บันทึกงาน Run for the Wild 2025 วังรี นครนายก

(ยาวมาก เตือนไว้ก่อน)

ปกติจะใช้งานเทรลแรกของปีเป็นการเช็กสภาพร่างกายว่าที่ซ้อมมาเป็นยังไงบ้างก่อนจะถึงงานใหญ่ที่ตัังใจไว้ โดยสองปีที่ผ่านมาใช้งานเขาประทับช้าง 50k ด้วยเหตุผลว่า ใกล้กรุงเทพฯ เดินทางสะดวก สภาพสนามมีทัังเขา ทางราบ มีช่วงเจอแดดปิ้งย่าง

มาปีนี้ตอนกำลังจะสมัครเขาประทับช้าง พอดี facebook ขึ้นฟีดมาเป็นงาน Run for the Wild ซึ่งไม่เคยมาวิ่ง แต่มีภาพจำว่างานไม่ยาก ดูคลิปใน youtube ของนักวิ่งที่มางานปีที่แล้วก็ดูเป็นทางราบ มีช่วงขึ้นเขาสักสองสามช่วงมั้ง

แต่ปีนี้เห็นข้อมูลบอกว่าระยะ 50k มีเกนประมาณ 1,800 เมตร ก็เลยสนใจ อยากเพิ่มความท้าทายให้ตัวเองหน่อย เพราะงานเขาประทับช้างเกนสัก 900 ได้ นี่เพิ่มมาเท่าตัว ก็เลยตัดสินใจสมัครงานนี้แทน

Run for the Wild 2025 map

ประมาณสักเดือนนึงก่อนวันจัดงานไปซ้อมก๊อกแก๊กตามปกติแล้วเกิดเจ็บเท้าขวาด้านนอก หลายวันก็ยังไม่หาย ตัดสินใจไปหาหมอ สรุปว่ากล้ามเนื้ออะไรสักอย่างอักเสบ จากการที่ไปขาพลิกที่งานโป่งแยงครั้งล่าสุด กลับบ้านมาบวมตุ่ย บวกกับกล้ามเนื้ออะไรอีกสักอย่างที่ขาด้านนอกตึง ก็เลยไปดึงไอ้ตรงที่อักเสบนั่นแหละ

หมอช็อกเวฟให้สองหนกับบอกให้มาทำบอดี้เวตที่บ้านด้วยอีกทาง จนดูเหมือนจะเริ่มดีขึ้น กลับไปซ้อมได้ ซ้อมครั้งแรกไม่เป็นไร แต่ซ้อมครั้งต่อไปวิ่ง ๆ อยู่ไม่รู้ลงเท้าอิท่าไหน แม่มแปล๊บขึ้นมาอีก ต้องหยุดซ้อมเลยทีนี้ เหลืออีกแค่ห้าวันจะถึงวันงาน ตัดสินใจว่ารอไปหาหมอทีเดียวหลังจบงานเลยแล้วกัน

ตั้งใจว่างานนี้เอาแค่ประคองตัวไป ได้แค่ไหนเอาแค่นั้น อย่าเจ็บเพิ่มก็พอ

สองวันก่อนแข่งผู้จัดงานปล่อยแผนที่ไฟล์ GPX ให้โหลด เออ ผู้จัดตัดระยะออกไปสี่โล จาก 48 เหลือระยะจริง ๆ ประมาณ 44 โล ดูกราฟแล้วก็ไม่มีอะไรน่ากังวล เขาแต่ละลูกเกนร้อยกว่า สองร้อย จะมีก็แค่ลูกสุดท้ายที่สูงหน่อย

จนมาเห็นในเฟซส่วนตัวของ RD โพสต์ว่า เขาลูกสุดท้ายนี่ขึ้นสองโลแปด เกน 843 เมตร เฉลี่ยความชัน 23% ส่วนขาลง 3.5 โล เกน 865 เมตร เฉลี่ยความชัน 19%

เดี๋ยวนะ!! 😳

เกนแปดร้อยกว่านี่คิดคร่าว ๆ ก็ใกล้ ๆ กับจากศูนย์ประชุมที่เชียงใหม่ขึ้นไปขุนช่างเคี่ยน แต่อันนั้นมันระยะสิบโล แต่นี่แค่สองโลแปด นี่มันต้องชันเบอร์ไหน?

Run for the Wild 2025 all gear

วันงาน ระยะ 50k ปล่อยตัวตีสี่ครึ่ง วิ่งออกมาก็ลุ้นว่าสภาพสนามจะเละมั้ย เพราะช่วงเย็นวันก่อนหน้าฝนตกหนักมาก วิ่งถนนดำมาได้พักนึงเลี้ยวเข้าทางเทรล สักพักงัดขึ้นเขาลูกแรก เท่านั้นแหละ อห

เขาลูกแรกนี่ลูกเดียวกับลูกสุดท้ายที่ต้องเจอก่อนเข้าเส้นชัย แต่รอบแรกนี่เกนแค่สองร้อยกว่าก็หอบแล้ว แล้วรอบหลังที่เกนแปดร้อยกว่าตามที่ RD ว่า จะขนาดไหนเนี่ย

ลงจากเขาลูกแรกเจอ ws (water station) น้ำยังมีอยู่เลยยังไม่แวะเติมให้เสียเวลา วิ่งทางราบไปอีกนิดแล้วขึ้นเขาลูกที่สอง ตรงนี้เส้นทางมาทับกับระยะ 30k ล่ะ ขึ้นเขามาได้ไม่ไกลเจอรถติดยาวเหยียด เพราะทางเป็น single track แซงกันลำบาก

ติดอยู่พักนึงดูทรงแล้วยาวแน่ ๆ เลยสะกิดบอกนักวิ่งญี่ปุ่นระยะเดียวกันที่อยู่ข้างหน้าบอก you follow me แล้วอาศัยมธุรสวาจาเอ่ยปากขอทาง ขออนุญาตระยะ 50 แซงหน่อยนะครับ ขอบคุณครับ แบบนี้มาเป็นระยะ จนหลุดมาได้ แต่รวม ๆ แล้วเสียเวลาไปน่าจะเกินครึ่งชั่วโมงได้

เข้าซีพี A1 เติมน้ำเสร็จไปต่อ A2 วิ่งอยู่ในป่าพักนึงโผล่มาริมอ่างเก็บน้ำ เดินเหยียบดินเละ ๆ ฝ่าดงไมยราบยักษ์เกือบรอบอ่างเก็บน้ำมาขึ้นถนนดำขึ้นเนินไปถึง A2

ออกจาก A2 ขึ้นเขาฝาละมี ทางเป็น single track ชัน ๆ หลายช่วงชันหน้าแหงน มาถึงตรงนี้แรงขาอย่างเดียวเอาไม่อยู่แล้ว ต้องใช้โพลจ้วงพ่วงทั้งแรงขาแรงแขนพาตัวเองขยับไปข้างหน้าทีละก้าว

พ้นไปเนินนึงนึกว่าจะหมดกลับไปเจออีกเนินรออยู่แบบนี้ ขนาดไปเจอพี่เจ้าหน้าที่ที่มาคอยดูแล บอกว่าความชันหมดตรงที่แกอยู่ ไอ้เราก็ดีใจ ที่ไหนได้ มันแค่เนินนั้น ยังมีเนินอื่นต่ออีก

ตรงจุดนี้เจอหมาไซบีเรียนมากับน้องนักวิ่งผู้หญิงระยะ 50k ปกตินี่ต้องหยิบโทรศัพท์มาถ่ายรูปหมาหน่อยล่ะ แต่ตอนนี้ไม่เอาเลย เหนื่อยมาก มาได้ยินนักวิ่งคุยกันที่ซีพีเหมือนน้องหมาจะชื่อคอปเปอร์ หรือคูเปอร์ นี่แหละ

ลงเขามา 10:20 น. ถึง A3 อยู่ริมถนน นักวิ่งหลายคนตัดสินใจ dnf ที่นี่ เพราะระยะ 30k ไม่น่าไป A4 ทันคัตออฟแล้ว ส่วนระยะ 50k บางคนก็ไม่ไปต่อเหมือนกัน

จาก A3 ไป A4 เป็นถนนดำปิ้งย่างล้วน ๆ จังหวะนึงทางตัดเข้าชุมชนเล็ก ๆ มีเสียงเพลง knockin’ on heaven’s door ลอยมา ตอนแรกไม่แน่ใจ นึกว่าเหนื่อยจนหูหลอน แต่ฟังดี ๆ เฮ้ย มีบ้านนึงเปิดจริง ๆ นี่หว่า เวอร์ชั่น Guns N’ Roses ด้วยนะ ช่วยกระตุ้นให้คึกขึ้นมาได้นิดนึง

เข้า A4 11:20 น คัตออฟเที่ยงครึ่ง กินข้าวเติมน้ำ หยิบปลอกแขนออกมาใส่ เตรียมใจเลยว่าจากเดิมที่คิดว่าเวลาเหลือ ๆ กลายเป็นหลังจากนี้ต้องลุ้นทุกคัตออฟแน่ ๆ

Run for the Wild 2025 A4 food

ออกจาก A4 แดดเปรี้ยงเลย วนรอบอ่างเก็บน้ำห้วยปรือ จำได้ว่าช่วงนี้จะมีจุดลงน้ำ ที่ตอนบรีฟ RD บอกว่าน้ำเท่าเอว พอไปถึงจุดลงน้ำของจริง โด่ แค่หน้าแข้ง ไม่ถึงเอว หลอกนี่หว่า

ที่ไหนได้ ไปเจออีกจุดตรงน้ำตก ก้าวลงไป แม่ง บุ๋มมม เกือบเอวจริงเว้ย RD เขาพูดจริงทำจริง แถมพอโผล่มาเจออ่างเก็บน้ำทรายทอง ยังต้องลงน้ำอีกเป็นระยะ โดยเฉพาะจุดสุดท้ายก่อนที่จะไต่มาขึ้นตลิ่งนี่เกือบต้นขา

เอาจริง ระหว่างทางนี่เดินถอดใจมาแล้วนะ เพราะคำนวณระยะทางกับเพซแล้วไม่น่าจะทันคัตออฟหน้า กะว่าจะ dnf ที่ A5 นี่แหละ

เข้ามาถึง A5 ยังไม่ทันแจ้งว่าจะขอ dnf กำลังนั่งกินน้ำอยู่ มีพี่เจ้าหน้าที่ผู้ชายใส่แว่นเอาน้ำเย็นผสมน้ำแข็งมาราดหัว ราดตัว แล้วก็ราดที่ตูด!! เฮ้ย ไม่ใช่ ราดหัว ราดตัวแล้วเปิดเสื้อเทใส่เข้าไปเต็มหลัง

เฮ้ย แม่งฟื้น

Run for the Wild 2025 A5 station

ระยะทางจาก A5 ไป ws ที่เป็นจุดคัตออฟสี่โล ตอนนัันเหลือเวลา 40 นาที เจ้าหน้าที่บอกว่าเป็นถนนดำไปเกือบกิโลที่เหลือเป็นทางเข้าป่า คิดในใจว่าถ้าสภาพเส้นทางเป็นอย่างที่ผ่านมาไม่ทันแน่ ๆ แต่ก็ไปเหอะ ได้แค่ไหนก็แค่นั้น

ออกจาก A5 มาถึงจุดที่เลี้ยวเข้าทางเทรลเห็นป้ายบอกว่า ระยะ 7k ก็ใช้เส้นทางนี้ด้วย ใจชื้นเลย แปลว่ามันไม่น่ายาก เลยจ๊อกสลับเดินมาเรื่อย ๆ เช็กเวลามาด้วยตลอด จนเหลืออีกโลนึงเจอน้องนักวิ่งผู้หญิงใส่ชุดดำกำลังเดินอยู่ บอกน้องว่า มาเร็ว ยังทัน เหลืออีกโลนึง มี 11 นาที น้องเลยกวดตามมาอีกคน

มาถึง ws จุดคัตออฟก่อนเวลาหกนาที น้องสตาฟเตือนว่าเขาลูกนี้ควรมีน้ำไม่ต่ำกว่าสามขวด แล้วยังช่วยเติมน้ำให้ เสร็จแล้วรีบเดินออกมา สักพักเริ่มงัดขึ้นเขา

บอกเลยเหนื่อยหมดหลอด ขึ้นเขาลูกนี้ไม่ดูระยะทางเลยดูกราฟอย่างเดียวว่าขึ้นมาแค่ไหนแล้ว กว่าตัวเลขเกนจะขยับทีละร้อยเมตรนี่นานนนนนนนเหมือนชั่วกัปชั่วกัลป์ กว่าจะไปถึงยอดไม่รู้จะเล่ายังไง อยากให้ไปเจอเอง

ขึ้นไปถึงยอด ขาขึ้นว่ายากแล้ว ขาลงนี่ลงยังไงก่อน 5555 เดินลงไปได้ไม่กี่เมตรเจอทางดิ่ง พื้นผิวเรียบ ๆ ลื่น ๆ ไม่มีจุดให้วางเท้า ต้องหยุดยืนดู ลงยังไงวะ? สักพักนักวิ่งเกาหลีตามหลังมาเลยบอกให้ไปก่อนเลย เกาหลีก็หยุดเว้ย ลงยังไง สักพักทำท่าเหมือนคิดได้ พี่แกหันหลังเอามือจับต้นไม้ข้างทางแล้วค่อย ๆ ปล่อยตัวรูดลงไป แล้วค่อย ๆ ไหลไปแบบนั้น

ลงแบบนี้ใช่มั้ย อ่ะ ได้ เราก็ตามลงมาสักพัก แม่มไม่มีต้นไม้ให้จับทำยังไง น้องผู้ชายที่ตามมาบอก ผมสไลด์ลงเลยแล้วกัน ว่าแล้วน้องก็นั่งกับพื้นแล้วสไลด์ลงมา ชีวิตนี้ไปวิ่งมายังไม่เคยต้องสไลด์แบบนี้แต่ครั้งนี้หมดปัญญาจริง ๆ ตอนที่สไลด์ก็ต้องระวังดี ๆ เผื่อเจอก้อนหิน ตอไม้บาดตูดเข้าให้

ลงมาได้สักพักได้ยินเสียง RD อยู่ตรงฝั่งขาขึ้น ตะโกนถามไปว่าถึงข้างล่างแล้วต้องวิ่งทางราบอีกเท่าไหร่ถึงเส้นชัย RD บอก 700 เมตร ลองคำนวณเวลาแล้วไม่น่าทัน แต่อยากทำให้ดีที่สุด อยากรู้ว่าสภาพแบบนี้จะหลุดคัตออฟกี่นาที

ลงมาถึงเชิงเขา ดูนาฬิกาเหลืออีกนาทีเดียวจะคัตออฟ วิ่งจ๊อกไปตามทาง เริ่มสวนกับสตาฟที่เดินมาเซอร์วิสนักวิ่ง วิ่งต่อไปอีกหน่อยได้ยินเสียงโฆษกสนามเริ่มนับถอยหลัง 10 9 8 …

เข้าไม่ทัน

ก็เลยผ่อนเดินบ้างจ๊อกบ้างเก็บแรงไว้ตอนวิ่งเข้าเส้น จนร้อยเมตรสุดท้ายรวบรวมแรงฮึดจ๊อกเข้าเส้นชัยแล้วหยุดยืนสูดลมหายใจยาว ๆ อยู่พักนึง

Run for the Wild 2025 finisher

สรุปเวลาเข้าไม่ทันคัตออฟไป 6:37 นาที แต่ตอนที่มานั่งกินอาหารหลังงานมีน้องมาบอกว่าผู้จัดขยายคัตออฟระยะ 50k ให้ 15 นาที อ้าว ถ้างั้นก็เป็น finisher ดิ

Run for the Wild 2025 Elevation

กลับมาถึงบ้านมาเช็กข้อมูลในระบบเห็นว่าขึ้นเป็น finisher จริง โอเควะ ถึงจะเป็น finisher ก๊อกสองก็โอเคนะ

Run for the Wild 2025 after

ปีหน้าเจอกันใหม่ในสภาพที่พร้อมกว่านี้ ♥️

Leave a comment