สารอาหารของเครื่องดื่ม High Protein

High Protein Milk Nutrition

จากข้อสมมุติฐานที่ว่าตัวเองได้โปรตีนไม่พอในแต่ละวัน ก็เลยมาหาข้อมูลว่าจะเติมโปรตีนได้จากไหนยังไงบ้าง ทางเลือกนึงที่สะดวกใช้ได้คือ เครื่องดื่ม high protein ซึ่งตอนนี้ก็มีมากมายหลายยี่ห้อหลายรสชาติให้เลือก

มีทางเลือกเยอะมันก็ดีแหละ แต่ความมึนมันตามมาด้วย เพราะแต่ละยี่ห้อก็มีส่วนผสมและสารอาหารไม่เหมือนกัน

แล้วเราจะเลือกตัวไหนดี ?

ก็เลยเป็นที่มาของตารางข้างบนโน่น (เอาที่พี่หาซื้อได้นะ มากกว่านี้ก็ลองไปดูเอาละกัน) ใครอยากได้ตัวไหน ไม่อยากได้ตัวไหน มีประเด็นกับอะไรเลือกเอาได้เลย บางคนอยากได้โปรตีนจากพืช บางคนบอกไม่เป็นไร นมวัวมาก็ได้ บางคนไม่อยากได้คอเลสเตอรอล บางคนขอโซเดียมน้อย ๆ ฯลฯ

เลือกเอาเลยจ้ะ ❤️

หมายเหตุ เพื่อเป็น benchmark เปรียบเทียบให้เห็นภาพ

– ไข่หนึ่งฟองวางอยู่บนโต๊ะ เฮ้ย ไม่ใช่ ไข่หนึ่งฟองมีโปรตีน 7 กรัม มีคอเลสเตอรอล 214 มิลลิกรัม

– มาม่ารสหมูสับ ขนาด 60 กรัม ได้โปรตีน 6 กรัม มีโซเดียม 1,170 มิลลิกรัมจ้าาาาาา

เลิฟ เลิฟ ❤️❤️

เจดีย์แห่งความทรงจำ


วันนี้ตั้งใจว่าจะไปหาอะไรกินแถวบ้านแล้วแวะตุนของกินจากตลาดใกล้ ๆ ไม่อยากไปไหนไกลเพราะกลัวเจอรถติดจากคนกลับกรุงเทพฯ

แต่มีเหตุให้ต้องเปลี่ยนแผนกะทันหันแล้วขับรถข้ามเมืองไปพื้นที่ที่เคยอยู่ในช่วงวัยเด็กสมัยประถม

พอไปถึงก็เริ่มย้อนอดีต จุดนี้จำได้ เมื่อก่อนเป็นแบบนี้ วัดนี้ตอนนั้นเคยเป็นแบบโน้น นี่ ๆ เคยอยู่บ้านหลังนี้ ถนนเส้นนี้สมัยเด็กรู้สึกเหมือนมันไกลกว่านี้ ฯลฯ

แต่ที่ต้องจอดรถถ่ายรูปเป็นที่ระลึกคือที่นี่เลย โรงเรียนที่เคยเรียนมาตั้งแต่ป.๑ ถึง ป.๖ เทอมต้น

โรงเรียนอำนวยวิทย์

และที่ต้องถ่ายมุมนี้ก็เพื่อให้เห็นเจดีย์ที่อยู่กลางสนาม (เมื่อก่อนเป็นสนามดิน ใช้เล่นลูกแก้วกับทอยหุ่นตอนก่อนเข้าเรียนกับพักกลางวัน)

และที่เจดีย์นี้เองที่พี่ได้สร้างวีรกรรมไว้ด้วยการไปปีนเล่นในตอนเช้าก่อนเข้าเรียน ไม่รู้ตอนนั้นเมิงคิดอัลลัย อะไรดลใจเมิง เมิงว่างเหรออออออ กุอยากจะย้อนเวลากลับไปถามตัวเองเหลือเกิน 😆

แล้วที่เด็ดคือ ระหว่างที่พี่ปีนเล่นอยู่มีบุรุษไปรษณีย์ขี่มอเตอร์ไซค์ผ่านมาแล้วมองเข้าไปเห็นเด็กเปรตกำลังปีนเจดีย์เล่นอยู่ ก็เลยเข้าไปบอกครู

เช้านั้นพี่โดนหวดโชว์หน้าเสาธงนะฮะ 😂😅

โหมดต้องรอดของเจ้าของกิจการ

หมายเหตุ : เรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้ไม่เกี่ยวกับการเมือง ไม่มีนัยทางการเมืองใด ๆ ทั้งสิ้น ถึงแม้ว่าผู้ถูกกล่าวถึงในเรื่องนี้จะชวนให้คิดไปทางนั้นก็ตาม เล่าแค่ในมุมของทางธุรกิจล้วน ๆ ตามนี้นะ โอเคนะ

วันก่อน fb ขึ้นรูปในอดีตมาเป็นหนังสือ shoe dog ที่อ่านไปหลายปีแล้ว เล่มนี้ฟิล ไนต์ ผู้ก่อตั้งไนกี้เขียนเล่าถึงประวัติช่วงเริ่มต้นของไนกี้ ซึ่งมีช่วงที่ต้องดิ้นเอาตัวรอดจะไปแหล่มิไปแหล่อยู่หลายรอบ จนพี่ฟิลต้องเข้าโหมดต้องรอด (survival mode) ทำทุกทางเพื่อให้รอดมาได้

แล้วก็เลยพาให้นึกถึงเรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้ ซึ่งเป็นเรื่องที่เจ้าของกิจการต้องทำเรื่องที่หมิ่นเหม่เพื่อให้อยู่รอดเหมือนกัน

เรื่องนี้เกิดขึ้นหลายปีแล้วน่าจะเล่าได้แล้ว

หลายปีขนาดไหน ขนาดที่ว่าคุณทักษิณยังไม่เข้าแวดวงการเมืองนั่นล่ะ (เด็กยุค Gen Z คงงงว่ามีด้วยเหรอวะ ตั้งแต่จำความได้ก็เห็นทักษิณในหมวกนักการเมืองมาตลอด)

ตอนนั้นคุณทักษิณเป็นนักธุรกิจใหญ่และรวยแล้ว เพราะแอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส เข้าตลาดหุ้นแล้ว เปิดศักราชทุนสื่อสารแห่งตลาดหุ้นไทยก่อนที่จะขยับไปสู่การเมืองอีกที

วันนึงพี่นก ไพเราะ หัวหน้าในตอนนั้นสั่งงานให้ไปฟังคุณทักษิณบรรยายพิเศษที่สโมสรตำรวจ ตรงวิภาวดี เผื่อจะได้ประเด็นอะไรมาบ้าง เพราะตอนนั้นคุณทักษิณขยับอะไรก็เป็นข่าว

เราก็ไป คิดว่าคงเป็นเซสชั่นเปิด คงเจอสื่อมวลชนเต็มไปหมด แต่เปล่าเลย พี่นกไปเอาหมายมาได้ไงวะ นอกจากเราก็มีแค่น้องตา ไทยโพสต์ อีกคนเท่านั้นเอง คนอื่นที่มาฟังก็เป็นนายตำรวจกันแทบทั้งหมด ไปถึงก็ขอเข้าฟัง เจ้าหน้าที่ก็อึกอักนิดหน่อย คงไม่รู้จะจัดการยังไง แต่สุดท้ายก็ให้เข้าแต่ขอให้นั่งข้างหลัง ซึ่งไม่มีปัญหา

ตอนคุณทักษิณบรรยายคงไม่มีใครบรีฟก่อนว่ามีนักข่าวมาฟังอยู่ด้วย เพราะคุณทักษิณเล่าไปถึงตอนช่วงเริ่มต้นทำธุรกิจ ที่ยังเป็นชินวัตร คอมพิวเตอร์ฯ (ตอนนี้คือ อินทัช โฮลดิ้งส์ นะฮะ) และยังถือว่าเป็นบริษัทเล็ก ๆ เมื่อเทียบกับเจ้าอื่นในวงการ

คุณทักษิณเล่าว่า ในตอนนั้นต้องเข้าประมูลงานระบบคอมพิวเตอร์ตามหน่วยงานภาครัฐ และหลายแห่งเจอเรียกรับผลประโยชน์แลกกับการได้งาน

ทีนี้จะเอายังไง งานก็อยากได้ เงินก็ไม่มี คุณทักษิณเลยตัดสินใจบินไปฮ่องกงแล้วซื้อนาฬิกาโรเล็กซ์ปลอมกลับมาให้กับคนที่เรียกผลประโยชน์ ซึ่งก็ส่งผลให้ได้งาน

คุณทักษิณเล่าไปก็หัวเราะชอบใจไป คนที่นั่งฟังอยู่ก็หัวเราะชอบใจตามไปด้วย แล้วก็เล่าต่อไปเรื่องอื่น

จนจบการบรรยายตอนนี้คงมีเจ้าหน้าที่บอกให้รู้กันแล้วล่ะว่ามีนักข่าวมาฟังอยู่ด้วย ก็มีนายตำรวจสี่ห้าคนเดินมาหาพี่กับน้องตาที่นั่งอยู่ด้วยกัน

พี่ตำรวจคนนึงถามว่า มาจากไหนกัน? ดูสถานการณ์แล้วใจนี่คิดว่า ถ้าตอบว่า มาจากบางบัวทองนี่น่าจะเป็นคำตอบที่ผิด ก็เลยบอกสังกัดไป พี่เขาฟังแล้วก็บอกว่า เรื่องที่คุณทักษิณเล่าเมื่อกี้บางเรื่องก็ไม่ต้องไปเขียนก็ได้นะ ก็บอกพี่เขาว่าสบายใจได้ นี่สายเศรษฐกิจเรื่องแบบนั้นไม่สนใจหรอก

ที่เล่ามานี่ไม่ได้ตัดสินใครใด ๆ ทั้งสิ้น แค่จะเล่าเป็นตัวอย่างถึงการปากกัดตีนถีบของเจ้าของกิจการที่ต้องดิ้นรนทำทุกอย่างเพื่อพาองค์กรให้รอด ส่วนจะทำแค่ไหนอันนี้ก็แล้วแต่ปัจเจกนะฮะ

เลิฟ เลิฟ ♥️

ออกจากงานแล้วจะทำอะไรดี?

วันก่อนน้องที่เคยอยู่ทีมเดียวกันโพสต์อัปเดตประมาณว่า หลังจากที่ได้ไปเรียนตัดผมชายที่ศูนย์ฝึกวิชาชีพ กทม. มา ตอนนี้เริ่มมาเปิดให้บริการแล้วในวันเสาร์-อาทิตย์และวันหยุด เป็นอาชีพเสริมสร้างรายได้อีกทาง

นี่ก็ชื่นชมน้องเขามากนะ เพราะในสถานการณ์ที่เศรษฐกิจไม่แน่นอน อาชีพการงานก็ไม่แน่นอน อิห่าทรัมป์ก็ยิ่งไม่แน่ไม่นอนแบบนี้ การเตรียมอะไรเป็นทางเลือกทางออกเผื่อไว้สำหรับวันข้างหน้านี่ถือว่ารอบคอบดีมาก

แล้วก็มาคิดถึงตัวเองว่าถ้าปุบปับเกิดอะไรขึ้นมานี่จะทำอะไรดี อายุอานามก็มากแล้ว สติปัญญาอะไรก็ไม่มี ก่อนหน้านี้เคยคิดว่าถ้ามีอะไรนะ กุจะซื้อฮอนด้าเวฟซักคันแล้วเอามาวิ่งแกร็บฟู้ด น่าจะพอมีรายได้ให้อยู่รอดไปได้

แต่พอแกร็บเริ่มเป็นเจ้าตลาด ทีนี้พี่ก็ลดค่าวิ่งไรเดอร์ลง ดูทรงแล้วไปวิ่งแกร็บไม่น่าจะรอด แล้วจะไปทำอะไร

บรรดากูรูเขาก็แนะนำว่าให้ดูว่าเรามีทักษะอะไรที่เอามาใช้หาเงินได้ คิดไปคิดมาก็นี่ล่ะวะ พี่จะรับจ้างพาหมาเดินเล่นเดินออกกำลัง อาศัยประสบการณ์จากที่เคยพาพดด้วงเดินมาสิบกว่าปี (หรือจริง ๆ คือพดด้วงมันลากพี่เดิน) เอามาเป็นโปรไฟล์ได้อยู่

ค่าจ้างพาหมาเดินตัวนึงซักสี่สิบห้าสิบบาท สิบตัวก็สี่ห้าร้อยแล้วนะ ร้อยตัวก็สี่พันนะเว้ย

แล้วถ้าล้านตัวนะ แม่มได้สี่สิบล้านนนนน 😳

รวยไม่รู้เรื่องล่ะมึ้งงงงงงง

แค่นี้ก่อนนะ หมอเรียกไปกินยาแป๊บ 😆🤣

หนังเซอร์ไพรส์

ไม่เคยดูหนังเรื่อง MIDSOMMAR มาก่อน (แล้วก็ไม่เคยรู้เรื่องย่ออะไรใด ๆ ด้วย) เพราะดูหน้าหนังแล้ว คิดว่าเป็นหนังแนวคู่รักวัยรุ่นไปเที่ยวหน้าร้อน สดใส โรแมนติกไรแบบนี้ (ดูภาพประกอบนะครับ)

จนวันก่อนมีเพจหนังมาโพสต์ถามว่ามีหนังเรื่องไหนที่ดูแล้วเซอร์ไพรส์ ไม่เป็นอย่างที่คิดบ้าง มีหลายคอมเมนต์พูดถึงหนังเรื่องนี้ จนกระตุ้นต่อมอยากดูขึ้นมา

ถ้าเป็นเมื่อก่อนก็คงต้องรอว่าเมื่อไหร่ Big Cinema จะเอามาฉาย แต่ตอนนี้พี่มี Netflix มาทดแทนแล้วเว้ย เมื่อคืนลองเปิดเข้าไป มีอยู่ใน Netflix ด้วยก็เลยดูได้เลย

เนื้อเรื่องเป็นยังไงขอไม่เล่าละกัน เดี๋ยวจะสปอยล์คนที่ยังไม่ได้ดู แต่พอดูจบมาคิดต่อแบบนี้

สมมุติพี่ผู้ซึ่งเป็นมนุษย์เจน x ย้อนเวลากลับไปอยู่ในวัยเริ่มทำงาน แล้วเริ่มจีบหญิง มีชวนไปดูหนัง พอดูโปสเตอร์หน้าโรงก็ โอ๊ย หนังคู่รัก ใส ๆ  เธอ ๆ เราดูเรื่องนี้กันมั้ย 😆🤣

ออกจากโรงมานี่ไม่รู้จะทำหน้ายังไงเลย จะบอกว่า ขอโทษนะ เราไม่รู้ว่ามันจะเป็นแบบนี้ งี้เหรอ หญิงจะเชื่อมั้ย หรือเกิดหนักกว่านั้น ฝ่ายหญิงบอกว่า เธอเราชอบมากเลย!! เธอรู้ได้ไงว่าเราชอบแบบนี้ 😳

ถ้ามาแบบนี้เอาไงดีวะ 😅

ภาพหลอนที่งาน Pong Yaeng 2024

งานโป่งแยงปีนี้ส่วนตัวได้ประสบการณ์ใหม่จากการวิ่งเทรล เป็นสิ่งที่เคยได้ยินนักวิ่งคนอื่นพูดถึงแต่ไม่เคยได้สัมผัสกับตัวเองมาก่อน ที่ผ่านมาก็ยังคิดอยู่ว่า มันมีจริงมั้ยวะ?

สิ่งที่ว่านั่นคือ การเห็นภาพหลอน (hallucination) ครับ 😳

เรื่องนี้ได้ยินนักวิ่งพูดถึงมาตั้งแต่เริ่มวิ่งเทรลใหม่ ๆ บางคนเล่าว่า วิ่ง ๆ อยู่มองไปเห็นเป็นคนกวักมือเรียก บ้างก็เห็นเป็นสัตว์ร้ายยืนรออยู่ก็มี หลากหลายรูปแบบแล้วแต่จะเห็นเป็นอะไร แล้วก็เห็นกันไม่เลือกเวลาด้วยนะ มาได้ทั้งกลางวัน กลางคืนอ่ะ เอาสิ

สาเหตุของการเห็นภาพหลอนนี่เชื่อว่าเป็นเพราะการอดนอนนาน ๆ  ประกอบกับร่างกายอ่อนเพลียจากการใช้พลังงานอย่างต่อเนื่อง (แต่ถ้าสายไสยศาสตร์ก็อาจจะเชื่ออีกแบบนะฮะ 😆)

แต่อย่างที่บอก ส่วนตัวยังไม่เคยเจอ ซึ่งก็อาจเป็นเพราะยังอดนอนไม่นานพอ คนที่เจอส่วนมากจะเจอในเรซระยะร้อยไมล์ ที่ต้องอดนอนนานเอาเรื่องอยู่ ที่ผ่านมาตัวเองลงระยะไกลสุดก็ยังแค่ร้อยโล อดนอนยังพอท้วม ๆ ก็เลยยังไม่เคยเห็นภาพหลอนที่ว่า

แต่งานโป่งแยงปีนี้มั่นหน้ามั่นโหนก (ตามคำของแม่พดด้วง) ไปลงระยะร้อยไมล์ เรซสตาร์ตตอนห้าโมงเย็นก็จริง แต่วันนั้นตื่นตั้งแต่ตีห้าแล้วก็ลากยาวไปถึงตอนสตาร์ต ไม่ได้นอนเก็บแรงไว้ก่อนเลย

ในเรซตั้งแต่สตาร์ตมาก็ตามสภาพแหละ วิ่ง ๆ เดิน ๆ มาเรื่อย ๆ จนมาถึงลานกางเต็นต์ดอยปุย (A4) ออกจากซีพีนี้ประมาณบ่ายสองเพื่อไปลานต้นสน (A5) ทางช่วงแรกก็ดาวน์ฮิลชิล ๆ เลย ไม่ได้เทคนิคอลอะไร เดินมั่งจ๊อกมั่งไปได้สักชั่วโมง ฟ้ายังสว่างอยู่เลย มองไปข้างหน้าเห็นแว๊บ ๆ มีหมานั่งอยู่กลางถนน เหมือนเป็นหมาจร เราก็ เอ๊ะ หมามาจากไหน เพราะตลอดทางนี่ถ้าไม่ได้เข้าหมู่บ้านจะไม่เจอหมาเลย จังหวะก้มไปมองทางแล้วเงยขึ้นมาอีกที อ่ะ หายไปแล้ว

ตอนนั้นก็ไม่ได้คิดอะไร ตาฝาดแหละ

เดินไปอีกหน่อยมองไปซ้ายมือข้างหน้ามีผู้หญิงลักษณะเหมือนชาวบ้านยืนอยู่ข้างทางแล้วก็มีผู้ชายมีอายุหน่อยนั่งอยู่ หันหน้ามองมาทางเรา แว๊บแรกที่เห็นคิดว่าเป็นชาวบ้านมาหาของป่าพวกหน่อไม้ เก็บเห็ด อะไรแบบนี้แล้วคงนั่งพัก นั่งจัดข้าวของกันอยู่

เราก็เหมือนเดิม ก้มมองทางเดินแป๊บนึงกะจังหวะว่าพอเข้าใกล้ได้ระยะจะเงยหน้าขึ้นมายิ้มทัก พอเงยขึ้นมา อ้าว ผู้หญิงคนที่ว่ารูปร่างเปลี่ยนไปแล้ว ยังยืนอยู่แหละ แต่รูปร่างเปลี่ยนไปเหมือนคนละคน ส่วนผู้ชายที่นั่งอยู่ก็ยังอยู่มองมาทางเราเหมือนเดิม จังหวะนี้ก็เริ่มเอ๊ะแล้ว กุยังไงเนี่ย เลยตั้งใจมองไปตลอดที่เดินเข้าใกล้ไปทีละก้าว ๆ

ระหว่างที่เดินเข้าไปก็ยังเห็นสองคนนี่อยู่ตลอด แต่พอกะพริบตาปึ้บ หายไปต่อหน้าต่อตาเลย กลายเป็นผนังดินริมถนนว่าง ๆ

เจอแบบนี้เลยหันไปบอกน้องนักวิ่งสองคนที่เดินตามมาห่าง ๆ ว่า พี่เห็นภาพหลอนว่ะ น้องตอบกลับมาว่า งั้นพี่คงอดนอนถึงจุดแล้ว พี่น่าจะต้องนอนแล้วล่ะ

ตอนแรกก็ไม่ได้คิดประเด็นนี้ เพราะเห็นว่าสตาร์ตห้าโมงเย็นเมื่อวาน ตอนนั้นเพิ่งบ่ายสามบ่ายสี่ ยังไม่ ๒๔ ชั่วโมงเลย มานึกได้หลังจากนั้นว่าถ้ารวมเวลาตั้งแต่ตื่นนอนจนถึงสตาร์ตเข้าไปด้วย รวมกันมันสามสิบกว่าชั่วโมงแล้ว

หลังจากจุดนี้ก็ยังดีที่ไม่เห็นอะไรมาอีกพักใหญ่ จนดาวน์ฮิลลงไปสุดแล้วทางหักกลับเป็นขาขึ้น ระหว่างทางมีต้นกล้วยขึ้นทางทางเป็นระยะ ตอนนี้เดินอยู่คนเดียวล่ะ เดินไปก็ดีใจเป็นพัก ๆ เพราะมองไปเห็นหลังคาเต็นต์เช็คเวลาที่เป็นจุดซีพี แต่พอเดินเข้าไปใกล้ อ้าว กลายเป็นใบกล้วย ยังไม่ใช่ซีพี เป็นอย่างนี้อยู่สี่ห้าครั้ง 

ที่จำได้แม่น มีอยู่ครั้งนึงเงยหน้ามองขึ้นไปเห็นเต็นต์ตั้งอยู่ตรงหน้ากลางทางเลยนะ ไม่ใช่ข้างทางเหมือนที่ผ่านมา คิดว่า อันนี้แม่งต้องใช่แล้วล่ะ แต่พอละสายตาก้มมามองทางแป๊บเดียว เงยหน้ามองไปใหม่ หายไปอีกแล้ว

จนไปถึงซีพีลานต้นสน ได้นอนพักสิบห้านาที ไม่ค่อยหลับหรอกแต่เหมือนดีขึ้น เพราะหลังจากนั้นก็ไม่มีอะไรโผล่มาให้เห็นอีกนะ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะมันมืดแล้วก็เลยมองอยู่แค่แสงไฟเฮดแลมป์ไม่กี่เมตรข้างหน้า ไม่ได้มองข้างทางไปไหนเลยหรือเปล่า

วันนั้นทุกครั้งที่เห็นภาพหลอนที่ว่าไม่ได้กลัวเลยนะ เพราะไม่คิดว่าเป็นสิ่งเหนือธรรมชาติอะไร แล้วก็ยังดีที่ภาพหลอนที่เกิดขึ้นเป็นภาพนิ่ง ๆ ไม่ได้มามีปฏิสัมพันธ์อะไรกับเรา ถ้ามีโบกมือหรือเดินเข้ามาหาด้วยนี่ก็ไม่รู้เหมือนกันนะว่าจะยังไง ฮ่า 😆🤣

ภาพประทับใจจากงาน Jungle-Trail KhaoEto 2024

Jungle-Trail KhaoEto A5

ทุกภาพถ่ายล้วนมีเรื่องราว

งานวิ่งล่าสุดที่ไปมาถ้าให้เลือกภาพที่บอกความรู้สึกได้ดีที่สุดเพียงภาพเดียวต้องเป็นภาพนี้

ภาพนี้ช่างภาพถ่ายที่ซีพี A5 (๖๘ กิโลเมตร) จังหวะเพิ่งเข้ามาถึงแล้วเดินไปนั่งหมดแรงตรงเก้าอี้บริเวณหน้าทีมพยาบาล นั่งอยู่ท่านี้สักพักนึงเลย เหนื่อยมาก

ระหว่างที่นั่งก็คิดไปด้วยว่า นี่เพิ่งผ่านอิเขาซี่หวีมาได้ลูกเดียว แถมเป็นลูกเล็กสุด เกนประมาณสองร้อยเมตร ชันจนหน้าแหงน แล้วยังต้องเจออีกสองลูกที่เกนเกือบ ๆ สามร้อย แค่คิดเข่าก็ท้อแล้วมั้ย

แต่ยังดีที่ตุนเวลาไว้เยอะ เข้า A5 มาตอนทุ่มครึ่ง โดยที่คัตออฟตีหนึ่ง คิดในใจว่างานนี้เวลาไม่ใช่ปัญหาล่ะ กุจบแน่ ๆ ขอแค่พาตัวเองไปถึงเส้นชัยให้ได้ พอสรุปแบบนี้เลยตัดสินใจ นอน!!

วิ่งเทรลมาก็หลายปีไม่เคยนอนในเรซซักที งานนี้งานแรก ตั้งใจว่าจะได้พักขาขวาที่เริ่มมีอาการตึงที่พับในให้ดีขึ้นหน่อย บอกพี่พยาบาลว่าอีกครึ่งชั่วโมงถ้าผมไม่ตื่นช่วยเรียกด้วย ปรากฏว่าพยายามนอนสักพักแล้วยังไม่หลับก็เลยลุกมาก่อน

เดินมาเติมน้ำเตรียมออกไปต่อ เจอน้ำตาลสดแช่เย็น เลยหยิบมากินขวดนึง ชื่นใจมาก นั่งต่ออีกสักพักแล้ว ฮึบ ไปต่อ

สรุปออกจาก A5 มาตอนสองทุ่มสี่สิบห้า ใช้เวลาในซีพีนี้ไปชั่วโมงสิบห้านาทีเลยนะ

อ้อ ก่อนออกเดินไปให้พี่พยาบาลฉีดสเปรย์ พี่ฉีดไปพูดไปว่า ทำไมขาเล็กอย่างนี้!! 😆😂

เจอนักวิ่งเทรลไต้หวันที่ชอบมาวิ่งเมืองไทย

เขาอีโต้

ไปงานวิ่งครั้งนี้เจอนักวิ่งไต้หวัน อยู่ไต้หวันแต่ชอบมาวิ่งเทรลประเทศไทย นั่งเครื่องมาวิ่ง วิ่งเสร็จนั่งเครื่องกลับ ไม่เที่ยวที่ไหนต่อด้วย

นั่งคุยกันพักใหญ่คุณพี่บอกที่เคยไปก็ utcm utcr และงานเทรลที่กระบี่ เอาแค่ปีนี้แกมา cm5 / lampang65 / เขาอีโต้ 100 แล้วเดือนหน้าไปโป่งแยง 100 ต่อด้วย cuesta 100 เดือนถัดไป

ทั้งหมดที่ว่ามานี่ลงระยะร้อยโล ยกเว้นงานลำปางที่แกลงแค่ 65 โลด้วยเหตุผลว่า งานเพิ่งจัดปีแรกยังไม่รู้ว่าเป็นยังไง ขอไปแค่นี้ก่อน

บอกแกว่าโป่งแยงปีนี้มีร้อยไมล์ด้วยนะ ยังสมัครได้ ยูไปเพิ่มระยะสิ แกส่ายหน้าบอกอายุเยอะแล้วเอาแค่ร้อยโลก็พอ (ดูทรงแล้วอายุน่าจะ 55 บวกลบ)

แกเล่าว่านอกจากที่ไทยแกไปวิ่งมาเลเซีย เวียดนาม ลาว มาแล้ว สรุปว่า งานเทรลที่ไทยนี่ดีสุด ทั้งสภาพภูมิประเทศและการจัดการ การซัพพอร์ตที่ซีพี

ฟังแบบนี้ก็ชวนให้คิดว่าประเทศไทยนี่ไหน ๆ ก็ตั้งเป้าจะเป็นฮับออฟเอฟวรีติงจิงกะเบลทั้งหลายแล้ว เราอาจจะต่อยอดการท่องเที่ยวด้วยการเป็นฮับออฟเทรลรันนิ่งอีกอันด้วยได้มั้ยนะ? 

วันเสาร์ ๒๔ สิงหาคม ๒๕๖๗ ทำอะไร

ตื่นตีสี่ ออกจากบ้านตีห้า ขับรถไปร้อยกว่าโล วิ่ง ๆ เดิน ๆ จริง ๆ เดินซะมากกว่า ทรมานร่างกาย รีดไขมัน (เอ็งมีด้วยเหรอ?) อยู่ห้าชั่วโมง 

อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ขับรถมากินก๋วยเตี๋ยวเรือในห้างละแวกบ้าน (ห้างที่กำลังเป็นไวรอลอยู่ตอนนี้นั่นแหละ) กลับถึงบ้านห้าโมงเย็น

โคตรเหนื่อยแต่มีความสุขมากจ้ะ เลิฟ เลิฟ ❤️

น้ำตกสลัดไดสี่ยอด
วิ่งเส้นน้ำตกสลัดไดได้สี่ยอด
เห็ดแชมเปญที่น้ำตกสลัดได
เห็ดแชมเปญที่น้ำตกสลัดได
น้ำตกสลัดได น้ำใสมาก
น้ำใสและเย็นมาก

ก๋วยเตี๋ยวเรือนแพ ซอยสวนผัก ๕๐

พาแม่พดด้วงไปกินมื้อกลางวันเป็นร้านก๋วยเตี๋ยวริมคลองเล็ก ๆ ร้านนี้น้องในทีมเคยพามาเมื่อซักสิบปีที่แล้ว หลังจากนั้นเคยเห็นออกรายการตลาดสดสนามเป้า แต่ก็ไม่รู้เลยว่าเจอโควิดเข้าไปแล้วเป็นยังไงบ้าง วันนี้นึกขึ้นได้ก็เลยลองเปิดกูเกิลแมปดู เออ ยังอยู่เว้ย ก็เลยลองมาดู

ที่ร้านนี้แต่ละโต๊ะจะมีวิธีเรียกพนักงานแตกต่างกันไป บางโต๊ะใช้ตีกลอง บางโต๊ะเขย่าเซียมซี อีกโต๊ะเคาะขวด ส่วนโต๊ะที่พี่นั่งใช้บีบไก่

บีบทีก็ร้องโอ้ก อ้าก โอ้ก อ้าก เป็นที่สนุกสนาน โต๊ะใกล้ ๆ มีหันมายิ้มให้

เจ้าของร้านยังมีลูกเล่นอื่นอีก อย่างตอนมารับออเดอร์โต๊ะข้าง ๆ ไม่รู้ว่าเขาสั่งเครื่องดื่มอะไร แต่เจ้าของร้านพูดทวนเสียงดังว่า น้ำปาล์มมี่นะ เราได้ยินก็งง น้ำอะไรของมึง น้ำปาล์มมี่

เหมือนเจ้าของจะรู้ เพราะเจ้าตัวรีบพูดต่อมาว่า น้ำปาล์มมี่ ชาดำ ชาดำ!!

แหม่ นะ ลูกเล่นแพรวพราวแบบนี้ท่าจะเมียหลายคน 😆🤣