วิ่งยามเช้ากับซีซาร์ (หมาลาบราดอร์)

ซีซาร์เป็นหมาลาบราดอร์พันธุ์ผสม พ่อเป็นลาบราดอร์ แม่เป็นโกลเดน รีทรีฟเวอร์ ดูจากรูปร่างหน้าตาแล้วเชื้อพ่อน่าจะแรงกว่าแม่ เพราะออกไปทางลาบราดอร์มากกว่า

ซีซาร์เป็นมะเร็ง อยู่ในระหว่างการรักษา

พี่เจอซีซาร์ครั้งแรกเมื่อประมาณสองเดือนที่แล้ว เช้านั้นตั้งใจว่าจะซ้อมวิ่งระยะไกลกว่าปกตินิดนึงก็เลยออกมาวิ่งเร็วหน่อย ตอนตีสี่กว่า ๆ ก็วิ่งวนอยู่ในหมู่บ้านนั่นแหละ

วิ่งไปได้สองสามรอบเจอคนจูงหมาออกมาเดิน ก็ยังคิดอยู่ว่าทำไมพาออกมากันตั้งแต่ยังมืดขนาดนี้ มองไปไกล ๆ ดูทรงแล้วเหมือนลาบราดอร์ แต่ไม่เคยเจอมาก่อน

พอวนมาเจอรอบที่สองดูแล้วน่าจะเป็นมิตรกันทั้งคนทั้งหมา (มีกูนี่แหละที่ดูไม่น่าเป็นมิตรที่สุด 5555) ก็เลยส่งยิ้มให้ก่อน ลืมไปว่าใส่แมสก์อยู่ แล้วเปิดบทสนทนาไป

หมากี่เดือนแล้วครับ?

ที่ถามไปยังงี้นี่มั่นใจมาก เพราะไม่เคยเจออย่างที่บอก แล้วน้องก็ตัวเล็ก กะว่าเต็มที่ก็เจ็ดแปดเดือน

แล้วก็ต้องเซอร์ไพรส์เพราะพี่ผู้หญิงเจ้าของบอกว่า เก้าปีแล้ว เราก็ ฮ้า!! ทำไมไม่เคยเห็น

พี่เจ้าของเล่าว่า ก่อนหน้านี้เลี้ยงซีซาร์อยู่แต่ในบ้าน เลี้ยงกับแม่ที่เป็นโกลเดนฯ ซึ่งก็เล่นกันอยู่สองตัวนัวเนีย นัวเนีย มีความสุขดี ก็เลยไม่ได้พาออกมานอกบ้าน มาตอนนี้แม่ซีซาร์ป่วยเพิ่งตายไป ซีซาร์คงแปลกใจที่อยู่ ๆ แม่หายไปไหนก็หงอยไปเลย

บวกกับซีซาร์เป็นมะเร็งต้องไปทำคีโม ค่าเลือดค่าไตก็ไม่ค่อยดี ทำให้สภาพร่างกายไม่ค่อยแข็งแรง หมอแนะนำว่าให้พาออกกำลังบ้างจะได้แข็งแรงขึ้น ก็เพิ่งพาออกมาเดินได้ไม่กี่วันแล้วก็กลัวว่าซีซาร์จะไปกวนคนที่ออกมาเดินมาวิ่งตอนเช้า เลยออกมาตั้งแต่มืดแบบนี้ (เป็นที่มาว่าทำไมก่อนหน้านี้ไม่เคยเจอซีซาร์มาก่อน เพิ่งมาเจอกันครั้งแรกวันนี้เอง)

สภาพซีซาร์ตอนที่เจอกันวันแรกยังดูโรย ๆ เหมือนไม่ค่อยแข็งแรง ขนตรงช่วงหลังถูกโกนไปหย่อมใหญ่ ๆ น่าจะเพราะการรักษามะเร็ง แล้วท่าทางก็ยังดูตื่น ๆ เหมือนหมาที่ไม่ค่อยได้ออกจากบ้าน ยังไม่ชินกับโลกข้างนอก

ก็ยืนคุยแล้วก็เล่นกันอยู่พักใหญ่ (หมายถึงยืนคุยกับพี่เจ้าของ เล่นกับซีซาร์นะ ไม่ใช่ยืนคุยกับซีซาร์แล้วเล่นกับพี่เจ้าของ เข้าใจตรงกันนะ) แล้วก็กลับมาวิ่งต่อ วิ่งได้รอบสองรอบก็วนมาเจอกันอีก ก็หยุดเล่นกันอีก วนลูปอยู่ยังงี้จนพี่เค้าพาซีซาร์เข้าบ้าน

ก็ยังคิดอยู่ว่าถ้ามีโอกาสได้เจอได้เล่นกันอีกก็คงดี แต่หลังจากวันนั้นก็ไม่ได้ออกไปวิ่งตอนเช้าอีก เพราะในหมู่บ้านมีคนติดโควิด แล้วต่อด้วยฝุ่นก็เริ่มมา เลยได้แต่ออกกำลังกายก๊อก ๆ แก๊ก ๆ อยู่ในบ้าน

จนวันก่อนสถานการณ์โควิดในหมู่บ้านเริ่มซา ค่าฝุ่นก็ดีเลยได้โอกาสออกไปวิ่งอีกที งวดนี้ติดกล้องไปด้วย เผื่อว่าเจอซีซาร์จะได้ถ่ายรูปมาให้แม่พดด้วงดู ก็ยังคิดอยู่ว่าจะได้เจอกันมั้ย เพราะออกไปเกือบหกโมงแล้ว แต่วิ่งไปได้สองรอบก็เจอพี่เจ้าของจูงซีซาร์ออกมา

เจอกันครั้งนี้ซีซาร์ดูดีกว่าครั้งแรกเยอะเลย ดูแข็งแรงขึ้น ลายสายจูงนำหน้าเจ้าของมาเลย แถมพอเจอกันก็แกว่งหางแรงจนสะโพกส่าย

หลังจากซีซาร์ไปฉี่เรียบร้อย วิ่งวนกลับมาเจอกันอีกที คุยกันไปคุยกันมา พี่เจ้าของบอกว่า ตอนนี้ซีซาร์แข็งแรงขึ้น แต่ก็ไม่มีแรงพาวิ่ง ได้แต่พาเดิน พี่ก็เลยได้ที เสนอตัว เดี๋ยวพาวิ่งให้เอง เขาทำท่าเกรงใจ เราก็ว่าไม่ต้องเกรงใจ แล้วพี่ก็เล่าเพิ่มว่า ปกติซีซาร์จะไม่เดินกับคนแปลกหน้า อันนี้ไม่มีปัญหา ไม่รู้จักบวกผู้เป็นมิตรกับหมามากกว่าเด็กซะแล้ว (นี่คิดในใจ ไม่ได้พูดไป)

พี่เค้ายื่นสายจูงให้ เราก็เรียกซีซาร์เดินตามมาก่อน ก็มาเว้ย พอเดินไปได้สักพักหันไปบอกพี่เค้าว่า จะลองพาวิ่งแล้วนะ เค้าก็โอเค ก็เรียกซีซาร์แล้วเริ่มพาวิ่ง ซึ่งก็เป็นที่มาของคลิปนี้นะฮะ

หมายเหตุ คลิปนี้ไม่มีอะไรมาก เป็นคลิป ๑๒ นาทีที่มีแต่คนพาหมาวิ่งทั้งคลิป อ้อ มีช็อตที่แม่งดื้อด้วยนะ สมกับเป็นลาบราดอร์ แม่งดื้อได้ใจมาก ถ้าเป็นหมาพี่นี่มึงโดนซักตุ้บแน่ ๆ 5555 เลิฟ เลิฟ

A Year in Review 2021

ก่อนเข้าปี ๖๔ ตั้งใจอาศัยโมเมนตัมจากโป่งแยงคิดว่าปีนี้น่าจะเป็นปีที่ดี

วางแผนลงงานเป็นสเต็ปเพื่อจะไปโป่ง ๑๓๐ ตอนปลายปี เริ่มจากงานถนนงานเดียวของปีคือ ฟูล amazing thailand marathon วิ่งผ่าเมืองจากรัชมังฯ มาภูเขาทอง แล้วเปิดฤดูเทรลด้วยเขายายดา ๖๐ โล

ต่อด้วย cm5 ที่ใจยังกล้า ๆ กลัว ๆ เส้น lastman แต่ก็อยากลอง แล้วไปต่องาน pet ๗๕ โล ที่จะมีระยะนี้เป็นปีแรก ก่อนจะปิดปีด้วยโป่งแยง ๑๓๐

นั่นคือแผน

แต่ความจริงคือ งาน atm เลื่อนมาเป็นต้นธันวา ก่อนที่จะเลื่อนอีกครั้งเป็นกุมภาปีหน้า ซึ่งก็ยังต้องลุ้นว่าจะเลื่อนอีกมั้ย

งานเขายายดาเลื่อน และสุดท้ายก็งด ข้ามไปจัดปีหน้าเลย cm5 ก็เลื่อนมาปลายปีและส่วนตัวก็ถอดใจเพราะไม่มั่นใจในโควิด

งาน pet ไม่จัด แถมงาน hill repeat ๒๔ ชั่วโมงของผู้จัดรายเดียวกันก็ล่มภายในวันเดียวหลังประกาศจัดงาน ทั้งที่เตรียมซื้อเตนท์ซื้ออุปกรณ์แคมปิ้งเพื่อไปงานนี้โดยเฉพาะ

แล้วสาเหตุที่งานล่มแม่งก็เหลือเชื่อ ไม่ใช่พิษโควิด ไม่ใช่เศรษฐกิจ แต่เพราะพื้นที่จัดงานในช่วงเวลานั้นเต็มไปด้วยหมามุ่ย!!

โป่งแยง ๑๓๐ ที่ตั้งใจก็ไม่มี ด้วยสาเหตุที่ไม่แน่ชัดแต่มีระยะสูงสุดที่ร้อยโลซึ่งเพิ่งไปมา ก็เลยเปลี่ยนแผนจะไปร้อยโลงานภูกระดึง สมัครได้แล้ว จ่ายเงินแล้ว สุดท้ายเจอโควิด งานเลื่อนไปปีหน้า

สรุป ปีนี้ไม่ได้ลงงานอะไรเลย หวังว่าปีหน้าโอไมครอนจะเมตตา ผ่อนให้พี่ได้มีช่วงลงงานบ้าง ก่อนที่จะแข้งขาลีบ หมดเรี่ยวหมดแรงไปคุยกับพระเจ้าไม่ไหวไปเสียก่อน สาธุ…. ♥️

รีวิวหนังสือ ความลับสุสานฉินซี

The Emperor's Tomb
ความลับสุสานฉินซี โดย Steve Berry

มาครับ คนกำลังฟิต จบจาก The Fifth Risk ก็หาเล่มใหม่มาอ่านต่อกันเลย คราวนี้อยากได้นิยายมาสลับฉากกันบ้าง เลือกไปเลือกมาได้เล่มนี้ครับ

ความลับสุสานฉินซี โดย Steve Berry

หนังสือเล่มนี้สรุปคร่าว ๆ ให้เห็นภาพ ให้นึกถึงอินเดียนา โจนส์ ในยุคปัจจุบัน ที่ไม่ใช้แส้แต่ใช้นามสกุล

ไม่ใช่! มึงอย่ามาตลก!! ใช้ปืนเว้ย พระเอกไม่ใช่คนจีน ไม่ต้องใช้แซ่

แล้วพ่อเทพบุตรก็ไปตามหาวัตถุโบราณ โบราณสถานที่โน่นที่นี่ ซึ่งบางทีก็ไม่ได้อยากไป แต่สถานการณ์มันพาไป

ผสมเข้ากับเจมส์ บอนด์ ที่เป็นสายลับ มีอเมริกา มีรัสเซีย มีจีน ปฏิบัติการข้ามประเทศ ข้ามทวีป บินไปบินมา เดี๋ยวอยู่เดนมาร์ก อีกแป๊บมาอยู่เบลเยียม มาโผล่ฮาลองเบย์ เวียดนาม แล้วไปลุยร้อยเอ็ดเจ็ดย่านน้ำในจีน ขนาดนั้น 5555

ยัง ยังไม่พอ เหยาะความเป็นโรเบิร์ต แลงดอน ของพี่แดน บราวน์ เข้าไปอีกหน่อย ให้เรื่องมันคลุมเครือ ๆ เอาไว้ ให้คนอ่านสงสัยว่ามันเป็นเรื่องจริงหรือเรื่องแต่ง ไต่ขอบระหว่างความจริงกับจินตนาการหรือการตีความของคนเขียนเอง

แล้วเติมองค์กรลับอายุหลายร้อยปีที่ไม่มีใครเคยรู้ว่าแม่งมีอยู่ในโลกใบนี้ แม่งลับจริง ๆ นะ 😆

เอาทุกอย่างปั่นรวมกัน แล้วโรยหน้าด้วยความอลังการของสุสานฉินซีเข้าไปอีกที

ประมาณนี้นะครับ ถ้าใครชอบเรื่องแนวนี้น่าจะชอบเลย และถ้าอ่านแล้วชอบก็จะบอกว่าพี่ Steve Berry เขียนเอาไว้หลายเล่ม โดยที่ใช้ตัวละครหลักชุดเดียวกัน แต่ไปผจญภัยในสถานที่ต่างกัน ทุกเรื่องอิงประวัติศาสตร์หรือบุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์ทั้งนั้นเลย นโปเลียนงี้ อเล็กซานเดอร์มหาราชงี้

อ่านสนุก ลุกนั่งสบาย คนตายเพียบครับพี่น้องครับ ❤️📚

รีวิวหนังสือ The Fifth Risk

the fifth risk
The Fifth Risk โดย Michael Lewis

มาครับ อ่านจบแล้วมาเล่าสู่กันฟัง

ครั้งนี้เป็นหนังสือ The Fifth Risk ของเฮีย Michael Lewis คนเขียน The Liar’s Poker The Blind Side The Big Short และอื่น ๆ อีกหลายเล่มนะครับ

หนังสือเล่มนี้เล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หรือเอาจริง ๆ ก็คือ ไม่ได้เกิดขึ้น หลังจากที่ Donald Trump ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ เมื่อปี ๒๐๑๖ ดูเนื้อหาเผิน ๆ เป็นเรื่องการเมืองสหรัฐฯ และการบริหารราชการของสหรัฐฯ

ซึ่งเรื่องพวกนี้เป็นเรื่องที่พี่ไม่สนใจ ไม่เคยสนใจและไม่เคยคิดจะอ่านเลย (ลำพังการเมืองบ้านกูก็เหนื่อยใจอยู่แล้วมั้ย ขอถอนหายใจแป๊บ) แต่ที่ซื้อเล่มนี้และยังลัดกองดองที่มีอยู่หลายร้อยเล่มหยิบมาอ่านก่อนก็เพราะคนเขียนอย่างเดียวเลย

จากประสบการณ์ที่อ่านงานของ Lewis มา ต้องบอกว่าเฮียแกสายตาคม มองสาวนี่มีสะท้าน

ไม่ใช่! มึงอย่ามาตลก!!

เอาใหม่นะ เฮียแกสายตาคม แกเลือกประเด็นที่ดูเหมือนธรรมดา ไม่มีอะไร ไม่น่าสนใจ ไม่น่าหยิบมาเขียน หรือหนักไปกว่านั้นก็คือ แม่งแค่ฟังก็น่าเบื่อแล้ว เขียนออกมาใครจะอ่าน แต่นั่นแหละคือทีเด็ดของเฮีย เรื่องที่ดูเหมือนไม่มีอะไรอย่างที่ว่า พอผ่านปลายปากกาเฮีย (จริง ๆ น่าจะเป็นคีย์บอร์ดนะ) ออกมาแม่งกลับน่าสนใจ น่าอ่าน แถมยังชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของประเด็นที่หยิบมาเล่าได้อีกด้วย

เฮีย Lewis เคยเล่าในการเสวนาครั้งนึงว่า นักเขียนเนี่ยเวลาไปไหนมาไหน ไปเจอใคร มักจะถูกซักว่ากำลังเขียนเรื่องอะไรอยู่ ถ้าปฏิเสธไม่ได้ก็จะบอกไปสั้น ๆ ซึ่งถ้าฟังแล้วดูน่าสนใจก็จะโดนซักให้เล่าต่ออีกและหลายคนจะไม่อยากเล่า เพราะพอเล่าไปแล้วมันเหมือนพลังในการเล่ามันถูกระบายออก เวลาไปนั่งเขียนงานก็จะไม่สามารถระเบิดฟอร์มขึ้นสุดยอดขึ้นมาได้ เพราะมันถูกระบายออกไปแล้ว เหมือนเอากระสุนจริงไปยิงสนามซ้อมหมดแล้ว ประมาณนั้น

แต่เฮีย Lewis บอกว่าแกไม่มีปัญหานี้เลย จะไปปาร์ตี้หรือดินเนอร์ที่ไหน เจอคนถามว่ากำลังเขียนเรื่องอะไร แกก็ตอบตามตรง เป็นเรื่องนักคณิตศาสตร์ที่เอาหลักสถิติมาบริหารทีมเบสบอล (Moneyball)

หรือเป็นเรื่องเด็กผิวดำยากจนที่ได้ทุนเรียนจากการเป็นนักกีฬาอเมริกันฟุตบอล (The Blind Side) ซึ่งพอฟังแล้วคนในวงสนทนาก็จะอึ้ง แล้วเปลี่ยนไปคุยเรื่องอื่น 555555

The Fifth Risk นี่ก็เหมือนกัน เฮีย Lewis เปิดขึ้นมาด้วยเหตุการณ์ที่ควรจะเกิดแต่ไม่เกิดขึ้นในสามกระทรวงหลักของสหรัฐฯ หลังจากที่ Trump ชนะการเลือกตั้ง นั่นก็คือการ (ไม่) ส่งทีมงานเข้ามาศึกษาและรับช่วงงานต่อจากรัฐบาล Obama ที่กำลังจะพ้นวาระไป

สามกระทรวงที่ว่าก็มี กระทรวงพลังงาน กระทรวงเกษตร และกระทรวงพาณิชย์

จากจุดตั้งต้นตรงนี้ก็จะเป็นฝีมือและสไตล์ของเฮียเขาล่ะที่จะค่อย ๆ ขยายประเด็นให้เห็นภาพในระดับ macro (ที่ไม่ใช่ห้างค้าส่ง) ยิ่งขึ้น

เฮีย Lewis พาคนอ่านไปให้เห็นถึงบทบาท หน้าที่และความสำคัญของทั้งสามกระทรวง โดยเฉพาะในส่วนของความเสี่ยง (risk) ที่จะส่งผลกระทบใหญ่หลวงต่อชีวิตและความเป็นอยู่ของชาวอเมริกัน ไม่ว่าคนเหล่านั้นจะรู้ตัวหรือไม่ก็แล้วแต่ (แล้วแต่อะไรเหรอ แล้วแต่มึงเลยยยยยยยยย)

และนั่นคือที่มาของชื่อหนังสือ ส่วนว่าจะมี risk อะไรบ้างนั้น อันนี้ต้องตามไปอ่านกันเองนะฮะ 😊

ในขณะที่เล่าประเด็นนี้ เราก็จะได้พบกับข้าราชการหรือเจ้าหน้าที่รัฐ ผู้ไม่มีชื่อเสียงและไม่เคยได้รับเครดิตใด ๆ จากงานที่ทำ ทั้ง ๆ ที่งานเหล่านั้นอาจส่งผลถึงความเป็นความตายของชีวิตคนจำนวนมาก

ในขณะเดียวกันก็จะได้เห็นด้านมืดของระบอบการเมืองที่ถูกทุนเข้าครอบงำ หรือเป็นไปในลักษณะผลประโยชน์ต่างตอบแทน (แบบถูกกฎหมาย)

เอ๊ะ เรื่องพวกนี้คุ้น ๆ มั้ย?

ตอนแรกที่หยิบเล่มนี้มาอ่านก็นึกว่าจะเป็นเรื่องการเมืองสหรัฐฯ และรัฐบาลสหรัฐฯ แต่พออ่านไป ๆ ภาพในหัวมันดันมีคลื่นแทรกกลายเป็นการเมืองและรัฐบาลประเทศนึงแทรกมาตลอดเวลา

ทำไมนะ

นี่ยังดีนะที่เนื้อหาในหนังสือเขียนถึงช่วงปี ๒๐๑๖ – ๒๐๑๗ ถ้าขยับมาอีกนิดเป็นช่วงโควิดนะมึงเอ๊ยยยยยยยยยย

พี่นี่ไม่นึกถึงหน้า Trump เลยล่ะ… เลิฟ เลิฟนะฮะ ❤️

ยืดเหยียดฝ่าเท้า & น่อง

ระหว่างที่บดกาแฟเพื่อจะชงแก้วแรกของวัน เราก็ยืดเหยียดไปครับ อย่าปล่อยให้เวลาเสียเปล่า

ท่านี้จะได้ที่กล้ามเนื้อ เอ่อ… กล้ามเนื้อตรงฝ่าเท้ากับตรงน่องนะครับ มันจะชื่ออะไรก็ช่างมันเต๊อะ… 😆🤣

ข้าราชการที่ดีนี่น่าเห็นใจนะ

ประโยคนี้แม่งใช่เลย แสดงว่าเป็นความรู้สึกร่วมในระดับสากล

ถึงพี่จะไม่เคยรับราชการและไม่เคยคิดจะรับราชการ แต่ก็ต้องยอมรับว่ามีคนในระบบราชการจำนวนไม่น้อยที่คอยผลักดันและสร้างการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นท่ามกลางข้อจำกัดต่าง ๆ ของระบบที่เป็นอยู่

และคนกลุ่มนี้ได้รับการรับรู้น้อยเกินไปจริง ๆ… 👍

The Fifth Risk page 111
The Fifth Risk หน้า ๑๑๑

Choco the Labrador

เมื่อวันก่อนฝนตกแล้วหยุด ตกแล้วหยุด เป็นยังงี้ทั้งวัน ไม่มีจังหวะให้ออกมาเดินยืดเส้นยืดสายมั่งเลย

พอช่วงเย็นซักหกโมงเห็นอากาศเริ่มดี ก็เลยออกมาเดินเล่นรับลมในหมู่บ้าน งวดนี้ไม่ผิดหวังเจอลูกหมาลาบราดอร์ที่เจ้าของพาออกมาพอดี

โปรดสังเกตความเปรตของมัน ซึ่งอาการนี้แหละคือตัวยืนยันว่าแม่งเป็นพันธุ์แท้… 🐕❤️

สไตล์การปู การตบของ Michael Lewis

พี่ michael lewis แม่งเหนือชั้นว่ะ อ่านหน้านี้แล้วต้องขอโน้ตเก็บไว้หน่อย

นี่ถ้าเป็นเมื่อก่อน พี่ไม่มีทางอ่านหนังสือแล้วมาไฮไลต์มาโน้ตยังงี้แน่นอน… 😤.

The Fifth Risk page 97
The Fifth Risk หน้า ๙๗

หนังสือเล่มล่าสุด

หนังสือเล่มล่าสุดครับ สั่งไปเมื่อวันศุกร์ เพิ่งมาส่งสาย ๆ เมื่อวาน

เล่มนี้อยากได้มานานแล้ว แต่เมื่อก่อนราคาใน amazon เอาเรื่องอยู่ก็เลยเก็บไว้ใน wish list แล้ววันศุกร์มาเจอโพสต์ใน fb ตอนแรกก็จะไถผ่านไปแล้วแต่มาเห็นเล่มนี้ เอ๊ะ คุ้น ๆ ก็เลยลองถามราคาดู

ราคารับได้ ร้านถ่ายคลิปสภาพหนังสือมาให้ดู สภาพก็โอเค ร้านนี้ไม่เคยซื้อมาก่อน ส่งข้อความไปขอให้ช่วยห่อพลาสติกให้ด้วย ช่วงนี้ฝนตกบ่อย กลัวหนังสือจะเยิน

เมื่อวานหนังสือมาส่ง โอ้โห มีทั้งห่อถุงพลาสติก ห่อกันกระแทก แพ็กในกล่องกระดาษ พันด้วยพลาสติกใส แล้วห่อถุงพลาสติกทับมาอีกชั้น

ห่อมาเหมือนประชดอ่ะ โคตรดีย์ 👍

แล้วที่เซอร์ไพรส์คือมีแถมพวงกุญแจไม้แกะเป็นตัวพะยูนมาให้ด้วย ดูจากซองที่ใส่มาแล้วน่าจะเป็นงานฝีมือของชุมชนที่จังหวัดตรัง.ประทับใจมากครับ ❤️😊

The Fifth Risk

the fifth risk
The Fifth Risk by Michael Lewis

หลังจากจบ atomic habits ลองหยิบเล่มนั้นมาอ่านได้สิบหน้า เปลี่ยนเป็นเล่มโน้นได้สามสิบหน้า ย้ายไปเล่มนู้นได้ห้าหน้า ฟีลก็ยังไม่ใช่

ตอนนี้สรุปว่าน่าจะเป็นเล่มนี้ล่ะ… 📚