เผื่อจะเป็นประโยชน์ในวันข้างหน้า แต่หวังว่าจะไม่มีใครต้องเจอนะฮะ
๑. ตั้งสติให้มั่น เตือนใจตัวเองไว้ว่า นี่เป็นช่วงเวลาไม่ปกติ มันจะ (โคตร) เหนื่อยกายเหนื่อยใจ แต่สุดท้ายมันจะผ่านไป อย่าท้อ เสียอะไรเสียไป ใจอย่าเสีย
๒. ทำรายการรายรับ-รายจ่ายให้พร้อม ยึดหลักการ ลด – ละ – เลิก อย่างน้อยซักสาม scenario
– ถูกตัดเงินเดือน ๑๐% จะลดอะไร จะเลิกอะไร
– ถูกตัดเงินเดือน ๓๐% รายการไหนที่จะโดน ฝืนใจแค่ไหนก็ต้องตัด
– ถูกเลิกจ้าง ลืมไลฟ์สไตล์เดิม ๆ ไปได้เลย นี่แม่งต้องเข้าโหมด survive แล้ว ต้องอยู่ให้ได้ด้วยค่าใช้จ่ายน้อยที่สุด เพื่อประคองตัวไปให้นานที่สุด ก่อนจะได้งานใหม่
รายการ ลด – ละ – เลิก พวกนี้ของใครของมันนะครับ อยู่ที่ไลฟ์สไตล์ของแต่ละคน อันนี้ต้องประเมินตัวเอง ถามว่า ทำไมต้องคิดตั้งแต่ตอนนี้? ก็เพราะตอนนี้ยังมีสติและยังมีเวลาให้เตรียมการล่วงหน้าได้ ถ้าไปคิดตอนนั้นอาจจะกำลังเมาหมัดอยู่ คงไม่ค่อยดีนัก
๓. ในยามวิกฤติคนที่มีสภาพคล่อง (หรือเงินสด) จะได้เปรียบและยืนระยะได้นานกว่า (ซึ่งจะนำไปสู่ข้อถัดไป)
๔. แปลงสินทรัพย์เป็นทุน ของสะสมส่วนตัวหรือสมบัติบ้าห้าร้อยจำพวก กระเป๋า เสื้อผ้า รองเท้า นาฬิกา อะไรที่คิดว่าไม่จำเป็น ตอนนั้นลืมตัวกดสั่งซื้อหรือรูดบัตรมา แต่ไม่ได้ใช้ ใช้ไม่คุ้ม ไม่ต้องมีก็ได้ เอามาขายแปลงเป็นเงินสดซะ อย่าเสียดาย เพราะถ้าวิกฤติมาจริงถึงตอนนั้นทุกคนจะระดมเอาออกมาขาย ราคาจะตกฮวบ กลายเป็นโอกาสช้อนซื้อของคนที่มีสภาพคล่อง (และไม่เดือดร้อน)
๕. หา value ตัวเองให้เจอแล้วแปลงเป็นรายได้ ลองหาดูว่าตัวเองมี skill อะไรที่พอจะเอามาสร้างรายได้ได้บ้าง พยายามขุดให้เจอ ทำกับข้าว ทำขนม ถ่ายรูป วาดรูป อะไรซักอย่างที่วันข้างหน้าอาจช่วยชีวิตเราได้
๖. สมัครบัตรเครดิตเก็บไว้ แต่อย่าเพิ่งใช้นะ เอาไว้ยามจำเป็นจริง ๆ จะช่วยเรื่องสภาพคล่องของเราได้ ส่วนตัวตอนต้มยำกุ้งนี่ได้บัตรกสิกรไทย ช่วยหมุนเงินรูดเติมน้ำมัน ซื้อของซูเปอร์ฯ ได้
ขอความสุขสวัสดีจงมีแด่ทุกท่าน ด้วยรักจากใจหนุ่มใหญ่วัยเกรียนย่านบางบัวทองฮะ…