งานโป่งแยงปีนี้ส่วนตัวได้ประสบการณ์ใหม่จากการวิ่งเทรล เป็นสิ่งที่เคยได้ยินนักวิ่งคนอื่นพูดถึงแต่ไม่เคยได้สัมผัสกับตัวเองมาก่อน ที่ผ่านมาก็ยังคิดอยู่ว่า มันมีจริงมั้ยวะ?
สิ่งที่ว่านั่นคือ การเห็นภาพหลอน (hallucination) ครับ 😳
เรื่องนี้ได้ยินนักวิ่งพูดถึงมาตั้งแต่เริ่มวิ่งเทรลใหม่ ๆ บางคนเล่าว่า วิ่ง ๆ อยู่มองไปเห็นเป็นคนกวักมือเรียก บ้างก็เห็นเป็นสัตว์ร้ายยืนรออยู่ก็มี หลากหลายรูปแบบแล้วแต่จะเห็นเป็นอะไร แล้วก็เห็นกันไม่เลือกเวลาด้วยนะ มาได้ทั้งกลางวัน กลางคืนอ่ะ เอาสิ
สาเหตุของการเห็นภาพหลอนนี่เชื่อว่าเป็นเพราะการอดนอนนาน ๆ ประกอบกับร่างกายอ่อนเพลียจากการใช้พลังงานอย่างต่อเนื่อง (แต่ถ้าสายไสยศาสตร์ก็อาจจะเชื่ออีกแบบนะฮะ 😆)
แต่อย่างที่บอก ส่วนตัวยังไม่เคยเจอ ซึ่งก็อาจเป็นเพราะยังอดนอนไม่นานพอ คนที่เจอส่วนมากจะเจอในเรซระยะร้อยไมล์ ที่ต้องอดนอนนานเอาเรื่องอยู่ ที่ผ่านมาตัวเองลงระยะไกลสุดก็ยังแค่ร้อยโล อดนอนยังพอท้วม ๆ ก็เลยยังไม่เคยเห็นภาพหลอนที่ว่า
แต่งานโป่งแยงปีนี้มั่นหน้ามั่นโหนก (ตามคำของแม่พดด้วง) ไปลงระยะร้อยไมล์ เรซสตาร์ตตอนห้าโมงเย็นก็จริง แต่วันนั้นตื่นตั้งแต่ตีห้าแล้วก็ลากยาวไปถึงตอนสตาร์ต ไม่ได้นอนเก็บแรงไว้ก่อนเลย
ในเรซตั้งแต่สตาร์ตมาก็ตามสภาพแหละ วิ่ง ๆ เดิน ๆ มาเรื่อย ๆ จนมาถึงลานกางเต็นต์ดอยปุย (A4) ออกจากซีพีนี้ประมาณบ่ายสองเพื่อไปลานต้นสน (A5) ทางช่วงแรกก็ดาวน์ฮิลชิล ๆ เลย ไม่ได้เทคนิคอลอะไร เดินมั่งจ๊อกมั่งไปได้สักชั่วโมง ฟ้ายังสว่างอยู่เลย มองไปข้างหน้าเห็นแว๊บ ๆ มีหมานั่งอยู่กลางถนน เหมือนเป็นหมาจร เราก็ เอ๊ะ หมามาจากไหน เพราะตลอดทางนี่ถ้าไม่ได้เข้าหมู่บ้านจะไม่เจอหมาเลย จังหวะก้มไปมองทางแล้วเงยขึ้นมาอีกที อ่ะ หายไปแล้ว
ตอนนั้นก็ไม่ได้คิดอะไร ตาฝาดแหละ
เดินไปอีกหน่อยมองไปซ้ายมือข้างหน้ามีผู้หญิงลักษณะเหมือนชาวบ้านยืนอยู่ข้างทางแล้วก็มีผู้ชายมีอายุหน่อยนั่งอยู่ หันหน้ามองมาทางเรา แว๊บแรกที่เห็นคิดว่าเป็นชาวบ้านมาหาของป่าพวกหน่อไม้ เก็บเห็ด อะไรแบบนี้แล้วคงนั่งพัก นั่งจัดข้าวของกันอยู่
เราก็เหมือนเดิม ก้มมองทางเดินแป๊บนึงกะจังหวะว่าพอเข้าใกล้ได้ระยะจะเงยหน้าขึ้นมายิ้มทัก พอเงยขึ้นมา อ้าว ผู้หญิงคนที่ว่ารูปร่างเปลี่ยนไปแล้ว ยังยืนอยู่แหละ แต่รูปร่างเปลี่ยนไปเหมือนคนละคน ส่วนผู้ชายที่นั่งอยู่ก็ยังอยู่มองมาทางเราเหมือนเดิม จังหวะนี้ก็เริ่มเอ๊ะแล้ว กุยังไงเนี่ย เลยตั้งใจมองไปตลอดที่เดินเข้าใกล้ไปทีละก้าว ๆ
ระหว่างที่เดินเข้าไปก็ยังเห็นสองคนนี่อยู่ตลอด แต่พอกะพริบตาปึ้บ หายไปต่อหน้าต่อตาเลย กลายเป็นผนังดินริมถนนว่าง ๆ
เจอแบบนี้เลยหันไปบอกน้องนักวิ่งสองคนที่เดินตามมาห่าง ๆ ว่า พี่เห็นภาพหลอนว่ะ น้องตอบกลับมาว่า งั้นพี่คงอดนอนถึงจุดแล้ว พี่น่าจะต้องนอนแล้วล่ะ
ตอนแรกก็ไม่ได้คิดประเด็นนี้ เพราะเห็นว่าสตาร์ตห้าโมงเย็นเมื่อวาน ตอนนั้นเพิ่งบ่ายสามบ่ายสี่ ยังไม่ ๒๔ ชั่วโมงเลย มานึกได้หลังจากนั้นว่าถ้ารวมเวลาตั้งแต่ตื่นนอนจนถึงสตาร์ตเข้าไปด้วย รวมกันมันสามสิบกว่าชั่วโมงแล้ว
หลังจากจุดนี้ก็ยังดีที่ไม่เห็นอะไรมาอีกพักใหญ่ จนดาวน์ฮิลลงไปสุดแล้วทางหักกลับเป็นขาขึ้น ระหว่างทางมีต้นกล้วยขึ้นทางทางเป็นระยะ ตอนนี้เดินอยู่คนเดียวล่ะ เดินไปก็ดีใจเป็นพัก ๆ เพราะมองไปเห็นหลังคาเต็นต์เช็คเวลาที่เป็นจุดซีพี แต่พอเดินเข้าไปใกล้ อ้าว กลายเป็นใบกล้วย ยังไม่ใช่ซีพี เป็นอย่างนี้อยู่สี่ห้าครั้ง
ที่จำได้แม่น มีอยู่ครั้งนึงเงยหน้ามองขึ้นไปเห็นเต็นต์ตั้งอยู่ตรงหน้ากลางทางเลยนะ ไม่ใช่ข้างทางเหมือนที่ผ่านมา คิดว่า อันนี้แม่งต้องใช่แล้วล่ะ แต่พอละสายตาก้มมามองทางแป๊บเดียว เงยหน้ามองไปใหม่ หายไปอีกแล้ว
จนไปถึงซีพีลานต้นสน ได้นอนพักสิบห้านาที ไม่ค่อยหลับหรอกแต่เหมือนดีขึ้น เพราะหลังจากนั้นก็ไม่มีอะไรโผล่มาให้เห็นอีกนะ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะมันมืดแล้วก็เลยมองอยู่แค่แสงไฟเฮดแลมป์ไม่กี่เมตรข้างหน้า ไม่ได้มองข้างทางไปไหนเลยหรือเปล่า
วันนั้นทุกครั้งที่เห็นภาพหลอนที่ว่าไม่ได้กลัวเลยนะ เพราะไม่คิดว่าเป็นสิ่งเหนือธรรมชาติอะไร แล้วก็ยังดีที่ภาพหลอนที่เกิดขึ้นเป็นภาพนิ่ง ๆ ไม่ได้มามีปฏิสัมพันธ์อะไรกับเรา ถ้ามีโบกมือหรือเดินเข้ามาหาด้วยนี่ก็ไม่รู้เหมือนกันนะว่าจะยังไง ฮ่า 😆🤣






