เมื่อวันเสาร์ไปบรรยายที่วิทยาลัยการจัดการมหิดล ได้ความรู้ใหม่ๆ (ซึ่งบางอย่างคนอื่นอาจจะรู้กันทั่วไปหมดแล้ว) ที่น้อง ๆ เก็บข้อมูลมา ขอเอามาเล่าให้ฟังเผื่อเป็นประโยชน์ ดังนี้
– สาวมหาวิทยาลัย (ป.ตรี) ตอนนี้มีการทำศัลยกรรมในสัดส่วนอย่างน้อย ๑๐% (จากสัดส่วนกลุ่มตัวอย่าง จริง ๆ อาจมากกว่านี้ก็ได้) นับรวมทั้งที่ผ่าตัดและไม่ผ่าตัด ในส่วนของการผ่าตัดที่ทำมากที่สุดคือ จมูก
– สาเหตุของการทำคือ อยากสวย มีปัญหาหรือคิดว่ามีปัญหา เห็นเพื่อนทำแล้วสวยก็เลยอยากทำบ้าง และมีบ้าง (ในสัดส่วนยังไม่มาก) ที่ทำเพื่อจะเข้าวงการบันเทิง พริตตี้ ฯลฯ
– คนที่ทำไม่ได้ปกปิด เปิดเผยว่าทำเป็นเรื่องปกติ มีบางคนแม่เป็นคนพาไปทำด้วยซ้ำ
– สาวมหาวิทยาลัย (ป.ตรี) ตอนนี้มีการทำงานหารายได้เองด้วย และหลายคนรายได้เกินหมื่นหรือหลายหมื่น งานที่ทำส่วนใหญ่คือ การขายของผ่าน IG ไม่ต้องสต็อกสินค้า เอาเสื้อผ้าจากร้านมาถ่ายลง IG มีคนซื้อก็ค่อยส่งให้ บางคนก็เริ่มทำงานตามสายงานที่เรียน เช่น เรียนบัญชีก็ไปทำงานเป็นผู้ช่วยที่บริษัทผู้สอบบัญชี
– จากการที่ทำงานและมีรายได้ตามที่ว่ามา ทำให้สาวมหาวิทยาลัย (ป.ตรี) มีกำลังซื้อสูง หลายคน (จากกลุ่มตัวอย่าง) ใช้สินค้าแบรนด์เนม เครื่องสำอางเคาน์เตอร์แบรนด์ สนีกเกอร์ รุ่นและยี่ห้อที่เป็นที่นิยม การไปเที่ยวต่างจังหวัดและต่างประเทศ (ไปกันเอง ไม่ได้ไปกับครอบครัว) ฯลฯ
– การตัดสินใจซื้อสนีกเกอร์ของสาวกลุ่มนี้ ปัจจัยสำคัญที่สุดคือ influencer ซึ่งได้แก่ ดาราและเซเล็บฯ ตอนนี้คนที่มีอิทธิพลสูงที่สุดคือ ชมพู่ อารยา และ Kendall Jenner (ใครวะ?) โดยที่ influencer ไม่ต้องเป็นพรีเซนเตอร์ตรง ๆ แต่ถ่ายรูปให้เห็นว่าใส่ แล้วไม่ต้องถ่ายเน้นรองเท้าด้วย (น้อง ๆ จะไปส่องกันเองว่าใส่อะไร) แล้วจะไปตามซื้อกัน เช่น น้องเล่าว่า ครั้งหนึ่งชมพู่ใส่ converse สีขาวถ่ายรูปขึ้น IG ก็ทำให้รุ่นนี้สีนี้แทบจะขาดตลาด กลายเป็นของหายากกันเลย ในเรื่องนี้สื่อที่มีอิทธิพลสูงสุดจึงเป็น IG นะฮะ
– สาวมหาวิทยาลัย (ป.ตรี) กลุ่มที่เก็บตัวอย่างมา มีแบรนด์โลยัลตี้ในสินค้าเครื่องสำอางสูง ถ้ารุ่นที่ใช้ขาดตลาดก็ยินดีที่จะเปลี่ยนรุ่นแต่เป็นยี่ห้อเดิมมากกว่าเปลี่ยนยี่ห้อ ปัจจัยสำคัญอีกประการนึงของการซื้อเครื่องสำอางคือ พนักงานขาย มีอิทธิพลสูงต่อการตัดสินใจซื้อ
– การไปเที่ยวต่างจังหวัด การเลือกว่าจะไปที่ไหนสื่อที่มีอิทธิพลสูงสุดคือ pantip น้อง ๆ จะเข้ามาดูกระทู้ใน pantip ถ้าดูแล้วชอบก็จะตามไป โดยการไปเที่ยวจะไม่มีการแพลนล่วงหน้าว่าจะไปทำอะไรบ้าง จะเอาแค่ว่ามีตั๋วไป-กลับ มีที่พัก พอแล้ว ไปถึงแล้วค่อยว่ากันเฉพาะหน้า
ชักยาวล่ะ ขอจบแต่เพียงแค่นี้นะฮะ…