หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือในแนวองค์กรของผู้เขียนชาวไทยที่ผมคิดว่าดีที่สุดเล่มหนึ่งเท่าที่เคยมีการตีพิมพ์ออกวางจำหน่าย และที่น่าสนใจก็คือ เล่มนี้พิมพ์ครั้งแรกตั้งแต่เดือนมิถุนายน ๒๕๓๓ เพิ่งครบรอบ ๒๕ ปีไปเมื่อเดือนที่แล้วนี่เองและดูเหมือนว่าตลอดเวลาที่ผ่านมามีหนังสือแนวนี้เพียงไม่กี่เล่มที่ทำได้ถึงระดับนี้ (ถ้าจะมี)
คุณสมใจ วิริยะบัณฑิตกุล เขียนหนังสือเล่มนี้ขณะทำงานเป็นผู้สื่อข่าวอยู่ที่นิตยสารผู้จัดการ (หรือที่เรียกกันติดปากว่า ผู้จัดการรายเดือน) โดยได้รับมอบหมายจากคุณสนธิ ลิ้มทองกุล เจ้าสำนักผู้จัดการ ส่วนสาเหตุที่ว่า ทำไมถึงต้องทำหนังสือเล่มนี้และทำไมต้องเป็นสหพัฒนฯ นั้น คงไม่มีใครอธิบายได้ดีไปกว่าคุณสนธิที่ได้เล่าเอาไว้ในคำนำสำนักพิมพ์ตามภาพด้านล่าง
เนื้อหาในหนังสือเล่มนี้ไม่เพียงบอกเล่าเรื่องราวความเป็นมาและการเติบโตของสหพัฒนฯ เท่านั้น แต่ยังได้รวบรวมแง่มุมการดำเนินธุรกิจของสหพัฒนฯ เอาไว้อย่างรอบด้าน ทั้งการบริหารงาน บริหารคน การตลาด วัฒนธรรมองค์กร โดยไม่ได้บอกเล่าเพียงเรื่องราวของความสำเร็จ แต่ยังมีความผิดพลาดและความล้มเหลวที่เป็นบทเรียนอีกด้วย
การเปิดเผยเรื่องราวอย่างหมดเปลือกเช่นนี้ในด้านหนึ่งต้องนับถือความใจกว้างของสหพัฒนฯ เพราะตามปกติแล้วข้อมูลเหล่านี้ถือเป็นความลับของธุรกิจ อีกทั้งคนทั่วไปย่อมไม่อยากเล่าถึงข้อผิดพลาดของตัวเอง
ในอีกด้านหนึ่งก็สะท้อนให้เห็นว่า ค่ายผู้จัดการและคุณสมใจสามารถสร้างความเชื่อมั่นให้กับสหพัฒนฯ ได้ว่า มีความรู้และภูมิปัญญาที่จะสามารถค้นคว้าข้อมูล กลั่นกรอง วิเคราะห์และเรียบเรียงออกมาเป็นเรื่องราวที่มีประโยชน์ได้มากกว่าการเขียนตามคำบอกเล่าเพียงอย่างเดียว
ความมั่นใจที่ว่านั้นส่วนหนึ่งน่าจะมาจากบรรณาธิการที่ปรึกษา นามว่า ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์
ในห้วงเวลานั้นดร.สมคิดทำหน้าที่ที่ปรึกษาให้กับทั้งสหพัฒนฯ และผู้จัดการ อาจกล่าวได้ว่าการที่ดร.สมคิดตกลงรับบทบาทบรรณาธิการที่ปรึกษาให้กับหนังสือเล่มนี้ย่อมเป็นหลักประกันให้สหพัฒนฯ มั่นใจในหนังสือที่จะออกมาได้มากขึ้น
หากจะกล่าวถึงความสำเร็จในด้านเนื้อหาของหนังสือเล่มนี้ คงต้องยกคำนิยมของคุณทวี บุตรสุนทร อดีตผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่อาวุโส บริษัทปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) ที่ตีพิมพ์อยู่ที่ปกหลังมาให้ดูกัน
“ผมได้อ่านหนังสือของสหกรุ๊ปแล้ว ได้ความรู้มากมายหลายด้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการจัดการด้านการขายและการตลาดสินค้าอุปโภคบริโภค คนเขียนคงต้องใช้เวลาในการค้นคว้านาน การดำเนินเรื่องในแต่ละบทดี อ่านจบบทหนึ่งแล้วก็ชวนให้ติดตามอยากอ่านบทต่อๆ ไป ผมเชื่อว่าจะเป็นหนังสือที่ขายดีที่สุดเล่มหนึ่ง นักการตลาดทุกคนต้องไม่พลาดที่จะอ่านหนังสือเล่มนี้”
ก่อนจะจบขอปิดท้ายด้วยการอัพเดตกันหน่อยว่า ๒๕ ปีผ่านไป ผู้เกี่ยวข้องแต่ละคนเป็นยังไงกันบ้าง เริ่มที่คุณสนธิ เจ้าของโปรเจ็กต์ คนนี้ชีวิตถ้าเป็นเส้นกราฟก็ต้องบอกว่าขึ้นสุดลงสุด ผ่านยุครุ่งเรืองร่ำรวยก่อนจะพลิกมาเป็นบุคคลล้มละลายหลังวิกฤติต้มยำกุ้ง ต่อมาเป็นบุคคลผู้ปลุกกระแสต้านนายกรัฐมนตรีที่เรืองอำนาจที่สุดคนหนึ่งของไทย ขยับมาเป็นผู้นำม็อบเรือนแสน ถูกลอบสังหารชนิดที่ไม่น่ารอดแต่รอด สุดๆ จริงๆ
คุณสมใจ ผู้เขียน ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็น ณรินณ์ทิพ เป็นเจ้าของบริษัท พีเพิล มีเดีย จำกัด ผลิตสื่อสิ่งพิมพ์และรายการโทรทัศน์ ส่วนดร.สมคิด เคยก้าวขึ้นถึงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี ดูแลงานด้านเศรษฐกิจ และเคยมีชื่อเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี
สำหรับสหพัฒนฯ เองเปลี่ยนตัวผู้นำจากนายห้างเทียม มาเป็นคุณบุณยสิทธิ์ โชควัฒนา และขยายกิจการออกไปอีกมาก ล่าสุดได้รับพระราชทานครุฑตราตั้งและจะมีพิธีอัญเชิญครุฑขึ้นประดิษฐานในวันที่ ๙ สิงหาคมที่จะถึงนี้
สหพัฒนฯ โตแล้วแตกและแตกแล้วโต
ผู้เขียน : สมใจ วิริยะบัณฑิตกุล
สำนักพิมพ์ : โครงการหนังสือผู้จัดการ
ราคา : ๕๐๐ บาท