาเต็นต์เช็คเวลาที่เป็นจุดซีพี แต่พอเดินเข้าไปใกล้ อ้าว กลายเป็นใบกล้วย ยังไม่ใช่ซีพี เป็นอย่างนี้อยู่สี่ห้าครั้ง 

ที่จำได้แม่น มีอยู่ครั้งนึงเงยหน้ามองขึ้นไปเห็นเต็นต์ตั้งอยู่ตรงหน้ากลางทางเลยนะ ไม่ใช่ข้างทางเหมือนที่ผ่านมา คิดว่า อันนี้แม่งต้องใช่แล้วล่ะ แต่พอละสายตาก้มมามองทางแป๊บเดียว เงยหน้ามองไปใหม่ หายไปอีกแล้ว

จนไปถึงซีพีลานต้นสน ได้นอนพักสิบห้านาที ไม่ค่อยหลับหรอกแต่เหมือนดีขึ้น เพราะหลังจากนั้นก็ไม่มีอะไรโผล่มาให้เห็นอีกนะ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะมันมืดแล้วก็เลยมองอยู่แค่แสงไฟเฮดแลมป์ไม่กี่เมตรข้างหน้า ไม่ได้มองข้างทางไปไหนเลยหรือเปล่า

วันนั้นทุกครั้งที่เห็นภาพหลอนที่ว่าไม่ได้กลัวเลยนะ เพราะไม่คิดว่าเป็นสิ่งเหนือธรรมชาติอะไร แล้วก็ยังดีที่ภาพหลอนที่เกิดขึ้นเป็นภาพนิ่ง ๆ ไม่ได้มามีปฏิสัมพันธ์อะไรกับเรา ถ้ามีโบกมือหรือเดินเข้ามาหาด้วยนี่ก็ไม่รู้เหมือนกันนะว่าจะยังไง ฮ่า 😆🤣

ภาพประทับใจจากงาน Jungle-Trail KhaoEto 2024

Jungle-Trail KhaoEto A5

ทุกภาพถ่ายล้วนมีเรื่องราว

งานวิ่งล่าสุดที่ไปมาถ้าให้เลือกภาพที่บอกความรู้สึกได้ดีที่สุดเพียงภาพเดียวต้องเป็นภาพนี้

ภาพนี้ช่างภาพถ่ายที่ซีพี A5 (๖๘ กิโลเมตร) จังหวะเพิ่งเข้ามาถึงแล้วเดินไปนั่งหมดแรงตรงเก้าอี้บริเวณหน้าทีมพยาบาล นั่งอยู่ท่านี้สักพักนึงเลย เหนื่อยมาก

ระหว่างที่นั่งก็คิดไปด้วยว่า นี่เพิ่งผ่านอิเขาซี่หวีมาได้ลูกเดียว แถมเป็นลูกเล็กสุด เกนประมาณสองร้อยเมตร ชันจนหน้าแหงน แล้วยังต้องเจออีกสองลูกที่เกนเกือบ ๆ สามร้อย แค่คิดเข่าก็ท้อแล้วมั้ย

แต่ยังดีที่ตุนเวลาไว้เยอะ เข้า A5 มาตอนทุ่มครึ่ง โดยที่คัตออฟตีหนึ่ง คิดในใจว่างานนี้เวลาไม่ใช่ปัญหาล่ะ กุจบแน่ ๆ ขอแค่พาตัวเองไปถึงเส้นชัยให้ได้ พอสรุปแบบนี้เลยตัดสินใจ นอน!!

วิ่งเทรลมาก็หลายปีไม่เคยนอนในเรซซักที งานนี้งานแรก ตั้งใจว่าจะได้พักขาขวาที่เริ่มมีอาการตึงที่พับในให้ดีขึ้นหน่อย บอกพี่พยาบาลว่าอีกครึ่งชั่วโมงถ้าผมไม่ตื่นช่วยเรียกด้วย ปรากฏว่าพยายามนอนสักพักแล้วยังไม่หลับก็เลยลุกมาก่อน

เดินมาเติมน้ำเตรียมออกไปต่อ เจอน้ำตาลสดแช่เย็น เลยหยิบมากินขวดนึง ชื่นใจมาก นั่งต่ออีกสักพักแล้ว ฮึบ ไปต่อ

สรุปออกจาก A5 มาตอนสองทุ่มสี่สิบห้า ใช้เวลาในซีพีนี้ไปชั่วโมงสิบห้านาทีเลยนะ

อ้อ ก่อนออกเดินไปให้พี่พยาบาลฉีดสเปรย์ พี่ฉีดไปพูดไปว่า ทำไมขาเล็กอย่างนี้!! 😆😂

เจอนักวิ่งเทรลไต้หวันที่ชอบมาวิ่งเมืองไทย

เขาอีโต้

ไปงานวิ่งครั้งนี้เจอนักวิ่งไต้หวัน อยู่ไต้หวันแต่ชอบมาวิ่งเทรลประเทศไทย นั่งเครื่องมาวิ่ง วิ่งเสร็จนั่งเครื่องกลับ ไม่เที่ยวที่ไหนต่อด้วย

นั่งคุยกันพักใหญ่คุณพี่บอกที่เคยไปก็ utcm utcr และงานเทรลที่กระบี่ เอาแค่ปีนี้แกมา cm5 / lampang65 / เขาอีโต้ 100 แล้วเดือนหน้าไปโป่งแยง 100 ต่อด้วย cuesta 100 เดือนถัดไป

ทั้งหมดที่ว่ามานี่ลงระยะร้อยโล ยกเว้นงานลำปางที่แกลงแค่ 65 โลด้วยเหตุผลว่า งานเพิ่งจัดปีแรกยังไม่รู้ว่าเป็นยังไง ขอไปแค่นี้ก่อน

บอกแกว่าโป่งแยงปีนี้มีร้อยไมล์ด้วยนะ ยังสมัครได้ ยูไปเพิ่มระยะสิ แกส่ายหน้าบอกอายุเยอะแล้วเอาแค่ร้อยโลก็พอ (ดูทรงแล้วอายุน่าจะ 55 บวกลบ)

แกเล่าว่านอกจากที่ไทยแกไปวิ่งมาเลเซีย เวียดนาม ลาว มาแล้ว สรุปว่า งานเทรลที่ไทยนี่ดีสุด ทั้งสภาพภูมิประเทศและการจัดการ การซัพพอร์ตที่ซีพี

ฟังแบบนี้ก็ชวนให้คิดว่าประเทศไทยนี่ไหน ๆ ก็ตั้งเป้าจะเป็นฮับออฟเอฟวรีติงจิงกะเบลทั้งหลายแล้ว เราอาจจะต่อยอดการท่องเที่ยวด้วยการเป็นฮับออฟเทรลรันนิ่งอีกอันด้วยได้มั้ยนะ? 

วันเสาร์ ๒๔ สิงหาคม ๒๕๖๗ ทำอะไร

ตื่นตีสี่ ออกจากบ้านตีห้า ขับรถไปร้อยกว่าโล วิ่ง ๆ เดิน ๆ จริง ๆ เดินซะมากกว่า ทรมานร่างกาย รีดไขมัน (เอ็งมีด้วยเหรอ?) อยู่ห้าชั่วโมง 

อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ขับรถมากินก๋วยเตี๋ยวเรือในห้างละแวกบ้าน (ห้างที่กำลังเป็นไวรอลอยู่ตอนนี้นั่นแหละ) กลับถึงบ้านห้าโมงเย็น

โคตรเหนื่อยแต่มีความสุขมากจ้ะ เลิฟ เลิฟ ❤️

น้ำตกสลัดไดสี่ยอด
วิ่งเส้นน้ำตกสลัดไดได้สี่ยอด
เห็ดแชมเปญที่น้ำตกสลัดได
เห็ดแชมเปญที่น้ำตกสลัดได
น้ำตกสลัดได น้ำใสมาก
น้ำใสและเย็นมาก

ซ้อมที่เขาตีนไก่ในวันแรงงาน

วันนี้ไปซ้อมที่เขาตีนไก่ ระยะทางไม่ได้เยอะอะไร เกนก็นิดเดียว เพซยิ่งไปกันใหญ่ แต่ที่ประทับใจคือตอนที่วิ่งเส้นน้ำตกสลัดไดมีน้องหมาคู่นึงวิ่งไปวิ่งกลับด้วยจนสุดทาง

เรื่องมันเริ่มจากตอนที่เราลงมาจากผานางดำ ผ่านมาถึงบริเวณหน้าสถานีเพาะกล้าไม้มีน้องหมาตัวผู้สีเทาวิ่งมาจากไหนไม่รู้แล้ววิ่งคู่ไปกับเรา ตัวนี้ดูทรงดีเลย (อันนี้ไม่ใช่คำราชาศัพท์นะฮะ 😊) มีกล้ามเนื้อพอประมาณ เป็นหมาหนุ่มกำลังฟิต

ไปได้อีกประมาณร้อยเมตร เจออีกตัวเป็นตัวเมียยืนจังก้าอยู่กลางถนน (กลางถนนจริง ๆ) แต่กระดิกหางแกว่งซ้ายขวาดูท่าแล้วน่าจะมาดี พอเราเข้าไปใกล้ก็พุ่งมาเลย กระโดดเข้าหา มีงับต้นขา งับมือ งับแบบงับกิ๊บ ๆ งับเบา ๆ ไม่ให้เราเจ็บอ่ะ ใครเคยเลี้ยงหมาหรือเคยเล่นกับหมาน่าจะพอนึกออก

พอเราเดินต่อน้องก็ตามมาทั้งสองตัวโดยที่เราไม่ได้เรียก อันนี้ต้องบอกก่อน ปกติไปที่ไหนเวลาเจอหมาเราจะไม่เรียกให้ตามมา เพราะ หนึ่ง กลัวแม่งหลง วิ่งไปกับเราแล้วกลับบ้านไม่ถูก สอง กลัวไปเจอเจ้าถิ่นข้างหน้า เดี๋ยวจะโดนเล่นงานเอา ด้วยเหตุนี้ นอกจากจะไม่เรียกให้วิ่งตามแล้ว เรายังไล่ไม่ให้ตามมาด้วย

พอเราเริ่มอัปฮิลน้องทั้งสองตัวก็วิ่งออกนำหน้าไป แม่งอัปฮิลสบาย ๆ เลย เห็นแล้วอิจฉาหมา พอไปข้างหน้าได้ซักหน่อยมีหยุดรอให้เราเดินตามทัน บางจังหวะมีหันมามอง ประมาณว่า ทำไมพวกพี่ช้ากันจังวะ?

ที่แสบคือบางช่วงที่ชันมาก น้องแม่งคงรอนาน พอเราไปถึงแม่งนอนรอเลย นี่ยังดีที่มันไม่ส่งสายตาหยามเหยียดมาด้วย

ตลอดทางน้องตัวผู้จะมีแวะฉี่ข้างทางซ้ายขวาเป็นระยะ เพื่อเอาไว้เป็น GPS navigation จะได้ดมหาทางกลับได้ถูก ตอนแรกพี่ก็ว่าจะเลียนแบบมันมั่งนะ แต่นึกขึ้นได้ว่าจมูกพี่แยกกลิ่นฉี่ไม่ออก เดี๋ยวดมไปดมมา ไปตามกลิ่นฉี่คนอื่นหลงทางจะยุ่งตายห่ะ 5555

ตอนแรกนึกว่าคงวิ่งตามไปแป๊บเดียว พอไปสักหน่อยแล้วก็คงจะกลับ แต่ไม่ใช่ ทั้งสองตัวไปกับเราจนถึงน้ำตกสลัดได โดยที่ระหว่างทางมีวิ่งออกไปไล่จิ้งเหลนกิ้งก่าตามข้างทางเป็นระยะ พอขากลับก็กลับออกมาพร้อมกับเรา ลงมาจนถึงจุดที่เจอกันตอนแรก รวมระยะทางไปกลับร่วมห้าโล โดยที่ทั้งสองตัวไม่มีท่าทางจะเหนื่อยสักนิดเดียว ส่วนพี่นั้น

หอบเป็นหมาเลย… 5555

ประสบการณ์งานวิ่ง CM6 2022 ระยะ CM5 – คนคำนวนมิสู้ฟ้าลิขิต ถ้าตัดสินใจผิดงานนี้ยาว

ห่างหายไปนานกับการเขียนบันทึกงานวิ่งนะฮะ ตอนที่จบ PET 50K ไม่ได้เขียน จบโป่งร้อยก็ไม่ได้เขียน ปีนี้ไปไต่เขาแหลมตะนาวศรีมาก็ไม่ได้เขียน พอมางานนี้ไม่จบ เสือกเขียน!!! อะไรของมึงเนี่ย 5555

มาครับ

ก่อนวันแข่งหนึ่งวันมารับบิบที่ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติเชียงใหม่ สถานที่จัดงาน CM6 ปีนี้ ใช้เวลาไม่นาน เสร็จแล้วเดินดูของตามบูธต่าง ๆ นิดนึง แล้วกลับโรงแรมไปรอเช็กอิน

เช็กอินเรียบร้อย จัดข้าวของ เป้น้ำ ถุงดรอปแบ็ก ออกไปกินข้าวมื้อเย็นแล้วต่อไปดูปล่อยตัวเหล่าทวยเทพ CM6 ยังไม่ทันปล่อยตัวเลย มองขึ้นไปทางดอยสุเทพเห็นฝนเริ่มมาแล้ว พิธีกรประกาศออกไมก์ว่า มณฑาธารฝนตกแล้ว

คิดในใจว่า ชิบหายล่ะ สภาพกูตอนนี้โอกาสจบน่าจะ ๖๐ / ๔๐ แต่ถ้าฝนตกนี่แทบจะเหลือศูนย์ ได้แต่ปลอบใจตัวเองว่าที่ผ่านมาก็แคล้วคลาดไม่โดนฝนมาตลอดทุกงาน CM3 เมื่อสามปีที่แล้วก็รอด ตะนาวศรีปีนี้ที่พยากรณ์อากาศทุกสำนักฟันธงว่าฝนมาแน่นอน แม่งก็รอด งานนี้ก็ต้องรอดสิวะ

กลับถึงโรงแรมได้สักพักฝนตกครับพี่น้อง ตกยาวต่อเนื่องทั้งคืน ตื่นมาเข้าห้องน้ำตอนตีสองเปิดผ้าม่านดูฝนยังตกอยู่เลย แล้วกูสตาร์ตหกโมงจะหยุดหรือยัง

ตีห้ากว่าฝนหยุดไปสักพักแล้ว เรา (หมายถึงพี่กับแม่พดด้วง) หอบหิ้วเป้น้ำ ถุงดรอปแบ็กและไม้โพล เดินจากโรงแรมเลาะไปตามถนนเลียบคันคลองชลประทานไปที่ศูนย์ประชุมฯ หลังจากฝากดรอปแบ็กเรียบร้อยยังมีเวลาเหลืออีกประมาณ ๔๐ นาทีให้เตรียมตัว (และเตรียมใจ) ก่อนออกสตาร์ต

หกโมงเช้าปล่อยตัวบล็อกเอ ถึงตอนนี้ความตื่นเต้นก็ยังมีอยู่ด้วยความที่ห่างหายการลงสนามไปเกือบสองปี ยังดีที่เมื่อเดือนก่อนไปลงงานตะนาวศรีเพื่อซ้อมมาทำให้ยังพอเรียกความรู้สึกเก่า ๆ กลับมาได้บ้าง

ออกจากศูนย์ประชุมฯ เลี้ยวขวา วิ่งตามทางผ่านหน้ารีสอร์ตมาจนขึ้นทางเทรล ช่วงนี้เป็นซิงเกิ้ลแทร็กจ้ำตาม ๆ กันไป ไม่รู้แต่ละคนแม่งเอาแรงมาจากไหน ไอ้ชิบหาย ไต่อัปฮิลขนาดนี้ยังไปกันเพซ ๘ เพซ ๙ กูนี่ตอนซ้อมขนาดทางราบในหมู่บ้านยังเดินเพซ ๑๒ เลย แล้วไม่มีใครยอมผ่อนด้วยนะ จ้ำกันไม่หยุด ช่วงนี้เหนื่อยเป็นหมาหอบแดดเลย

ขึ้นมาได้สี่โลนึกขึ้นได้ว่าก่อนสตาร์ตตั้งใจจะจิบ 5Hour ช่วยไล่ความง่วง กระตุ้นให้ดีดนิดนึง นี่ลืมไปสนิทเลย ก็เลยหยุดรอแม่พดด้วงก่อนเพราะ 5Hour อยู่ที่ตัวเองนี่ ระหว่างนั้นนักวิ่งบล็อกเอทยอยผ่านไปกลุ่มใหญ่ ๆ แล้วก็มีแนวหน้าของบล็อกบีที่ปล่อยตัวหลังบล็อกเอ ๑๕ นาทีเริ่มตามมาทันแล้ว

หลังจากเติม 5Hour เรียบร้อยแม่พดด้วงไล่ให้ไปก่อนได้เลย เพราะใช้แผนเดียวกับตอนไปโป่งร้อย คือ ตอนกลางวันวิ่งใครวิ่งมัน แล้วมาเจอกันที่ซีพีสุดท้ายก่อนมืด เพื่อจะวิ่งภาคกลางคืนไปด้วยกัน ก็ล่วงหน้ามาจนหลุดทางซิงเกิ้ลแทร็กเจอถนนดินทางขึ้นไปบ้านขุนช่างเคี่ยน อัปฮิลกันยาว ๆ

กำลังไต่เหนื่อย ๆ ได้ยินเสียงจ๊อกไล่หลังมานึกว่าหูฝาด หันกลับไปดู โอ้โห คนนำ CM3 ตามมาทันแล้ว นี่ปล่อยตัวหลังเราชั่วโมงนึงนะ แล้วพี่แม่งจ๊อกอัปฮิล แป๊บเดียวหายลิบไปเลย

มาถึง HQ ตอน ๘:๒๔ เร็วกว่าแผนที่วางไว้ (แล้วก็เร็วกว่าเมื่อสามปีที่แล้ว ๔๐ นาที) อันนี้ดี ช่วยให้มีเวลาตุนไปช่วงท้าย ๆ ได้มากหน่อย ตอนมาถึงงง ๆ นิดนึง เพราะจุด HQ ไม่ตรงกับที่โปรหนำบรีฟไว้ เหมือนมีย้ายที่ แต่ตอนนั้นยังไม่ได้คิดอะไร รีบอยู่

CM6 2022 ระยะ CM5 - รองเท้า
สภาพรองเท้าหลังจากมาถึง HQ รอบแรก

กินข้าวไข่พะโล้ ต้องเติมไว้ก่อน เพราะซีพีหน้ากว่าจะมีข้าวต้องไปอีกหลายชั่วโมงเลย เติมน้ำ เติมเกลือแร่ หยิบกล้วยตุนไปสองใบ แม่พดด้วงมาถึงพอดี ดูเวลาแล้วแม่พดด้วงเร็วกว่าแผนเกือบ ๒๐ นาที เริ่มได้ดีเว้ย บอกแม่พดด้วงเรื่องเวลาที่ตุนมาได้แล้วตัวเองก็ออกไปต่อเลย

เดินออกมาผ่านทางเข้าโรงเรียนศรีเนห์รู จุด HQ เดิม เห็นตำรวจใส่เสื้อทีมหนุมานเดินกันให้ควั่ก ยิ่งมั่นใจว่าคงมีใครมาแล้วล่ะ เพราะไม่งั้นทางผู้จัดไม่น่ามีการเปลี่ยนรูตตอนที่เหลือแค่สิบวันสุดท้ายก่อนวันงานแบบนี้

จากศรีเนห์รูไต่ขึ้นดอยหัวหมู (aka จุด nice view) ครั้งที่หนึ่ง จังหวะช่วงทางราบได้ยินเสียงพึ่บพั่บ ๆ อยู่ข้างหลัง หันไปเจอพี่ป้อม สัญญา ผู้นำ CM4 กำลังห้อมาเลย หลบทางให้แกแล้วตะโกนบอกคนข้างหน้าให้หลบพี่ป้อมด้วย มาอีกสักพักกำลังไต่ทางชันอยู่มีคนเดินแซงมาจากข้างหลัง เห็นรองเท้ามาก่อน เห็นปุ๊บก็เงยมองหน้าเลย รองเท้าโมมาแบบนี้เท่าที่รู้มีคนเดียว ใช่รัชชี่จริง ๆ นี่เท่ากับว่าผู้นำ CM3 CM4 และก็ CM6 น็อกกูแล้วเรียบร้อย

มองตามหลังรัชชี่ไป เดินยังไงวะเหมือนไม่ได้ออกแรงแต่ไปลิ่ว ๆ เลย

ก่อนถึงดอยหัวหมูอากาศเย็น หมอกลงสองข้างทาง ทัศนวิสัยมองไปได้ไม่ไกล ไม่เห็นวิวอะไรมีแต่หมอก คนอื่นอาจไม่ชอบแต่พี่ชอบมาก ชอบกว่าเห็นวิวอีก มาถึงดอยหัวหมูลมแรงจนธงปลิวสะบัด มุ่งหน้าไปต่อเจอบันไดหินขึ้นไปถึงลานพลับพลา ตอนนี้ล้อมกั้นพื้นที่เอาไว้เห็นว่าจะปรับปรุง

CM6 2022 ระยะ CM5 - ดอยหัวหมู
ดอยหัวหมูอากาศ หมอกลง ลมแรง

เดินต่อไปอีกหน่อยเจอป้ายให้หักขวาลงกิ่วแมวปลิว ดาวน์ฮิลกันยาว ๆ มีทั้งรากไม้ ร่องน้ำ ก้อนหิน ต้นหญ้าซ้ายขวาข้างทาง จะลงเร็วก็ไม่ได้กลัวอาการเจ็บเข่ากำเริบ ต้องคอยหลบให้นักวิ่งคนอื่นไปกันก่อน

ระหว่างที่ลงมาก็คิดขึ้นมาได้ว่า เดี๋ยวตอนดึกขึ้นมาจากเส้น lastman แล้วแม่งต้องไต่ตรงนี้ขึ้นมาอีกนี่หว่า แล้วชันขนาดนี้กูจะไหวมั้ย ว่าแล้วก็สลัดความคิดออกจากหัว เพราะกว่าจะไปถึงจุดนั้นยังต้องเจออีกเยอะ มึงอาจเกมก่อนก็ได้ เออ พอคิดได้แบบนี้ก็สบายใจ 5555

ดาวน์ฮิลประคองตัวลงมายาว ๆ ไม่จบไม่สิ้น เหมือนแม่งเป็น downhill to hell จนมาถึงสามแยกที่จะแยกไป W1 กับบ้านผานกกก เราเลี้ยวซ้ายไป W1 ก่อน เดี๋ยวค่อยกลับมาอีกที ถึงตรงนี้เริ่มมีนักวิ่งแนวหน้าสวนทางกลับมาพอให้ครึกครื้น ไม่เหงา ไปจนถึงบ้านม้งดอยปุยทะลุออกด้านหน้าหมู่บ้านก็ยังไม่ถึง ต้องเดินขึ้นถนนดำต่อไปอีกหน่อย

เข้า W1 จุดนี้ไม่มีคัตออฟ เช็กอินแล้วรีบเข้าไปจัดโค้กก่อนเลยสองแก้ว สดใสซาบซ่า นี่เป็นไอเทมที่งานวิ่งต้องมีเลยนะ ช่วยฟื้นพลังชีวิตได้ดีมาก

เติมน้ำ เติมเกลือแร่ หยิบกล้วยติดมาเรียบร้อยก็วิ่งย้อนรูตกลับมาทางเดิมจนมาถึงสามแยกที่เดิม ครั้งนี้เลี้ยวตามป้ายไปทาง A3 บ้านผานกกก (อ่านง่าย ๆ ตรงตัวเลยนะ ผา – นก – กก ไม่ใช่ ผาน – กะ – กก หรือ ผาน – กก – กะ อะไรแบบนี้ แม่งยากไป๊) จุดซีพีในความทรงจำ เพราะเมื่อสามปีที่แล้วมางาน CM ครั้งแรกระยะ CM3 มา dnf ที่ผานกกกนี่แหละ แต่ครั้งนี้ไปคนละเส้นทาง นี่ให้กูไปปีนผากลองด้วย แม่เอ๊ยยยยยย

ผ่านสามแยกมาได้ไม่ไกล เจอนักวิ่งผู้หญิงเดินอยู่ข้างหน้า สภาพร่างเปรอะไปหมด ทักไปว่า นี่ลื่นมาเหรอครับ มองไปเห็นติดบิบ CM6

ไม่ได้ลื่นค่ะ สไลเดอร์เลยค่ะ มณฑาธารโหดร้ายมาก

นี่เป็นครั้งแรกที่ได้ยินคนพูดถึงมณฑาธารในวันนี้

ก่อนถึงทางชันที่จะไต่ขึ้นผากลอง เจอแม่อุ๊ยมาเดินเทรกกิ้ง เจ๋งว่ะ อายุน่าจะหกสิบปลาย ๆ แล้วนะ ถ้าพี่ไม่ชิงตายห่านไปเสียก่อนก็อยากฟิตได้แบบนี้ แกเห็นเราเดินมาคนเดียวก็ชวนคุยโน่นคุยนี่เป็นภาษาคำเมือง เราก็งัดสกิลเก่าอู้คำเมืองกับแกไปด้วย จนจะแยกจากกันถามแกไป

ผมอู้คำเมืองเป่นไดพ่อง เหมือนคนเมืองก่อ

ได้อยู่ลอ แกว่างี้

5555 ยังพอเอาตัวรอดได้อยู่เว้ย ถึงจะไม่ใช่เนทีฟก็เถอะ

ตอนกำลังไต่ขึ้นผากลอง มีฝรั่งติดบิบ CM4 เดินแซงขึ้นมา หันมาดูบิบเราแล้วถาม ยูไปมณฑาธารมาหรือยัง? (อ่านตรงนี้ออกเสียงกระแดะเป็นฝรั่งยุโรปนิดนึงนะ ฟังสำเนียงแล้วพี่แกไม่น่าจะใช่อเมริกัน) ฟังเสร็จต้องรีบประมวลผล เดี๋ยวนะเมื่อกี๊กูเพิ่งอู้คำเมืองมา ขอกูสวิทช์ภาษาแป๊บ

ไอไม่ต้องไปว่ะ ไอ CM5 แต่ไอจะเจอ lastman คืนนี้ (อ่านตรงนี้ใช้สำเนียงอังกฤษแบบเด็กต่างจังหวัดนะฮะ 5555) มัน เอ๊ย ฝรั่งตอบกลับมาว่า ลักกี้ยู มณฑาธารนี่ the worst ที่ไอเคยเจอมาเลย

คอนเฟิร์มกันสองเสียงขนาดนี้ คิดว่าลูปนั้นแม่งคงไม่ธรรมดาจริง ๆ แล้วล่ะ ลักกี้มีจริง ๆ ว่ะ (ยัง มึงยังไม่รู้ตัวว่ามึงจะเจออะไรอิบวก)

จากผากลองยิงยาวดาวน์ฮิลลงมาเรื่อย ๆ เพื่อไปผานกกก พอเลยจากจุดซีพีเถื่อน หรือ เซเว่นม้ง ที่แล้วแต่จะเรียกกัน ก็เริ่มเจอแนวหน้าวิ่งสวนกลับมาล่ะ วิ่งตามทางมาจนถึงสามแยกที่จะเลี้ยวอัปฮิลขึ้นผานกกก ซึ่งเส้นนี้เมื่อสามปีที่แล้วทำเอาหมดกำลังใจมากว่าเมื่อไหร่แม่งจะถึงซักที แต่มาครั้งนี้ เฮ้ย ก็ได้อยู่นะ ไม่จวนเจียนจะขาดใจเหมือนครั้งก่อน

มาถึงผานกกกก่อนเวลาที่วางแผนไว้ทำให้เก็บมาร์จิ้นรวมได้สองชั่วโมงนิด ๆ เดินเข้าไปในซีพีเละเอาเรื่องจากฝนที่ตกลงมาเมื่อคืน รีบกินข้าวหน้าไก่ อาหารซิกเนเจอร์ของซีพีนี้ ตามด้วยเฉาก๊วยอีกถ้วยนึง เสร็จแล้วเติมน้ำ หยิบกล้วยมาตุนไว้ระหว่างทาง

CM6 2022 ระยะ CM5 - ผานกกก
สภาพซีพีผานกกกเละจากฝนที่ตกลงมาเมื่อคืน

กำลังจะเดินออกจากซีพี ฝนเริ่มลงปรอย ๆ พอเดินไปถึงทางออกต้องชะงัก โอ้โห นี่มึงซีพีงานเทรลหรือสนามโมโต้ครอส ทำไมแม่งเละเป็นปลักควายหยั่งงี้ ระหว่างที่ค่อย ๆ ย่องออกมาฝนก็ลงเยอะขึ้น ทีแรกกะจะลุยไปเลยแต่เห็นมีนักวิ่งสองสามคนที่ดูทรงแล้วเก๋ากว่าเราเยอะเริ่มหยิบเสื้อกันฝนมาใส่

เห็นแบบนี้กูก็เอาด้วยสิ ปลอดภัยไว้ก่อนนะ ไม่รู้ว่าข้างหน้าจะยังไง ปลดเป้หยิบเสื้อกันฝนที่ซื้อมาแพงที่สุดในชีวิตและยังใหม่กริ๊บเพราะยังไม่เคยใช้เลยตั้งแต่ซื้อมาเกือบจะสองปี วันนี้ได้ประเดิมล่ะเว้ย

ใส่เสื้อกันฝนเสร็จก็พอดีฝนลงหนักขึ้นอีก หลังจากเดินลุยฝนมาได้พักนึงก็ต้องทึ่งในประสิทธิภาพเสื้อกันฝนมาตรฐานงาน UTMB ตัวนี้ เพราะในขณะที่ช่วงล่างเปียกชิบหายวายป่วง แต่ช่วงบนตั้งแต่หัวมาถึงเอวนี่สบายเลย ไม่หนาวซักนิด อันนี้สุดยอดมาก ต้องขอบคุณแม่พดด้วงที่ทำหน้าที่จัดซื้อจัดหามาให้ใช้ ถ้าให้พี่หาเองนี่จบที่เสื้อกันฝนใน 7-11 แน่นอน

ดาวน์ฮิลจากผานกกกมาได้สักพัก เจอแม่พดด้วงกำลังเดินขึ้นมา เสื้อกันฝนก็ไม่ยอมใส่ บอกว่าไม่เป็นไรใกล้จะถึงแล้ว บอกแม่พดด้วงว่า เวลายังได้อยู่ หลุดแผนไปนิดนึงแต่ยังมีมาร์จิ้นอยู่ชั่วโมงกว่า แม่พดด้วงบอกว่าเหนื่อยมาก นี่เร่งมาตลอดทาง ถ้าไปถึงผานกกกแล้วอาจจะไม่ไปต่อ แต่ขอดูสถานการณ์ตรงนั้นอีกที ถ้า dnf จะยิงข้อความมาบอก

แยกจากแม่พดด้วงมาในใจคิดอยู่ว่า อยากให้แม่พดด้วงไปต่อ ส่วนฝนแม่งก็ไม่ซาลงซักที วิ่ง ๆ อยู่ก้มหน้าไปเจอ เฮ้ย!! ทำไมรองเท้ากูเป็นฟองทั้งสองข้างแบบนี้ (นี่ถ้าไม่ติดว่าฝนตกจะหยิบโทรศัพท์มาถ่ายรูปเก็บไว้หน่อย บังเอิญไอโฟน 6s มันไม่กันน้ำอ่ะนะ) ตรงหัวรองเท้าช่วงนิ้วโป้งนิ้วชี้ทั้งสองข้างเป็นฟองฟ่อดเลย เดาว่านะจะตอนที่ซักครั้งสุดท้ายล้างผงซักฟอกไม่หมดแน่เลย ก็วิ่งไปทั้งแบบนั้นแหละ รองเท้ากูมีระบบ self cleaning ทำความสะอาดตัวเองได้เว้ย

ลงมาถึงแปลงกุหลาบฝนซาจนเกือบจะหยุดล่ะ แวะถอดเสื้อกันฝนเก็บเข้าเป้ แล้วไปต่อ ช่วงนี้มีกลุ่มนักวิ่งมากันพอดีเลยเข้าร่วมขบวนกฐินไปด้วยกันห้าหกคนมาจนถึงจุดซีพีเถื่อนแวะซื้อโค้กติดมือมาขวดนึง ขบวนกฐินคนอื่นก็เลยล่วงหน้าไปกันก่อน จากจุดนี้เลี้ยวซ้ายเพื่อจะไป W2 เจอทางลงชัน ๆ ก้าวไปได้สักพักอาการแปล๊บที่เข่าซ้ายเริ่มมาล่ะ ประคองมาได้แค่นี้ ต้องค่อย ๆ โขยกเขยกลงตามทางมา

สักพักมีน้องที่ลง CM3 ตามมาทัน อายุน่าจะซักยี่สิบปลาย ๆ สามสิบต้น ๆ (หลังจากนี้จะเรียกว่า น้อง CM3 นะ) บอกน้องว่า ไปก่อนเลย พี่เจ็บเข่าต้องค่อย ๆ ไป น้องบอกว่า ผมก็ขาพลิก เจ็บข้อเท้า สรุปต้องค่อย ๆ ไปเหมือนกัน อีกแป๊บมีน้อง CM5 อีกคนมาทัน (หลังจากนี้จะเรียกว่า น้อง CM5) เลยเดินไปด้วยกันสามคน ไม่รีบ (จริง ๆ ก็รีบแหละ แต่แม่งไปเร็วไม่ได้แล้ว 5555)

เดินคุยกันมาเรื่อย ๆ น้อง CM5 เล่าว่า ปีที่แล้วมา CM5 แล้วครั้งนึงแต่ไม่จบ ขึ้นจาก lastman มาได้แล้ว แต่ไปเกมที่ W1 ปีนี้เลยมาล้างตา น้องบอกว่า ไม่ว่ายังไงจะไม่ยอม dnf ที่ HQ เด็ดขาด เพราะปีที่แล้วนั่งรถขนคน dnf ลงจาก HQ แล้วโดนเหวี่ยงไปเหวี่ยงมาเหมือนลูกขนุน สภาพแย่มาก เลยบอกกับน้องไปว่า ปีนี้เราต้องจบเว้ย เพื่อที่ปีหน้าเราจะไป CM6 กัน!!

นี่ถ้าเป็นหนังจังหวะนี้ต้องเป็นช็อตโคลสอัปหล่อ ๆ เสียงทุ้มนุ่มเป็นพระเอกเลยมึงเอ๊ย

แล้วมาตบด้วยจังหวะซิตคอมที่น้องตอบมาว่า เอางั้นเลยเหรอพี่ 5555

เดินกันมาสามคนตลอดทางแทบไม่เจอนักวิ่งคนอื่นเลย นี่ถ้าไม่เจอริบบิ้นบอกทางมีเหวอนะ คิดว่ากูหลงหรือเปล่าวะ มาจนถึง W2 เช็กอินแล้วมีเวลาตุนอยู่สองชั่วโมงนิด ๆ น้ำยังมีเต็มอยู่ แวะหยิบข้าวต้มมัดแล้วบอกน้องทั้งสองคนว่าพี่เคาะไปก่อนนะ เดี๋ยวไปเจอกันข้างหน้า

รีบเดินไป HQ รอบสอง ไม่ได้รู้ตัวเลยว่ามีความบันเทิงรออยู่แบบคอมโบ้เซ็ต

ความบันเทิงประการแรกมาในอาการเจ็บเข่า หลังจากที่โขยกเขยกมาได้สักพักอาการหนักขึ้นเรื่อย ๆ นักวิ่งที่ตามมาแซงไปชุดใหญ่ รวมทั้งน้อง CM3 กับน้อง CM5 ด้วย จนถึงโลที่ ๔๐ ไม่ไหวแล้วเว้ย ตัดสินใจปลดเป้หยิบถุงยา first aid ที่แม่พดด้วงจัดไว้ให้ พร้อมกับบรีฟมาให้เสร็จว่ายาอะไรใช้รักษาอาการอะไร

มียาตัวนึงเป็นยาแก้อักเสบ แม่พดด้วงบอกว่าถ้าไม่จำเป็นก็อย่ากิน เพราะยามันแรงอาจมีผลต่อไต แต่ถ้าจำเป็นหรือจะขายวิญญาณเพื่อให้จบก็จัดไป ใส่มาให้เม็ดเดียว เพราะกินแค่เม็ดเดียวพอ

มาถึงตอนนี้ เอาวะ แม่งถึงเวลาต้องขายวิญญาณแล้วกู ไม่งั้นไม่รอดแน่ จัดไปเม็ดเดียวครั้งเดียว เดี๋ยวรู้กัน

หลังจากนั้นสักพัก ไม่รู้ว่ายามันออกฤทธิ์หรืออาการ placebo effect กันแน่ เข่าที่เจ็บแม่งดีขึ้นเว้ย ลงขาได้มากขึ้น ไม่จี๊ดเหมือนเดิมแล้ว ประกอบกับเป็นช่วงอัปฮิลที่แรงไม่กระแทกเข่าเท่าไหร่ ก็เริ่มไปได้เร็วขึ้นจนตามมาทันน้อง CM5 ที่กำลังคุยอยู่กับน้องอีกคนว่า นาฬิกาขึ้นเตือนว่าออกนอกเส้นทางมาหลายกิโลแล้ว

ฟังแล้วก็ยังนึกว่าน้องคงโหลดไฟล์เส้นทางตัวเก่ามา เพราะตลอดทางที่มานี่ก็ตามริบบิ้นมาตลอด แต่พอยกนาฬิกาตัวเองขึ้นมาดูถึงได้เห็นว่าของเราก็เตือนเหมือนกันเฮ้ย

ยัง นี่ยังไม่รู้ตัวว่ากำลังเข้าสู่ความบันเทิงอย่างที่สอง นั่นคือ ผู้จัดเปลี่ยนรูตกะทันหัน ระยะทางงอกมาห้ากิโล สวย ๆ โดยไม่มีการแจ้งใด ๆ

ตอนนั้นก็ยังไม่รู้หรอก ก้มหน้าก้มตาอัปฮิลดาวน์ฮิลตามทางมาเรื่อย ๆ จนมาทันน้อง CM3

พอน้องหันมาเห็นว่าเป็นเราก็ส่งเสียงทักมาเลย ป๋านี่อึดเหมือนกันนะ

ได้ยินทีแรกนึกว่าน้องทักคนอื่น แต่เอ๊ะ นี่อยู่กันสองคน เดี๋ยวนะ มึงเรียกกูป๋าเลยเหรอ!!!

กำลังจะบอกเรียกพี่เถอะน้องเอ๊ย นึกขึ้นได้ว่า น้องมันคงเกรงใจเต็มที่แล้วถึงได้เรียกว่า ป๋า ใจจริงอาจจะอยากเรียก ลุง ด้วยซ้ำ ก็เลยชะงัก ป๋าก็ป๋าวะ แม่งงงงงงง หลังจากนั้นแม่งเรียกกูป๋ามาตลอดทาง ชิบหาย 5555

เดินอัปฮิลมาจนถึงประมาณโลที่ ๕๐ ถ้าเอาตามระยะในแผนที่ก็เหลืออีกโลกว่า ๆ เริ่มหิวแล้ว แต่เห็นว่าอีกแป๊บเดียวก็ถึง HQ จะได้กินข้าวแล้ว ก็เลยยังไม่เติมเจล เติมของกิน กะว่าไปกินที่ HQ ทีเดียวเลย เจอชาวบ้านขี่มอเตอร์ไซค์ลงมา ถามไปว่าอีกไกลมั้ย? พี่แกตอบมาว่า ไกล มีหกโลบวกอ่ะ ฟังแล้วยังนึกว่า นี่แม่งรู้จริงเปล่าวะว่าซีพีกูอยู่ที่ไหน ในแผนที่นี่บอกเหลืออีกโลกว่าเอง

เดินต่อมาอีกสักพัก เจอทีมงานรถวิบากยืนอยู่ ถามว่าอีกกี่โล ได้คำตอบว่าอีกประมาณห้าโล

ตอนนี้กูเริ่มไม่สนุกล่ะ ระยะงอกมาห้าโลนี่ถ้าคิดคร่าว ๆ ว่าเดินเพซ ๑๒ (ซึ่งของจริงช้ากว่านั้น) ก็เจอไปชั่วโมงนึงเต็ม ๆ เลยนะ หมดกันมาร์จิ้นที่กูสะสมมาทั้งวัน

จังหวะนี้เริ่มมืดแถมฝนเริ่มลงเม็ดมาอีกรอบ ก็เลยหยิบเฮดแลมป์กับเสื้อกันฝนมาใส่เตรียมไว้ ซึ่งเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องมาก เพราะหลังจากนั้นไม่เกินสิบนาทีฝนแม่งเทลงมา เทลงมา เทลงมา ให้นาตูฮง นาตูฮง ไม่ใช่!! มึงอย่ามาตลก

ฝนแม่งตกหนักมาก หนักจนอิเชี่ย (ขออภัยในคำหยาบ) มึงจะตกอะไรขนาดนี้ หนักจนเดินอยู่นี่คิดว่าแม่งจะมีน้ำป่าป่ะวะ แล้วอยู่ในป่าแม่งก็มืด เดินมาอีกสักพัก เฮ้ย แล้วแม่งจะมีฟ้าผ่ามั้ย นี่กูต้องเดินใกล้ต้นไม้ใหญ่หรือจะเดินห่างต้นไม้ถึงจะปลอดภัยกว่ากันวะ แล้วไม้โพลกูนี่เป็นคาร์บอนนะ แม่งจะเป็นสายล่อฟ้ามั้ยวะ แม่งคิดจนเลิกคิดอ่ะ แล้วมึงท้อก็ไม่ได้ด้วยนะ จะบอกว่า โอ๊ย กูไม่ไปแล้ว กูจะนั่งอยู่นี่แหละ แม่งก็ไม่ได้ ฝนแม่งกระหน่ำอยู่ แล้วตอนนี้ไม่รู้ว่าอีกกี่โลจะถึง HQ เพราะระยะมันเกินจากในแผนที่มาแล้ว

ก้มหน้าก้มตาเดินอย่างเดียว เพราะเงยหน้าฝนแม่งก็สาดใส่หน้า เชี่ยไรเนี่ย (ขออภัยในคำหยาบอีกที)

ก้มหน้าเดินสักพักเงยขึ้นมาดูทาง ไฟเฮดแลมป์ส่องไปที่ริบบิ้นสะท้อนแสง คิดขึ้นมาได้ ตั้งแต่ฝนตกหนักนี่เดินมาไม่ได้ดูริบบิ้นเลยนะ ถ้าหลงทางนี่ชิบหายแน่ หันไปดูข้างหลังเห็นมีแสงไฟเฮดแลมป์ตามมาเป็นจุด ๆ ก็ยังพออุ่นใจ เอาวะ กูคงไม่หลงหรอก แต่ถ้าหลงก็ยังมีเพื่อน

อีกแป๊บเดียวก็มีนักวิ่งวิ่งสวนทางลงมาเป็นกลุ่ม ๆ ดูทรงแล้วน่าจะเป็นระยะ CM3 วิ่งกลับเข้าเส้นชัย อีกสักพักเห็นรัชชี่วิ่งสวนลงมา ในใจคิดว่ารัชชี่จะกลับเข้าเส้นชัยแล้วเหรอวะ เร็วไปมั้ย ไม่น่า น่าจะไปลูปห้วยแก้วที่เป็นลูปสุดท้ายมากกว่า (ตอนหลังมาดูเวลาที่รัชชี่เข้าเส้นชัยถึงได้รู้ว่าตอนนั้นรัชชี่กำลังวิ่งลงมาเส้นชัยจ้ะ)

เดินตากฝนอัปฮิลมายาว ๆ จนมาถึง HQ เช็กอินเรียบร้อย ในใจตอนนี้กูไม่คิดอะไรล่ะ คิดอยู่อย่างเดียวว่าขอให้แม่พดด้วงตัดสินใจ dnf อยู่ที่ผานกกกทีเถอะ ถ้าแม่พดด้วงออกมานี่หนังชีวิตแน่

เข้าซีพีไปพยายามเช็ดมือให้แห้งปลดเป้หยิบโทรศัพท์มาดู เชี่ยแระ ไม่มีข้อความจากแม่พดด้วง เอ้า กูเปิด airplane mode อยู่ เปิดสัญญาณโทรศัพท์ แม่งก็หาสัญญาณนานเชียว อย่านะมึง กูย้ายมาค่ายนี้เพราะมึงบอกว่าตามป่าตามเขาสัญญาณมึงดีกว่าใครเพื่อนนะ พอสัญญาณมามีข้อความจากแม่พดด้วงยิงมาบอกว่า dnf ที่ผานกกก ตามด้วยอีกข้อความที่ทิ้งช่วงหลายชั่วโมงว่า มาถึงโรงแรมแล้ว

โอยยยยย โล่งอก ❤

ส่งข้อความบอกแม่พดด้วงว่ามาถึง HQ แล้วแต่ฝนตกหนักมาก อัปเดตกันไว้ก่อน แล้วเข้าไปกินข้าว ระหว่างนั้นยืนคุยกับน้อง ๆ นักวิ่งที่ติดฝนอยู่และกำลังตัดสินใจว่าจะไปต่อหรือจะวางจอยดี พี่เองก็ลังเล เพราะสภาพร่างก็ยังพอถูไถไม่สมบูรณ์แต่ก็ยังพอไปได้ ส่วนเวลาถึงจะหลุดแผนที่วางไว้แต่ก็ยังมีมาร์จิ้นอยู่ชั่วโมงกว่า ระหว่างที่ยืนลังเล ไป ไม่ไป ไป ไม่ไป อยู่นี่ ฝนแม่งก็ยังกระหน่ำอยู่ตลอดเวลา เดี๋ยวซาลงหน่อย สักพักก็แรงขึ้นอีก

สุดท้ายมาตัดสินใจได้ตอนที่นักวิ่งผู้หญิงที่ยืนอยู่หน้ากลุ่มเรารับโทรศัพท์ บอกว่าสามีโทรมา ระหว่างที่คุยกับสามีก็พูดให้พวกเราได้ยินไปด้วย เธอบอกว่า ตอนนี้สามีอยู่ตรงจุดทางลง lastman แต่ลงไม่ได้ เพราะน้ำหลากและแรงมาก คนในพื้นที่บอกว่าอย่าลง อันตรายมาก นี่สามีโทรมากำชับว่าอย่าออกมาจาก HQ ให้ dnf อยู่ที่นี่เลย

โอเค จบ กูวางจอยล่ะ ฝืนไปต่อแม่งไม่คุ้ม เกิดอะไรขึ้นมาเป็นภาระให้แม่พดด้วงต้องคอยป้อนข้าวป้อนน้ำตลอดชีวิตนี่ท่าจะไม่ไหว เดินไปเบิกถุงดรอปแบ็กเอาเสื้อสำรองมาเปลี่ยน หยิบผ้าห่มฉุกเฉินมาใช้ นี่ก็เพิ่งเคยใช้ครั้งแรกเหมือนกัน มางานนี้นี่ได้ประเดิมหลายไอเท็มเลยเว้ย ส่งข้อความไปบอกแม่พดด้วงว่าตัดสินใจ dnf ล่ะ เดินไปแจ้งเจ้าหน้าที่ ตัดบิบเรียบร้อย กลับมาแต่งตัวให้พร้อมสำหรับนั่งรถฝ่าฝนลงไปที่ศูนย์ประชุมฯ

ตื่นเช้ามาก็ยังตะหงิดตะหงิด อดคิดไม่ได้ว่า ถ้าบวก บางบัวทอง ในโลกคู่ขนานตัดสินใจไปต่อเมื่อคืนจะเป็นไงวะ จนได้มาอ่านรีวิวสนามของนักวิ่งคนอื่นที่ไปต่อกัน โอ้โห แม่งยับมาก บอกเลยว่ากูท่าจะไม่รอด ถ้าไม่โดนน้ำซัดตกเขาตายห่าหรือโดนฟ้าผ่าบนยอดดอยปุย ก็อาจจะเป็นไฮโปเธอเมียนอนหนาวตายอยู่ตรงไหนซักที่บนดอยปุยนั่นแหละ

สรุปว่า มางาน CM สองหน dnf ที่ครึ่งทางทั้งสองหน ครั้งแรก CM3 ไปไม่ทันคัตออฟที่ผานกกก ครั้งนี้ CM5 เจอสภาพอากาศไม่เป็นใจ ตัดสินใจ dnf ตัวเอง

ก่อนกลับจากเชียงใหม่คุยกับแม่พดด้วงว่า ไม่เอาแล้วงานเทรลหน้าฝน มันอันตรายไป ลาขาด แต่ตอนที่นั่งเขียนอยู่นี่แม่งเริ่มคันอีกแล้วนะ never say never again 5555

ป.ล. งานนี้มีสิ่งที่ต้องตำหนิผู้จัดนิดนึง เรื่องการเปลี่ยนเส้นทางจาก W2 มา HQ ที่ทำให้ระยะงอกเพิ่มมาห้าโล โดยไม่มีการแจ้งให้นักวิ่งรู้ตัวกันเลย ซึ่งก็ส่งผลให้แผนการวิ่งรวนไปด้วย จริงอยู่ที่สาเหตุของการเปลี่ยนเส้นทางมันเป็นเรื่องสุดวิสัยที่ผู้จัดทำอะไรไม่ได้ (ถ้าตามที่ได้ยินมานะ) ซึ่งก็น่าเห็นใจ แต่การแจ้งข้อมูลให้นักวิ่งรู้ตัวล่วงหน้านี่ถือว่าอยู่ในวิสัยที่ผู้จัดทำได้นะครับ

ป.ล.สอง ใครอยากเห็นสภาพเส้นทางว่าเป็นยังไง เสิร์ช youtube ว่า cm6 2022 นะฮะ แล้วเลือกดูเอาตามใจชอบได้เลย

ป.ล.สาม ใครทนอ่านมาได้ถึงตรงนี้โคตรนับถือจิตใจ ขอได้รับคำขอบคุณและความห่วงใยจากบวก บางบัวทอง นะฮะ เลิฟ เลิฟ

ตั้งชื่อทีมวิ่ง

ระหว่างที่ซ้อมวิ่งเกิดฝนตกหนักจนต้องพักหาที่หลบฝน ช่วงนั้นสังเกตเห็นนักวิ่งที่มาหลายกลุ่มมีเสื้อทีมของตัวเอง มีชื่อทีมสกรีนอยู่บนอกเสื้อบ้าง ด้านหลังบ้าง

ก็เลยลองถามแม่พดด้วงว่า ถ้าเราตั้งทีมจะใช้ชื่อทีมว่าอะไรดี?

มึงกะกู

แม่พดด้วงตอบเร็วเหมือนไม่ต้องคิด พี่นึกว่าแม่พดด้วงฟังผิด เลยถามซ้ำอีกที

ไม่ใช่ ไม่ใช่ ไม่ได้ถามว่าในทีมจะมีใครบ้าง ถามว่าจะตั้งชื่อทีมว่าอะไร

มึงกะกู!! นี่แหละชื่อทีม

แม่พดด้วงหันมาย้ำชัด ๆ อีกที

ครับ ถ้าหลังจากนี้ได้เห็นชื่อทีมวิ่งที่ไหนชื่อนี้ โปรดทราบว่าที่มาเป็นแบบนี้นะครับ… 😆🤣