วิ่งสี่สวนงาน ttb parkrun 2025

ttb parkrun 2025

เช้านี้ไปวิ่งงาน ttb parkrun ถือเป็นโอกาสดีเพราะได้วิ่งรวดเดียวสี่สวน สตาร์ตที่สวนสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ ต่อไปสวนจากภูผาสู่มหานที ข้ามไปสวนจตุจักรแล้วมาจบที่สวนรถไฟ

ก่อนสตาร์ตก็กังวลนิดหน่อยเพราะดูเส้นทางช่วงแรกวกวนเอาเรื่องอยู่ บวกกับไม่เคยมาวิ่งสองสวนแรก กลัวหลุดเส้นทาง เดี๋ยวคนจะนึกว่าวาร์ป 😂

แต่ต้องชมผู้จัดงาน จัดการเส้นทางดีมาก มีป้ายบอกทางชัดเจน ถึงทางแยก เส้นไหนไปไม่ได้จะมีกรวยกั้น พร้อมมีเจ้าหน้าที่ประจำจุดคอยบอกทาง วิ่งได้สบาย ไม่ต้องกลัวผิดทางเลย

งานวันนี้นักวิ่งเยอะมาก แถมพอเข้าสวนรถไฟแล้วก็มีนักวิ่งที่มาวิ่งออกกำลังกายอีก ทำความเร็วได้ไม่เท่าไหร่ แล้วดูเวลา นี่ขนาดวิ่งดึง ๆ แล้วนะ

ดึงสปีดเหรอ?

เปล่า ดึงยาดม สภาพร่างช่วงนี้วิ่งระยะนี้ต้องดึงยาดมเป็นพัก ๆ แล้ววววว 😆🤣

บันทึกงาน Run for the Wild 2025 วังรี นครนายก

(ยาวมาก เตือนไว้ก่อน)

ปกติจะใช้งานเทรลแรกของปีเป็นการเช็กสภาพร่างกายว่าที่ซ้อมมาเป็นยังไงบ้างก่อนจะถึงงานใหญ่ที่ตัังใจไว้ โดยสองปีที่ผ่านมาใช้งานเขาประทับช้าง 50k ด้วยเหตุผลว่า ใกล้กรุงเทพฯ เดินทางสะดวก สภาพสนามมีทัังเขา ทางราบ มีช่วงเจอแดดปิ้งย่าง

มาปีนี้ตอนกำลังจะสมัครเขาประทับช้าง พอดี facebook ขึ้นฟีดมาเป็นงาน Run for the Wild ซึ่งไม่เคยมาวิ่ง แต่มีภาพจำว่างานไม่ยาก ดูคลิปใน youtube ของนักวิ่งที่มางานปีที่แล้วก็ดูเป็นทางราบ มีช่วงขึ้นเขาสักสองสามช่วงมั้ง

แต่ปีนี้เห็นข้อมูลบอกว่าระยะ 50k มีเกนประมาณ 1,800 เมตร ก็เลยสนใจ อยากเพิ่มความท้าทายให้ตัวเองหน่อย เพราะงานเขาประทับช้างเกนสัก 900 ได้ นี่เพิ่มมาเท่าตัว ก็เลยตัดสินใจสมัครงานนี้แทน

Run for the Wild 2025 map

ประมาณสักเดือนนึงก่อนวันจัดงานไปซ้อมก๊อกแก๊กตามปกติแล้วเกิดเจ็บเท้าขวาด้านนอก หลายวันก็ยังไม่หาย ตัดสินใจไปหาหมอ สรุปว่ากล้ามเนื้ออะไรสักอย่างอักเสบ จากการที่ไปขาพลิกที่งานโป่งแยงครั้งล่าสุด กลับบ้านมาบวมตุ่ย บวกกับกล้ามเนื้ออะไรอีกสักอย่างที่ขาด้านนอกตึง ก็เลยไปดึงไอ้ตรงที่อักเสบนั่นแหละ

หมอช็อกเวฟให้สองหนกับบอกให้มาทำบอดี้เวตที่บ้านด้วยอีกทาง จนดูเหมือนจะเริ่มดีขึ้น กลับไปซ้อมได้ ซ้อมครั้งแรกไม่เป็นไร แต่ซ้อมครั้งต่อไปวิ่ง ๆ อยู่ไม่รู้ลงเท้าอิท่าไหน แม่มแปล๊บขึ้นมาอีก ต้องหยุดซ้อมเลยทีนี้ เหลืออีกแค่ห้าวันจะถึงวันงาน ตัดสินใจว่ารอไปหาหมอทีเดียวหลังจบงานเลยแล้วกัน

ตั้งใจว่างานนี้เอาแค่ประคองตัวไป ได้แค่ไหนเอาแค่นั้น อย่าเจ็บเพิ่มก็พอ

สองวันก่อนแข่งผู้จัดงานปล่อยแผนที่ไฟล์ GPX ให้โหลด เออ ผู้จัดตัดระยะออกไปสี่โล จาก 48 เหลือระยะจริง ๆ ประมาณ 44 โล ดูกราฟแล้วก็ไม่มีอะไรน่ากังวล เขาแต่ละลูกเกนร้อยกว่า สองร้อย จะมีก็แค่ลูกสุดท้ายที่สูงหน่อย

จนมาเห็นในเฟซส่วนตัวของ RD โพสต์ว่า เขาลูกสุดท้ายนี่ขึ้นสองโลแปด เกน 843 เมตร เฉลี่ยความชัน 23% ส่วนขาลง 3.5 โล เกน 865 เมตร เฉลี่ยความชัน 19%

เดี๋ยวนะ!! 😳

เกนแปดร้อยกว่านี่คิดคร่าว ๆ ก็ใกล้ ๆ กับจากศูนย์ประชุมที่เชียงใหม่ขึ้นไปขุนช่างเคี่ยน แต่อันนั้นมันระยะสิบโล แต่นี่แค่สองโลแปด นี่มันต้องชันเบอร์ไหน?

Run for the Wild 2025 all gear

วันงาน ระยะ 50k ปล่อยตัวตีสี่ครึ่ง วิ่งออกมาก็ลุ้นว่าสภาพสนามจะเละมั้ย เพราะช่วงเย็นวันก่อนหน้าฝนตกหนักมาก วิ่งถนนดำมาได้พักนึงเลี้ยวเข้าทางเทรล สักพักงัดขึ้นเขาลูกแรก เท่านั้นแหละ อห

เขาลูกแรกนี่ลูกเดียวกับลูกสุดท้ายที่ต้องเจอก่อนเข้าเส้นชัย แต่รอบแรกนี่เกนแค่สองร้อยกว่าก็หอบแล้ว แล้วรอบหลังที่เกนแปดร้อยกว่าตามที่ RD ว่า จะขนาดไหนเนี่ย

ลงจากเขาลูกแรกเจอ ws (water station) น้ำยังมีอยู่เลยยังไม่แวะเติมให้เสียเวลา วิ่งทางราบไปอีกนิดแล้วขึ้นเขาลูกที่สอง ตรงนี้เส้นทางมาทับกับระยะ 30k ล่ะ ขึ้นเขามาได้ไม่ไกลเจอรถติดยาวเหยียด เพราะทางเป็น single track แซงกันลำบาก

ติดอยู่พักนึงดูทรงแล้วยาวแน่ ๆ เลยสะกิดบอกนักวิ่งญี่ปุ่นระยะเดียวกันที่อยู่ข้างหน้าบอก you follow me แล้วอาศัยมธุรสวาจาเอ่ยปากขอทาง ขออนุญาตระยะ 50 แซงหน่อยนะครับ ขอบคุณครับ แบบนี้มาเป็นระยะ จนหลุดมาได้ แต่รวม ๆ แล้วเสียเวลาไปน่าจะเกินครึ่งชั่วโมงได้

เข้าซีพี A1 เติมน้ำเสร็จไปต่อ A2 วิ่งอยู่ในป่าพักนึงโผล่มาริมอ่างเก็บน้ำ เดินเหยียบดินเละ ๆ ฝ่าดงไมยราบยักษ์เกือบรอบอ่างเก็บน้ำมาขึ้นถนนดำขึ้นเนินไปถึง A2

ออกจาก A2 ขึ้นเขาฝาละมี ทางเป็น single track ชัน ๆ หลายช่วงชันหน้าแหงน มาถึงตรงนี้แรงขาอย่างเดียวเอาไม่อยู่แล้ว ต้องใช้โพลจ้วงพ่วงทั้งแรงขาแรงแขนพาตัวเองขยับไปข้างหน้าทีละก้าว

พ้นไปเนินนึงนึกว่าจะหมดกลับไปเจออีกเนินรออยู่แบบนี้ ขนาดไปเจอพี่เจ้าหน้าที่ที่มาคอยดูแล บอกว่าความชันหมดตรงที่แกอยู่ ไอ้เราก็ดีใจ ที่ไหนได้ มันแค่เนินนั้น ยังมีเนินอื่นต่ออีก

ตรงจุดนี้เจอหมาไซบีเรียนมากับน้องนักวิ่งผู้หญิงระยะ 50k ปกตินี่ต้องหยิบโทรศัพท์มาถ่ายรูปหมาหน่อยล่ะ แต่ตอนนี้ไม่เอาเลย เหนื่อยมาก มาได้ยินนักวิ่งคุยกันที่ซีพีเหมือนน้องหมาจะชื่อคอปเปอร์ หรือคูเปอร์ นี่แหละ

ลงเขามา 10:20 น. ถึง A3 อยู่ริมถนน นักวิ่งหลายคนตัดสินใจ dnf ที่นี่ เพราะระยะ 30k ไม่น่าไป A4 ทันคัตออฟแล้ว ส่วนระยะ 50k บางคนก็ไม่ไปต่อเหมือนกัน

จาก A3 ไป A4 เป็นถนนดำปิ้งย่างล้วน ๆ จังหวะนึงทางตัดเข้าชุมชนเล็ก ๆ มีเสียงเพลง knockin’ on heaven’s door ลอยมา ตอนแรกไม่แน่ใจ นึกว่าเหนื่อยจนหูหลอน แต่ฟังดี ๆ เฮ้ย มีบ้านนึงเปิดจริง ๆ นี่หว่า เวอร์ชั่น Guns N’ Roses ด้วยนะ ช่วยกระตุ้นให้คึกขึ้นมาได้นิดนึง

เข้า A4 11:20 น คัตออฟเที่ยงครึ่ง กินข้าวเติมน้ำ หยิบปลอกแขนออกมาใส่ เตรียมใจเลยว่าจากเดิมที่คิดว่าเวลาเหลือ ๆ กลายเป็นหลังจากนี้ต้องลุ้นทุกคัตออฟแน่ ๆ

Run for the Wild 2025 A4 food

ออกจาก A4 แดดเปรี้ยงเลย วนรอบอ่างเก็บน้ำห้วยปรือ จำได้ว่าช่วงนี้จะมีจุดลงน้ำ ที่ตอนบรีฟ RD บอกว่าน้ำเท่าเอว พอไปถึงจุดลงน้ำของจริง โด่ แค่หน้าแข้ง ไม่ถึงเอว หลอกนี่หว่า

ที่ไหนได้ ไปเจออีกจุดตรงน้ำตก ก้าวลงไป แม่ง บุ๋มมม เกือบเอวจริงเว้ย RD เขาพูดจริงทำจริง แถมพอโผล่มาเจออ่างเก็บน้ำทรายทอง ยังต้องลงน้ำอีกเป็นระยะ โดยเฉพาะจุดสุดท้ายก่อนที่จะไต่มาขึ้นตลิ่งนี่เกือบต้นขา

เอาจริง ระหว่างทางนี่เดินถอดใจมาแล้วนะ เพราะคำนวณระยะทางกับเพซแล้วไม่น่าจะทันคัตออฟหน้า กะว่าจะ dnf ที่ A5 นี่แหละ

เข้ามาถึง A5 ยังไม่ทันแจ้งว่าจะขอ dnf กำลังนั่งกินน้ำอยู่ มีพี่เจ้าหน้าที่ผู้ชายใส่แว่นเอาน้ำเย็นผสมน้ำแข็งมาราดหัว ราดตัว แล้วก็ราดที่ตูด!! เฮ้ย ไม่ใช่ ราดหัว ราดตัวแล้วเปิดเสื้อเทใส่เข้าไปเต็มหลัง

เฮ้ย แม่งฟื้น

Run for the Wild 2025 A5 station

ระยะทางจาก A5 ไป ws ที่เป็นจุดคัตออฟสี่โล ตอนนัันเหลือเวลา 40 นาที เจ้าหน้าที่บอกว่าเป็นถนนดำไปเกือบกิโลที่เหลือเป็นทางเข้าป่า คิดในใจว่าถ้าสภาพเส้นทางเป็นอย่างที่ผ่านมาไม่ทันแน่ ๆ แต่ก็ไปเหอะ ได้แค่ไหนก็แค่นั้น

ออกจาก A5 มาถึงจุดที่เลี้ยวเข้าทางเทรลเห็นป้ายบอกว่า ระยะ 7k ก็ใช้เส้นทางนี้ด้วย ใจชื้นเลย แปลว่ามันไม่น่ายาก เลยจ๊อกสลับเดินมาเรื่อย ๆ เช็กเวลามาด้วยตลอด จนเหลืออีกโลนึงเจอน้องนักวิ่งผู้หญิงใส่ชุดดำกำลังเดินอยู่ บอกน้องว่า มาเร็ว ยังทัน เหลืออีกโลนึง มี 11 นาที น้องเลยกวดตามมาอีกคน

มาถึง ws จุดคัตออฟก่อนเวลาหกนาที น้องสตาฟเตือนว่าเขาลูกนี้ควรมีน้ำไม่ต่ำกว่าสามขวด แล้วยังช่วยเติมน้ำให้ เสร็จแล้วรีบเดินออกมา สักพักเริ่มงัดขึ้นเขา

บอกเลยเหนื่อยหมดหลอด ขึ้นเขาลูกนี้ไม่ดูระยะทางเลยดูกราฟอย่างเดียวว่าขึ้นมาแค่ไหนแล้ว กว่าตัวเลขเกนจะขยับทีละร้อยเมตรนี่นานนนนนนนเหมือนชั่วกัปชั่วกัลป์ กว่าจะไปถึงยอดไม่รู้จะเล่ายังไง อยากให้ไปเจอเอง

ขึ้นไปถึงยอด ขาขึ้นว่ายากแล้ว ขาลงนี่ลงยังไงก่อน 5555 เดินลงไปได้ไม่กี่เมตรเจอทางดิ่ง พื้นผิวเรียบ ๆ ลื่น ๆ ไม่มีจุดให้วางเท้า ต้องหยุดยืนดู ลงยังไงวะ? สักพักนักวิ่งเกาหลีตามหลังมาเลยบอกให้ไปก่อนเลย เกาหลีก็หยุดเว้ย ลงยังไง สักพักทำท่าเหมือนคิดได้ พี่แกหันหลังเอามือจับต้นไม้ข้างทางแล้วค่อย ๆ ปล่อยตัวรูดลงไป แล้วค่อย ๆ ไหลไปแบบนั้น

ลงแบบนี้ใช่มั้ย อ่ะ ได้ เราก็ตามลงมาสักพัก แม่มไม่มีต้นไม้ให้จับทำยังไง น้องผู้ชายที่ตามมาบอก ผมสไลด์ลงเลยแล้วกัน ว่าแล้วน้องก็นั่งกับพื้นแล้วสไลด์ลงมา ชีวิตนี้ไปวิ่งมายังไม่เคยต้องสไลด์แบบนี้แต่ครั้งนี้หมดปัญญาจริง ๆ ตอนที่สไลด์ก็ต้องระวังดี ๆ เผื่อเจอก้อนหิน ตอไม้บาดตูดเข้าให้

ลงมาได้สักพักได้ยินเสียง RD อยู่ตรงฝั่งขาขึ้น ตะโกนถามไปว่าถึงข้างล่างแล้วต้องวิ่งทางราบอีกเท่าไหร่ถึงเส้นชัย RD บอก 700 เมตร ลองคำนวณเวลาแล้วไม่น่าทัน แต่อยากทำให้ดีที่สุด อยากรู้ว่าสภาพแบบนี้จะหลุดคัตออฟกี่นาที

ลงมาถึงเชิงเขา ดูนาฬิกาเหลืออีกนาทีเดียวจะคัตออฟ วิ่งจ๊อกไปตามทาง เริ่มสวนกับสตาฟที่เดินมาเซอร์วิสนักวิ่ง วิ่งต่อไปอีกหน่อยได้ยินเสียงโฆษกสนามเริ่มนับถอยหลัง 10 9 8 …

เข้าไม่ทัน

ก็เลยผ่อนเดินบ้างจ๊อกบ้างเก็บแรงไว้ตอนวิ่งเข้าเส้น จนร้อยเมตรสุดท้ายรวบรวมแรงฮึดจ๊อกเข้าเส้นชัยแล้วหยุดยืนสูดลมหายใจยาว ๆ อยู่พักนึง

Run for the Wild 2025 finisher

สรุปเวลาเข้าไม่ทันคัตออฟไป 6:37 นาที แต่ตอนที่มานั่งกินอาหารหลังงานมีน้องมาบอกว่าผู้จัดขยายคัตออฟระยะ 50k ให้ 15 นาที อ้าว ถ้างั้นก็เป็น finisher ดิ

Run for the Wild 2025 Elevation

กลับมาถึงบ้านมาเช็กข้อมูลในระบบเห็นว่าขึ้นเป็น finisher จริง โอเควะ ถึงจะเป็น finisher ก๊อกสองก็โอเคนะ

Run for the Wild 2025 after

ปีหน้าเจอกันใหม่ในสภาพที่พร้อมกว่านี้ ♥️

ซ้อมเขาตีนไก่ 15 มิ.ย. 2568

วันนี้ไปซ้อมที่เขาตีนไก่ ขึ้นน้ำตกสลัดไดรอบแรก ยืนจิบน้ำอยู่รู้สึกมีแมลงมาเกาะที่ขาสองสามตัว กะว่าเป็นยุง เตรียมจะตบล่ะ เหลือบตาไปมองเพื่อมาร์กตำแหน่งแล้วมือต้องชะงัก

ไม่ใช่ยุงเว้ย แมลงอะไรไม่รู้เหมือนผึ้งหรือต่อ แตน อะไรซักอย่าง โชคดีที่หยุดมือทัน แล้วเปลี่ยนจากตบมาเป็นโบกไล่ เพราะกลัวมันเปลี่ยนใจไม่เกาะเฉย ๆ เกิดมันมันเขี้ยว กัดหรือต่อยขึ้นมาจะเรื่องยาว

โบกยังไงมันก็ไม่ไป บินกลับมาเกาะขาไว้ทุกรอบ เลยเปลี่ยนมาสั่นขาไล่ แม่มก็ไม่ไป ไม่รู้จะพิศวาสอะไรนักหนา กุสั่นขาจนจะเป็นเอลวิสอยู่แล้วเนี่ย 😅

เลยถ่ายคลิปเก็บไว้ กะว่าเผื่อมาโพสต์แล้วมีเพื่อนฝูงเชี่ยวชาญเรื่องแมลงช่วยให้คำตอบได้ว่านี่มันตัวอะไร มีพิษมั้ย เผื่อคราวหน้าจะได้ระวังตัว

เดินกลับลงมาจากน้ำตก เจอน้องผู้ชายคนนึงกำลังเดินสวนขึ้นมา เตรียมจะยิ้มทักตามปกติปรากฏว่าน้องยกมือไหว้เว้ย นี่ต้องรีบรับไหว้แทบไม่ทัน แล้วน้องทักมาว่า เราเคยลงงานเดียวกันใช่มั้ยพี่?

เอาจริงนี่ยังจำน้องเขาไม่ได้ แต่ยังรักษาทรง นิ่ง ๆ ไว้ ยิ้มอย่างเดียว จนน้องเขาพูดมาเองว่างานเขาอีโต้

เออ ทีนี้จำได้เลย น้องคนนี้ขาแรง แต่จังหวะไม่ดีขาพลิกตั้งแต่โลยี่สิบกว่า ๆ แต่ใจสู้มาก ไม่ยอม dnf ไปต่อจนจบได้ ถามน้องว่าวันนั้นจบกี่ชั่วโมงนะ น้องบอก 28 หรือ 29 ชั่วโมงนี่แหละพี่ ก็เลยบอกไป นี่ขนาดเราเจ็บนะ จบเวลาพอ ๆ กับพี่เลย 5555

พอแยกกันแล้วก็มาคิดต่อว่า ทำไมหน้ากุแม่มจำง่ายงี้วะ ครั้งที่แล้วที่มาก็เจอน้องอีกคนมาทัก คนนั้นเจอกันที่โป่งแยง ตอนลงมาจากม่อนล่องกลางดึก ยังอุตส่าห์จำได้เฮ้ย

ยังงี้นะไปเที่ยวทำตัวเฮง ๆ ซวย ๆ ที่ไหนไม่ได้เลย คนอื่นเขาจำได้ ในขณะที่ตัวพี่เองจำใครเขาไม่ได้เลย

อันนี้ไม่ใช่เป็นที่นิสัยนะ

อายุ!! 😆🤣

ทดลองใช้ ChatGPT ทำแผนวิ่ง CM6 2025

ทดลองใช้ ChatGPT ทำแผนวิ่งงาน cm6 ครับ

ตอนนี้ทางผู้จัดยังไม่ได้แจ้งข้อมูลระยะทางระหว่างซีพีและคัตออฟฟิศระหว่างทาง ระหว่างที่รอก็หาอะไรเล่นไปพลาง ๆ เผื่อได้อะไรที่เป็นประโยชน์นะฮะ

ลองโยนรูป elevation profile ของระยะ cm6  (ตามภาพ) ให้ ChatGPT แล้วบอกให้ทำแผนการวิ่งโดยให้จบในเวลา 37 ชั่วโมง (ก่อนคัตออฟงานชั่วโมงนึง จริง ๆ คิดว่าถ้าจะจบ ถ้าจบนะ คงนาทีสุดท้ายโน่นเลย แต่เผื่อเวลาเอาไว้หน่อย)

2025 CM6 Elevation Profile

พี่แชตทำแผนวิ่งพร้อมทำตาราง มีการคำนวณระยะทางแต่ละซีพีเอง มีเวลาพัก พร้อมคำนวณเพซของแต่ละช่วงให้ด้วย

2025 CM6 Plan by ChatGPT 1
2025 CM6 Plan by ChatGPT 2
ระยะทางระหว่างแต่ละซีพีในตารางนี้ทาง ChatGPT คำนวนมาเองจากภาพ elevation profile ด้านบนนะครับ

แล้วมีวางกลยุทธ์ต้นเกม กลางเกม ท้ายเกม ให้ด้วยนะ 😳

2025 CM6 Plan by ChatGPT 3
2025 CM6 Plan by ChatGPT 4

ดูทรงแล้วท่าจะไม่รอด 55555

เดี๋ยวถ้าผู้จัดออกข้อมูลทางการมาแล้วจะมาลองอีกที แล้วเอามาเทียบกับแผนที่ทำเองว่าจะใกล้เคียงกันมั้ยนะฮะ

หมายเหตุ ลองใช้ Grok ของพี่ musk ทำดูแล้วไม่เวิร์ก สู้ตัวนี้ไม่ได้แฮะ

เลิฟ เลิฟ ♥️

ภาพหลอนที่งาน Pong Yaeng 2024

งานโป่งแยงปีนี้ส่วนตัวได้ประสบการณ์ใหม่จากการวิ่งเทรล เป็นสิ่งที่เคยได้ยินนักวิ่งคนอื่นพูดถึงแต่ไม่เคยได้สัมผัสกับตัวเองมาก่อน ที่ผ่านมาก็ยังคิดอยู่ว่า มันมีจริงมั้ยวะ?

สิ่งที่ว่านั่นคือ การเห็นภาพหลอน (hallucination) ครับ 😳

เรื่องนี้ได้ยินนักวิ่งพูดถึงมาตั้งแต่เริ่มวิ่งเทรลใหม่ ๆ บางคนเล่าว่า วิ่ง ๆ อยู่มองไปเห็นเป็นคนกวักมือเรียก บ้างก็เห็นเป็นสัตว์ร้ายยืนรออยู่ก็มี หลากหลายรูปแบบแล้วแต่จะเห็นเป็นอะไร แล้วก็เห็นกันไม่เลือกเวลาด้วยนะ มาได้ทั้งกลางวัน กลางคืนอ่ะ เอาสิ

สาเหตุของการเห็นภาพหลอนนี่เชื่อว่าเป็นเพราะการอดนอนนาน ๆ  ประกอบกับร่างกายอ่อนเพลียจากการใช้พลังงานอย่างต่อเนื่อง (แต่ถ้าสายไสยศาสตร์ก็อาจจะเชื่ออีกแบบนะฮะ 😆)

แต่อย่างที่บอก ส่วนตัวยังไม่เคยเจอ ซึ่งก็อาจเป็นเพราะยังอดนอนไม่นานพอ คนที่เจอส่วนมากจะเจอในเรซระยะร้อยไมล์ ที่ต้องอดนอนนานเอาเรื่องอยู่ ที่ผ่านมาตัวเองลงระยะไกลสุดก็ยังแค่ร้อยโล อดนอนยังพอท้วม ๆ ก็เลยยังไม่เคยเห็นภาพหลอนที่ว่า

แต่งานโป่งแยงปีนี้มั่นหน้ามั่นโหนก (ตามคำของแม่พดด้วง) ไปลงระยะร้อยไมล์ เรซสตาร์ตตอนห้าโมงเย็นก็จริง แต่วันนั้นตื่นตั้งแต่ตีห้าแล้วก็ลากยาวไปถึงตอนสตาร์ต ไม่ได้นอนเก็บแรงไว้ก่อนเลย

ในเรซตั้งแต่สตาร์ตมาก็ตามสภาพแหละ วิ่ง ๆ เดิน ๆ มาเรื่อย ๆ จนมาถึงลานกางเต็นต์ดอยปุย (A4) ออกจากซีพีนี้ประมาณบ่ายสองเพื่อไปลานต้นสน (A5) ทางช่วงแรกก็ดาวน์ฮิลชิล ๆ เลย ไม่ได้เทคนิคอลอะไร เดินมั่งจ๊อกมั่งไปได้สักชั่วโมง ฟ้ายังสว่างอยู่เลย มองไปข้างหน้าเห็นแว๊บ ๆ มีหมานั่งอยู่กลางถนน เหมือนเป็นหมาจร เราก็ เอ๊ะ หมามาจากไหน เพราะตลอดทางนี่ถ้าไม่ได้เข้าหมู่บ้านจะไม่เจอหมาเลย จังหวะก้มไปมองทางแล้วเงยขึ้นมาอีกที อ่ะ หายไปแล้ว

ตอนนั้นก็ไม่ได้คิดอะไร ตาฝาดแหละ

เดินไปอีกหน่อยมองไปซ้ายมือข้างหน้ามีผู้หญิงลักษณะเหมือนชาวบ้านยืนอยู่ข้างทางแล้วก็มีผู้ชายมีอายุหน่อยนั่งอยู่ หันหน้ามองมาทางเรา แว๊บแรกที่เห็นคิดว่าเป็นชาวบ้านมาหาของป่าพวกหน่อไม้ เก็บเห็ด อะไรแบบนี้แล้วคงนั่งพัก นั่งจัดข้าวของกันอยู่

เราก็เหมือนเดิม ก้มมองทางเดินแป๊บนึงกะจังหวะว่าพอเข้าใกล้ได้ระยะจะเงยหน้าขึ้นมายิ้มทัก พอเงยขึ้นมา อ้าว ผู้หญิงคนที่ว่ารูปร่างเปลี่ยนไปแล้ว ยังยืนอยู่แหละ แต่รูปร่างเปลี่ยนไปเหมือนคนละคน ส่วนผู้ชายที่นั่งอยู่ก็ยังอยู่มองมาทางเราเหมือนเดิม จังหวะนี้ก็เริ่มเอ๊ะแล้ว กุยังไงเนี่ย เลยตั้งใจมองไปตลอดที่เดินเข้าใกล้ไปทีละก้าว ๆ

ระหว่างที่เดินเข้าไปก็ยังเห็นสองคนนี่อยู่ตลอด แต่พอกะพริบตาปึ้บ หายไปต่อหน้าต่อตาเลย กลายเป็นผนังดินริมถนนว่าง ๆ

เจอแบบนี้เลยหันไปบอกน้องนักวิ่งสองคนที่เดินตามมาห่าง ๆ ว่า พี่เห็นภาพหลอนว่ะ น้องตอบกลับมาว่า งั้นพี่คงอดนอนถึงจุดแล้ว พี่น่าจะต้องนอนแล้วล่ะ

ตอนแรกก็ไม่ได้คิดประเด็นนี้ เพราะเห็นว่าสตาร์ตห้าโมงเย็นเมื่อวาน ตอนนั้นเพิ่งบ่ายสามบ่ายสี่ ยังไม่ ๒๔ ชั่วโมงเลย มานึกได้หลังจากนั้นว่าถ้ารวมเวลาตั้งแต่ตื่นนอนจนถึงสตาร์ตเข้าไปด้วย รวมกันมันสามสิบกว่าชั่วโมงแล้ว

หลังจากจุดนี้ก็ยังดีที่ไม่เห็นอะไรมาอีกพักใหญ่ จนดาวน์ฮิลลงไปสุดแล้วทางหักกลับเป็นขาขึ้น ระหว่างทางมีต้นกล้วยขึ้นทางทางเป็นระยะ ตอนนี้เดินอยู่คนเดียวล่ะ เดินไปก็ดีใจเป็นพัก ๆ เพราะมองไปเห็นหลังคาเต็นต์เช็คเวลาที่เป็นจุดซีพี แต่พอเดินเข้าไปใกล้ อ้าว กลายเป็นใบกล้วย ยังไม่ใช่ซีพี เป็นอย่างนี้อยู่สี่ห้าครั้ง 

ที่จำได้แม่น มีอยู่ครั้งนึงเงยหน้ามองขึ้นไปเห็นเต็นต์ตั้งอยู่ตรงหน้ากลางทางเลยนะ ไม่ใช่ข้างทางเหมือนที่ผ่านมา คิดว่า อันนี้แม่งต้องใช่แล้วล่ะ แต่พอละสายตาก้มมามองทางแป๊บเดียว เงยหน้ามองไปใหม่ หายไปอีกแล้ว

จนไปถึงซีพีลานต้นสน ได้นอนพักสิบห้านาที ไม่ค่อยหลับหรอกแต่เหมือนดีขึ้น เพราะหลังจากนั้นก็ไม่มีอะไรโผล่มาให้เห็นอีกนะ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะมันมืดแล้วก็เลยมองอยู่แค่แสงไฟเฮดแลมป์ไม่กี่เมตรข้างหน้า ไม่ได้มองข้างทางไปไหนเลยหรือเปล่า

วันนั้นทุกครั้งที่เห็นภาพหลอนที่ว่าไม่ได้กลัวเลยนะ เพราะไม่คิดว่าเป็นสิ่งเหนือธรรมชาติอะไร แล้วก็ยังดีที่ภาพหลอนที่เกิดขึ้นเป็นภาพนิ่ง ๆ ไม่ได้มามีปฏิสัมพันธ์อะไรกับเรา ถ้ามีโบกมือหรือเดินเข้ามาหาด้วยนี่ก็ไม่รู้เหมือนกันนะว่าจะยังไง ฮ่า 😆🤣

ภาพประทับใจจากงาน Jungle-Trail KhaoEto 2024

Jungle-Trail KhaoEto A5

ทุกภาพถ่ายล้วนมีเรื่องราว

งานวิ่งล่าสุดที่ไปมาถ้าให้เลือกภาพที่บอกความรู้สึกได้ดีที่สุดเพียงภาพเดียวต้องเป็นภาพนี้

ภาพนี้ช่างภาพถ่ายที่ซีพี A5 (๖๘ กิโลเมตร) จังหวะเพิ่งเข้ามาถึงแล้วเดินไปนั่งหมดแรงตรงเก้าอี้บริเวณหน้าทีมพยาบาล นั่งอยู่ท่านี้สักพักนึงเลย เหนื่อยมาก

ระหว่างที่นั่งก็คิดไปด้วยว่า นี่เพิ่งผ่านอิเขาซี่หวีมาได้ลูกเดียว แถมเป็นลูกเล็กสุด เกนประมาณสองร้อยเมตร ชันจนหน้าแหงน แล้วยังต้องเจออีกสองลูกที่เกนเกือบ ๆ สามร้อย แค่คิดเข่าก็ท้อแล้วมั้ย

แต่ยังดีที่ตุนเวลาไว้เยอะ เข้า A5 มาตอนทุ่มครึ่ง โดยที่คัตออฟตีหนึ่ง คิดในใจว่างานนี้เวลาไม่ใช่ปัญหาล่ะ กุจบแน่ ๆ ขอแค่พาตัวเองไปถึงเส้นชัยให้ได้ พอสรุปแบบนี้เลยตัดสินใจ นอน!!

วิ่งเทรลมาก็หลายปีไม่เคยนอนในเรซซักที งานนี้งานแรก ตั้งใจว่าจะได้พักขาขวาที่เริ่มมีอาการตึงที่พับในให้ดีขึ้นหน่อย บอกพี่พยาบาลว่าอีกครึ่งชั่วโมงถ้าผมไม่ตื่นช่วยเรียกด้วย ปรากฏว่าพยายามนอนสักพักแล้วยังไม่หลับก็เลยลุกมาก่อน

เดินมาเติมน้ำเตรียมออกไปต่อ เจอน้ำตาลสดแช่เย็น เลยหยิบมากินขวดนึง ชื่นใจมาก นั่งต่ออีกสักพักแล้ว ฮึบ ไปต่อ

สรุปออกจาก A5 มาตอนสองทุ่มสี่สิบห้า ใช้เวลาในซีพีนี้ไปชั่วโมงสิบห้านาทีเลยนะ

อ้อ ก่อนออกเดินไปให้พี่พยาบาลฉีดสเปรย์ พี่ฉีดไปพูดไปว่า ทำไมขาเล็กอย่างนี้!! 😆😂

เจอนักวิ่งเทรลไต้หวันที่ชอบมาวิ่งเมืองไทย

เขาอีโต้

ไปงานวิ่งครั้งนี้เจอนักวิ่งไต้หวัน อยู่ไต้หวันแต่ชอบมาวิ่งเทรลประเทศไทย นั่งเครื่องมาวิ่ง วิ่งเสร็จนั่งเครื่องกลับ ไม่เที่ยวที่ไหนต่อด้วย

นั่งคุยกันพักใหญ่คุณพี่บอกที่เคยไปก็ utcm utcr และงานเทรลที่กระบี่ เอาแค่ปีนี้แกมา cm5 / lampang65 / เขาอีโต้ 100 แล้วเดือนหน้าไปโป่งแยง 100 ต่อด้วย cuesta 100 เดือนถัดไป

ทั้งหมดที่ว่ามานี่ลงระยะร้อยโล ยกเว้นงานลำปางที่แกลงแค่ 65 โลด้วยเหตุผลว่า งานเพิ่งจัดปีแรกยังไม่รู้ว่าเป็นยังไง ขอไปแค่นี้ก่อน

บอกแกว่าโป่งแยงปีนี้มีร้อยไมล์ด้วยนะ ยังสมัครได้ ยูไปเพิ่มระยะสิ แกส่ายหน้าบอกอายุเยอะแล้วเอาแค่ร้อยโลก็พอ (ดูทรงแล้วอายุน่าจะ 55 บวกลบ)

แกเล่าว่านอกจากที่ไทยแกไปวิ่งมาเลเซีย เวียดนาม ลาว มาแล้ว สรุปว่า งานเทรลที่ไทยนี่ดีสุด ทั้งสภาพภูมิประเทศและการจัดการ การซัพพอร์ตที่ซีพี

ฟังแบบนี้ก็ชวนให้คิดว่าประเทศไทยนี่ไหน ๆ ก็ตั้งเป้าจะเป็นฮับออฟเอฟวรีติงจิงกะเบลทั้งหลายแล้ว เราอาจจะต่อยอดการท่องเที่ยวด้วยการเป็นฮับออฟเทรลรันนิ่งอีกอันด้วยได้มั้ยนะ? 

วันเสาร์ ๒๔ สิงหาคม ๒๕๖๗ ทำอะไร

ตื่นตีสี่ ออกจากบ้านตีห้า ขับรถไปร้อยกว่าโล วิ่ง ๆ เดิน ๆ จริง ๆ เดินซะมากกว่า ทรมานร่างกาย รีดไขมัน (เอ็งมีด้วยเหรอ?) อยู่ห้าชั่วโมง 

อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ขับรถมากินก๋วยเตี๋ยวเรือในห้างละแวกบ้าน (ห้างที่กำลังเป็นไวรอลอยู่ตอนนี้นั่นแหละ) กลับถึงบ้านห้าโมงเย็น

โคตรเหนื่อยแต่มีความสุขมากจ้ะ เลิฟ เลิฟ ❤️

น้ำตกสลัดไดสี่ยอด
วิ่งเส้นน้ำตกสลัดไดได้สี่ยอด
เห็ดแชมเปญที่น้ำตกสลัดได
เห็ดแชมเปญที่น้ำตกสลัดได
น้ำตกสลัดได น้ำใสมาก
น้ำใสและเย็นมาก

ซ้อมที่เขาตีนไก่ในวันแรงงาน

วันนี้ไปซ้อมที่เขาตีนไก่ ระยะทางไม่ได้เยอะอะไร เกนก็นิดเดียว เพซยิ่งไปกันใหญ่ แต่ที่ประทับใจคือตอนที่วิ่งเส้นน้ำตกสลัดไดมีน้องหมาคู่นึงวิ่งไปวิ่งกลับด้วยจนสุดทาง

เรื่องมันเริ่มจากตอนที่เราลงมาจากผานางดำ ผ่านมาถึงบริเวณหน้าสถานีเพาะกล้าไม้มีน้องหมาตัวผู้สีเทาวิ่งมาจากไหนไม่รู้แล้ววิ่งคู่ไปกับเรา ตัวนี้ดูทรงดีเลย (อันนี้ไม่ใช่คำราชาศัพท์นะฮะ 😊) มีกล้ามเนื้อพอประมาณ เป็นหมาหนุ่มกำลังฟิต

ไปได้อีกประมาณร้อยเมตร เจออีกตัวเป็นตัวเมียยืนจังก้าอยู่กลางถนน (กลางถนนจริง ๆ) แต่กระดิกหางแกว่งซ้ายขวาดูท่าแล้วน่าจะมาดี พอเราเข้าไปใกล้ก็พุ่งมาเลย กระโดดเข้าหา มีงับต้นขา งับมือ งับแบบงับกิ๊บ ๆ งับเบา ๆ ไม่ให้เราเจ็บอ่ะ ใครเคยเลี้ยงหมาหรือเคยเล่นกับหมาน่าจะพอนึกออก

พอเราเดินต่อน้องก็ตามมาทั้งสองตัวโดยที่เราไม่ได้เรียก อันนี้ต้องบอกก่อน ปกติไปที่ไหนเวลาเจอหมาเราจะไม่เรียกให้ตามมา เพราะ หนึ่ง กลัวแม่งหลง วิ่งไปกับเราแล้วกลับบ้านไม่ถูก สอง กลัวไปเจอเจ้าถิ่นข้างหน้า เดี๋ยวจะโดนเล่นงานเอา ด้วยเหตุนี้ นอกจากจะไม่เรียกให้วิ่งตามแล้ว เรายังไล่ไม่ให้ตามมาด้วย

พอเราเริ่มอัปฮิลน้องทั้งสองตัวก็วิ่งออกนำหน้าไป แม่งอัปฮิลสบาย ๆ เลย เห็นแล้วอิจฉาหมา พอไปข้างหน้าได้ซักหน่อยมีหยุดรอให้เราเดินตามทัน บางจังหวะมีหันมามอง ประมาณว่า ทำไมพวกพี่ช้ากันจังวะ?

ที่แสบคือบางช่วงที่ชันมาก น้องแม่งคงรอนาน พอเราไปถึงแม่งนอนรอเลย นี่ยังดีที่มันไม่ส่งสายตาหยามเหยียดมาด้วย

ตลอดทางน้องตัวผู้จะมีแวะฉี่ข้างทางซ้ายขวาเป็นระยะ เพื่อเอาไว้เป็น GPS navigation จะได้ดมหาทางกลับได้ถูก ตอนแรกพี่ก็ว่าจะเลียนแบบมันมั่งนะ แต่นึกขึ้นได้ว่าจมูกพี่แยกกลิ่นฉี่ไม่ออก เดี๋ยวดมไปดมมา ไปตามกลิ่นฉี่คนอื่นหลงทางจะยุ่งตายห่ะ 5555

ตอนแรกนึกว่าคงวิ่งตามไปแป๊บเดียว พอไปสักหน่อยแล้วก็คงจะกลับ แต่ไม่ใช่ ทั้งสองตัวไปกับเราจนถึงน้ำตกสลัดได โดยที่ระหว่างทางมีวิ่งออกไปไล่จิ้งเหลนกิ้งก่าตามข้างทางเป็นระยะ พอขากลับก็กลับออกมาพร้อมกับเรา ลงมาจนถึงจุดที่เจอกันตอนแรก รวมระยะทางไปกลับร่วมห้าโล โดยที่ทั้งสองตัวไม่มีท่าทางจะเหนื่อยสักนิดเดียว ส่วนพี่นั้น

หอบเป็นหมาเลย… 5555

Camper van สักคันดีมั้ย?

นั่งดูคลิปแนว vanlife กับ camper van ทั้งของไทยของฝรั่งแล้วก็ชวนให้เคลิ้ม

เออนะ ถ้าเรามีอย่างนี้ซักคันเวลาไปวิ่งตามงานต่างจังหวัดก็ไม่ต้องเสียค่าที่พักค่าโรงแรม ประหยัดเงินได้ทริปนึงสองสามพันเลยนะ

ว่าแล้วก็ลองคำนวณ ซื้อรถตู้มือสองคันนึง เอามาแต่งข้างในให้พร้อมใช้งาน เก็บของได้ นอนได้ ต่ำ ๆ ก็น่าจะซักห้าแสน (มั้ง?)

เอามาใช้ตอนไปงานวิ่งต่างจังหวัด ปีนึงไปเต็มที่เลยสิบวัน เดิมจ่ายค่าโรงแรมคิดกลม ๆ ว่าคืนละพัน ปีนึงก็หมื่นนึง

นี่แปลว่ากุต้องใช้รถตู้ที่ว่านี่ไปห้าสิบปีเลยเหรอกว่าจะคุ้มทุนเนี่ย 😳

เออ นอนโรงแรมเหมือนเดิมก็ได้วะ…