เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (๒๔ ตุลาคม ๒๕๕๙) ไปหาหมอจับเส้น (คุณภรรยาไปเจอที่งาน BIG ทดลองแล้วรู้สึกว่าของจริงเลยไปหาข้อมูลจนมั่นใจแล้วก็เลยมา รายละเอียดเอาไว้เล่าอีกที) ที่อยากจะเล่าคือ ระหว่างที่นั่งรอก็มีคนไข้ทยอยมาเรื่อย ๆ มีคนนึงนั่งรถเข็นมา เป็นผู้หญิง อายุน่าจะสามสิบต้น ๆ ผิวพรรณดี
ระหว่างที่นั่งรอ คนไข้คนนี้กับคนอื่นก็นั่งคุยกันไป เรื่องในหลวงบ้าง เรื่องทั่ว ๆ ไปบ้าง เราไม่ได้อยากร่วมวงสนทนาก็นั่งอ่านอะไรไปเงียบ ๆ แต่สถานที่มันแคบ แล้วก็คุยกันอยู่ตรงหน้าเรานี่เองก็เลยได้ยินชัด
สักพักมีคนถามว่า นี่เป็นอะไร? เขาตอบว่า เป็นอัมพาต ช่วงล่างไม่มีความรู้สึก เราได้ยินแล้วก็รู้สึกเหมือนมีก้อนอะไรขึ้นมาในคอ ไม่กล้าเงยขึ้นมาดูเขา กลัวทำหน้าไม่ถูก แต่เขาก็เล่าต่อว่า แต่ก่อนก็ดี ๆ ทำงานได้ปกติ แต่อยู่มาวันนึงมันเหมือนไม่มีช่วงล่างเลย ไม่มีความรู้สึกอะไร หลังจากไปหาหมอแล้วสรุปว่า เส้นเลือดแตกแล้วเลือดไหลเข้าไปในกระดูกสันหลังหรือไขสันหลังนี่แหละ แล้วลิ่มเลือดไปขวางการทำงานของอะไรซักอย่าง จบด้วยการเป็นอัมพาต
แล้วเขาเล่าว่า ทุกวันนี้ช่วงขาเขาเป็นแผลเยอะเลย เพราะบางทีโดนน้ำร้อนลวกแล้วไม่รู้สึก มาเห็นอีกที อ้าว เป็นแผลพุพองไปแล้ว ก็ต้องมารักษาแผลน้ำร้อนลวกเพิ่ม
ตอนนี้เขาออกจากงานเพราะทำงานไม่ได้ ต้องทำกายภาพบำบัดทุกวัน แต่ขาก็ยังขยับไม่ได้ ยังดีที่ความรู้สึกพอจะได้บ้างแล้วถ้าโดนตีหรือโดนกระแทกแรง ๆ
ตลอดเวลาที่เขาเล่าเรื่องนี้ ไม่ได้แสดงอาการโศกเศร้ากับชีวิตหรือน้อยใจในโชคชะตาของตัวเอง น้ำเสียงเหมือนบอกเล่าเรื่องราวในชีวิตประจำวันทั่วไป คิดว่าเขาคงผ่านจุดแห่งความเสียใจมาแล้ว
ที่เล่ามานี่ไม่ใช่อะไร ส่วนตัวคิดว่า ชีวิตคนเรามันไม่แน่นอนจริง ๆ ทำงานอยู่ดี ๆ ใครจะคิดว่าจะเป็นอัมพาตช่วงล่าง เดินไม่ได้ กลายเป็นภาระคนอื่น ต้องออกจากงาน แล้วมานั่งรักษาตัว นึกถึงตัวเองที่ร่างกายยังดี แขนขายังอยู่ครบก็พยายามใช้ชีวิตด้วยความไม่ประมาท กินอาหารให้ครบห้าหมู่ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ พักผ่อนให้เพียงพอ ทำจิตใจให้สงบนะฮะ
สวัสดี